ตอนที่ 388 ไม่ต้องหลอกตัวเองแล้ว
“เราต่างรู้ดีว่าข้าเป็นอะไร อวี้จื้อ เจ้าไม่ต้องหลอกตัวเองแล้ว
ถึงแม้จะตายเร็วไปหน่อย แต่ข้าก็ไม่ได้เสียดายอะไรมาก ชีวิตนี้นับว่าเกิดมาไม่เสียเปล่าแล้ว อะไรที่ควรกิน อะไรที่ควรใช้ อะไรที่ควรเห็น อะไรที่ควรรู้สึก ข้าก็ผ่านมาหมดแล้ว
สิ่งเดียวที่เสียดายก็คือไม่สามารถเห็นผู้หญิงที่ข้ารักได้อีกแล้ว แต่ข้ารู้ว่า นางจะมีชีวิตที่ดี อวี้จื้อ เจ้าไม่ต้องรู้สึกผิด เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเจ้า ข้าโชคไม่ดีเอง”
มู่หรงนี่อวิ๋นพยายามเหยียดปากเป็นรอยยิ้ม ยิ้มให้หลิงอวี้จื้อ
หลิงอวี้จื้อตาเริ่มแดง
“เจ้าอย่าพูดจาเหลวไหล เจ้าผ่านอะไรมาบ้าง ใครว่าไม่น่าเสียดาย น่าเสียดายชัดๆ นี่อวิ๋น เหตุใดเจ้าโง่เช่นนี้ กอดขาชุนเหนียงไว้ทำไม เห็นๆ อยู่ว่าเจ้าหลบไปได้ เจ้านี่โง่เง่าจริงๆ”
“ถ้าข้าหลบไปแล้ว นางก็ทำร้ายเจ้าได้สิ
อวี้จื้อ ข้าเป็นผู้ชาย จะทนเห็นเจ้าบาดเจ็บได้อย่างไร อีกอย่างสุดท้ายเจ้าก็ช่วยชีวิตข้าไว้ มิเช่นนั้นตอนนี้ข้าคงตายไปแล้ว พวกเราถือว่าหายกันแล้ว เจ้าห้ามรู้สึกผิดเด็ดขาด มิเช่นนั้นข้าจะไปปรโลกอย่างไม่สบายใจ”
มู่หรงนี่อวิ๋นอยากกอดหลิงอวี้จื้อเหลือเกิน แต่เขาไม่กล้า กลัวว่าเลือดบนตัวจะไปเปื้อนตัวหลิงอวี้จื้อ เขากลายเป็นเช่นนี้แล้ว เขายอมรับ แต่ไม่ว่าอย่างไร เขาก็จะไม่ทำให้หลิงอวี้จื้อได้รับอันตราย
อวิ๋นซั่วได้ข่าวก็ตามมาทันที เห็นศพไร้หัวบนพื้นก็เครียดขึ้นมาทันที นั่นไม่ใช่ชุนเหนียงหรอกหรือ นี่คือศพที่เขาฝังเองกับมือ เหตุใดถึงมาโผล่บนถนนใหญ่ได้
แล้วแผลบนตัวมู่หรงนี่อวิ๋นมาจากไหน แผลนั้นเหมือนโดนอะไรกัดทึ้ง หรือว่าเรื่องราวมันไม่เหมือนกับที่เขาคิด
หลิงอวี้จื้อก้มหน้า น้ำตาไหลรินหยดแหมะๆ
“เจ้าจะไม่เป็นอะไร นี่อวิ๋น พวกเรากลับไปก่อนนะ กลับไปแล้วค่อยคิดหาวิธี ตอนนี้สำนักอู๋จี๋ก็อยู่ที่นี่ จะบุกเข้าไปในสำนักอู๋จี๋อีกครั้งก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่”
หลิงอวี้จื้อยื่นมือไปอีกครั้ง จะประคองมู่หรงนี่อวิ๋นขึ้นมา
คราวนี้มู่หรงนี่อวิ๋นยังคงผลักไสหลิงอวี้จื้อเช่นเดิม
“ข้าไม่กลับไป อวี้จื้อ หากข้ากลายเป็นนักรบไร้ชีพจะทำให้ทุกคนลำบาก อู่จิ้น เจ้ายังยืนเหม่ออะไรอยู่ ยังไม่พาหลิงอวี้จื้อกลับไปอีก”
อู่จิ้นก็รู้ว่าเรื่องนี้ร้ายแรงนัก ตอนนี้มู่หรงนี่อวิ๋นไม่มีทางเลือกเหลือแล้ว แม้จะกลับไปได้แล้ว พวกเขาก็ไม่มีวิธีการใด ทำได้เพียงมองดูเขาพิษกำเริบกลายเป็นนักรบไร้ชีพต่อหน้าต่อตา
พอหนานเยียนตายไปแล้ว หลิงอวี้จื้อก็เศร้าใจอยู่นาน หากมู่หรงนี่อวิ๋นก็ตายเพราะเหตุนี้เช่นเดียวกัน เกรงว่าหลิงอวี้จื้อคงจะรับไม่ไหว มิตรภาพของทั้งสองคน นางเห็นจนเป็นที่ประจักษ์แล้ว
“พี่สะใภ้ เกิดอะไรขึ้นกันแน่”
“อวิ๋นซั่ว เจ้ากับข้าช่วยกันประคองนี่อวิ๋นขึ้นมาที พวกเรากลับไปก่อน อู่จิ้น เจ้าเผาศพของชุนเหนียงเถิด ตัดไฟเสียตั้งแต่ต้นลม ต้องทำเช่นนี้เท่านั้นชุนเหนียงถึงจะตายอย่างสงบจริงๆ”
หลิงอวี้จื้อเศร้าโศกเสียใจ แต่พยายามควบคุมตนเองไว้ให้น้ำเสียงของตนเองเป็นปกติ อวิ๋นซั่วพอจะเข้าใจได้บ้างแล้ว เขาเข้าไปช่วยหลิงอวี้จื้อออกแรงยกมู่หรงนี่อวิ๋นขึ้นมาจากพื้น
เห็นหลิงอวี้จื้อยืนกรานเช่นนี้ คราวนี้มู่หรงนี่อวิ๋นไม่ได้ต่อต้านอีก หากตนเองถูกจัดการไปอย่างนี้ หลิงอวี้จื้อรับไม่ได้แน่นอน พิษนี้ก็ไม่ได้ออกฤทธิ์เร็วขนาดนั้น เขากลับไปก่อน รอโอกาสเหมาะค่อยจากไปอย่างเงียบๆ
สองคนประคองมู่หรงนี่อวิ๋นขึ้นมา มั่วชิงเพิ่งจะตามมาอย่างรีบร้อน นางมองหาชุนเหนียงไปทั่วแต่ไม่เห็นตัวแล้ว คราวนี้มองเห็นศพของชุนเหนียง ใจที่เป็นกังวลก็ผ่อนคลายลง
จากนั้นนางมองเห็นแผลของมู่หรงนี่อวิ๋น ก็เข้าใจแล้วว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ไม่ได้ถามอะไรมากความ คิดในใจว่าจะไปรับตัวมู่หรงนี่อวิ๋นมาจากหลิงอวี้จื้อ
ตอนที่ 389 ไม่เสียใจภายหลัง แต่เสียดายอย่างยิ่ง
หลิงอวี้จื้อไม่ยอมปล่อยมือ มู่หรงนี่อวิ๋นทำหน้ารังเกียจพลางพูดว่า
“อวี้จื้อ เจ้าเตี้ยเกินไป ประคองข้าไม่สบายเลย ให้มั่วชิงมาประคองข้าเถิด”
เขากลัวว่าเลือดของตัวเองจะไปเปื้อนหลิงอวี้จื้อ จึงได้แต่อ้างเหตุผลเช่นนี้
เห็นตนเองโดนรังเกียจเช่นนี้ เมื่อคิดถึงว่าความสูงของตนเองกับของอวิ๋นซั่วก็แตกต่างกันมาก จึงยอมปล่อยมือแต่โดยดี แล้วไปเดินตามข้างหลัง
เมื่อกลับไปแล้ว พวกนางไม่ได้เชิญหมอมา มั่วชิงทำแผลเป็นอยู่แล้ว จึงพันแผลให้มู่หรงนี่อวิ๋นเอง
หลิงอวี้จื้อกับอวิ๋นซั่วเฝ้าอยู่ข้างๆ นึกถึงที่อวิ๋นซั่วบอกว่าไปช่วยคนจากไฟไหม้มาเมื่อช่วงหัวค่ำ หลิงอวี้จื้อก็ถามว่า
“อวิ๋นซั่ว เจ้าบอกความจริงมา วันนี้เจ้าเจอชุนเหนียงมาใช่หรือไม่”
เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว อวิ๋นซั่วก็ไม่ได้ปิดบังหลิงอวี้จื้อต่อ พูดว่า
“ข้าเจอนางมาจริงๆ วันนี้ข้าเห็นชุนเหนียงออกไปข้างนอกท่าทางลับๆ ล่อๆ ข้าจึงตามออกไปด้วย นึกไม่ถึงว่าชุนเหนียงจะเดินไปถึงกระท่อมฟางตามลำพัง ซ้ำยังจุดไฟเผากระท่อมฟางด้วย
ตอนแรกข้าคิดจะช่วยชีวิตชุนเหนียง ผลสุดท้ายช่วยนางออกมาไม่ได้ ข้าจึงฝังนางไว้ในเรือนหลังนั้น”
“ที่แท้เจ้าก็เป็นคนฝังนี่เอง ตอนที่อวี้จื้อสอบถามเจ้า เหตุใดเจ้าต้องปิดบัง มิน่าชุนเหนียงถึงฆ่าตัวตาย นางรู้ว่าตนเองโดนพิษนักรบไร้ชีพแน่นอน เพื่อไม่ให้ทุกคนพลอยเดือดร้อนจึงอยากจบชีวิตตนเองเสีย
พิษนักรบไร้ชีพแพร่ระบาดง่ายมาก เพียงมีแผลปริเล็กน้อย หากแตะโดนเลือดคนที่มีพิษปลุกเสกนี้ก็จะติดทันที อวิ๋นซั่ว เจ้ารู้หรือไม่ว่าเจ้าเกือบทำให้คนทั้งตำบลเถาหยวนต้องตาย ยังดีที่พวกเราไปทันเวลา มิเช่นนั้นตำบลเถาหยวนจบเห่แน่”
มู่หรงนี่อวิ๋นพูด
อวิ๋นซั่วเองก็รู้สึกผิดมาก ก้มหน้าลงไม่รู้ว่าจะอธิบายอย่างไร
มิน่าตอนที่ชุนเหนียงจะตายถึงขอร้องให้เขาโยนศพนางเข้ากองไฟ เขานึกว่าชุนเหนียงโดนขู่อะไรมา ไม่นึกเลยว่าเหตุผลเบื้องหลังจะเป็นเช่นนี้ไปได้ จะว่าไปแล้วเขานั่นแหละที่ทำร้ายมู่หรงนี่อวิ๋น เขานั่นแหละที่ไม่เชื่อหลิงอวี้จื้อ ถึงได้คาดเดาไปอย่างนั้น
“ขอโทษ…ตอนนั้นข้ากลัวเกินไป ดังนั้นจึงไม่กล้าพูด ข้านึกไม่ถึงจริงๆ ว่าชุนเหนียงตายแล้วจะกลายเป็นเช่นนี้”
อวิ๋นซั่วก้มหน้าลงต่ำมาก ไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมองหลิงอวี้จื้อกับมู่หรงนี่อวิ๋น
“เรื่องนี้ก็โทษอวิ๋นซั่วไม่ได้ ผู้ร้ายตัวจริงคือสำนักอู๋จี๋ องค์กรนี้ทุเรศเกินไปแล้ว”
เมื่อพูดถึงสำนักอู๋จี๋อีก หลิงอวี้จื้อก็ขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน หนานเยียนตายเพราะพวกนาง เซียวเหยี่ยนก็บาดเจ็บเพราะพวกนาง
ตอนนี้มู่หรงนี่อวิ๋นก็มากลายเป็นเช่นนี้ แต่ในช่วงเวลานี้เธอทำอะไรสำนักอู๋จี๋ไม่ได้เลย องค์กรลัทธิมารนี้รากฐานมันหยั่งลึกเสียยิ่งกว่าที่เธอจินตนาการไว้ ไม่ใช่สำนักฝึกวิทยายุทธ์ธรรมดาทั่วไปในยุทธภพ
มั่วชิงพันแผลมู่หรงนี่อวิ๋นไปพลาง พูดไปพลาง
“คุณหนูเจ้าคะ เมื่อครู่ข้าตรวจดูสภาพชีพจรของคุณชายมู่หรงอย่างละเอียดแล้ว ชีพจรของเขาไม่มีจุดผิดปกติใดๆ ไม่มีสัญญาณของการโดนพิษ
หากโดนพิษนักรบไร้ชีพแล้ว บาดแผลก็จะเน่าเปื่อย และยังมีตุ่มพุพอง จะยืนยันเรื่องนี้ได้ ก็ต้องดูให้รู้ชัดก่อนว่าบริเวณแผลของคุณชายมู่หรงจะมีตุ่มพุพองหรือไม่ หากไม่มีอาการเหล่านี้ เช่นนั้นก็ยืนยันได้ว่าไม่ใช่พิษนักรบไร้ชีพเจ้าค่ะ”
คำพูดของมั่วชิงให้ความหวังอันยิ่งใหญ่แก่พวกเขา หลิงอวี้จื้อถามด้วยสีหน้าดีใจ
“จริงหรือ มั่วชิง มีความเป็นไปได้เช่นนี้จริงหรือ”
มั่วชิงพยักหน้าอย่างหนักแน่น
“ยืนยันว่าเป็นไปได้เจ้าค่ะ ชุนเหนียงไม่เหมือนนักรบไร้ชีพทั่วไป นักรบไร้ชีพมิได้เก่งกาจขนาดนี้ ข้ากลับนึกถึงความเป็นไปได้อีกอย่างหนึ่ง”
ได้ยินว่าตนเองอาจจะไม่ได้โดนพิษนักรบไร้ชีพ มู่หรงนี่อวิ๋นก็ลอบถอนหายใจ
ตอนนี้เขาไม่อยากตาย ก็เหมือนกับที่หลิงอวี้จื้อบอก หากเขาตายไปตอนนี้ ก็น่าเสียดายไปเสียทุกอย่าง อย่างเดียวที่รู้สึกคุ้มค่า ก็คือการตายเพื่อช่วยนาง เขารู้สึกว่าคุ้มค่าแล้ว เขาไม่เสียใจภายหลัง แต่เสียดายอย่างยิ่ง