บทที่ 865 ไม่กลัวว่าฉันจะตกใจ? / บทที่ 866 เล่นที่ใจเต้น

แผนรักร้ายคว้าหัวใจคุณสามี

บทที่ 865 ไม่กลัวว่าฉันจะตกใจ?

ตอนไหน…

ใช่ตอนที่เธอเมาแล้วดึงผู้ชายคนนั้นไม่ปล่อยไหม หรือตั้งแต่จบงานเลี้ยงที่บาร์แล้วเธอก็กลับไปกับคนคนนั้น หรือว่าตอนคนระวังตัวอย่างเธอลืมปิดประตูจึงถูกเขาเห็นเข้าอย่างจัง?

หรือว่าเกิดขึ้นเร็วกว่านั้น…

ตอนที่ชายคนนั้นอาศัยความเมาจูบเยี่ยไป๋ต่อหน้าหานเซี่ยนอวี่เพื่อประกาศความเป็นเจ้าของ…

เป็นผู้ชายด้วยกัน ตอนนั้นซือจิ่วจงใจทำอย่างนั้นกับเขาอย่างชัดเจน เขาไม่มีทางไม่รู้สึกอะไร

หากชอบใครคนหนึ่งจริงๆ ไม่มีทางปกปิดอยู่

หานเซี่ยนอวี่ไม่พูดจา คำถามน่าอึดอัดอย่างนี้ เยี่ยหวันหวั่นย่อมไม่ซักถามต่อ แต่เอ่ยปากอย่างจนใจ “เซี่ยนอวี่ ขอโทษนะ ไม่ใช่ว่าฉันตั้งใจปิดนาย นายก็รู้ว่าเรื่องอย่างนี้ถึงเป็นเพื่อนสนิทกันแค่ไหนก็พูดไม่สะดวก…”

“ฉันเข้าใจ” หานเซี่ยนอวี่พยักหน้าสื่อว่าเข้าใจ จากนั้นจึงถาม “กงซวี่รู้เรื่องนี้เหรอ”

เยี่ยหวันหวั่นกุมขมับ “กงซวี่เป็นข้อยกเว้น เจ้านั่นเรียกร้องความสนใจฉันทุกวัน ปากไม่ได้จริงจังอะไร พอดีวันนั้นซือจิ่วอยู่ด้วย เจ้านั่นก็พูดไร้สาระอีก ซือจิ่วเห็นก็เกือบเข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างฉันกับกงซวี่ผิด ฉันเลยต้องเปิดเผยรสนิยมทางเพศต่อหน้าเจ้านั่น และยืนยันความบริสุทธิ์ของตัวเอง!”

เวลาอย่างนี้ปกปิดต่อไปก็ไม่มีความหมาย เยี่ยหวันหวั่นจึงสารภาพหมดเปลือกเสียเลย

หานเซี่ยนอวี่มองเธอด้วยสีหน้าซับซ้อน “ตอนนี้พวกนายสองคนกำลังคบกันอยู่? งั้นแฟนสาวที่นายว่าก่อนหน้านั้น…”

เยี่ยหวันหวั่นอธิบาย “ความจริงก็คือเขานั่นละ ข้ออ้างแฟนสาวแค่มีไว้บังหน้า โดยเฉพาะกับเจ้าเด็กลั่วเฉินที่มีแผลใจกับเรื่องอย่างนี้นิดหน่อย ฉันห่วงว่าจะทำเขาตกใจเลยปกปิดไว้ค่อนข้างมิดชิด จริงสิ นายต้องช่วยฉันเก็บเรื่องนี้เป็นความลับนะ อย่าเผลอหลุดปากให้เขารู้เชียว…”

หานเซี่ยนอวี่ขมวดคิ้วน้อยๆ พลางมองเธอ “นายห่วงลั่วเฉินจะตกใจ แต่ไม่กลัวว่าฉันจะตกใจ?”

เยี่ยหวันหวั่นกระแอมเบาๆ “เอ่อ…”

หานเซี่ยนอวี่หัวเราะเสียงเบา “โอเค ไม่แกล้งนายแล้ว ในฐานะเพื่อน ฉันเคารพการตัดสินใจของนายอยู่แล้ว นายชอบผู้ชายหรือผู้หญิงก็เป็นอิสระของนาย ไม่ได้ไปขัดขวางใครด้วย นี่ไม่ใช่เรื่องที่น่าอับอายอะไร”

เยี่ยหวันหวั่นได้ยินก็ซาบซึ้งใจอย่างยิ่ง มิน่าแฟนคลับของหานเซี่ยนอวี่ถึงมักเรียกเขาว่าเทพบุตร!

หานเซี่ยนอวี่เข้าอกเข้าใจคนเกินไปแล้วจริงๆ!

หานเซี่ยนอวี่พูดไป สีหน้าก็พลันหนักใจเล็กน้อย “แต่มีเรื่องหนึ่งที่ฉันคิดว่าฉันต้องบอกนาย”

เยี่ยหวันหวั่นมีลางสังหรณ์ไม่ดีบางอย่าง “เรื่องอะไรเหรอ”

หานเซี่ยนอวี่ไตร่ตรองเรียบเรียงคำพูดเล็กน้อย ก่อนจะกล่าว “เมื่อก่อนมีครั้งหนึ่ง ฉันกับพี่เข่อซินไปดูหนังที่โรงหนังกันแล้วบังเอิญเจอกับซือจิ่ว ฉันเห็นเขา…อยู่กับผู้หญิงคนหนึ่ง ตอนนั้นฉันเห็นหน้าตาของผู้หญิงคนนั้นไม่ชัด แต่สองคนนั้นสนิทสนมกันมาก…เรื่องนี้ นายรู้ไหม”

เอ่อ เธอลืมเรื่องนี้ไปซะสนิทเลย!

ตอนนั้นเธอนัดซือเยี่ยหานไปดูหนังด้วยกัน แต่กลายเป็นว่าเจอหานเซี่ยนอวี่กับเฉียวเข่อซินเข้าพอดี ตอนนั้นหานเซี่ยนอวี่กับเฉียวเข่อซินถูกคู่รักด้านหลังรบกวนจึงหันหลังมากะทันหัน ซือเยี่ยหานเลยจูบเธอเพื่อปกปิดใบหน้าเธอไว้ ไม่ให้ถูกจับได้…

หานเซี่ยนอวี่เห็นฉากนี้เข้าเต็มตา ถึงแม้หานเซี่ยนอวี่ไม่เห็นเธอ แต่เขาต้องจำซือเยี่ยหานได้แน่นอน!

‘เหอะๆ ถ้าฉันบอกว่า…ฉันหรือเพื่อนพ้องนายก็คือผู้หญิงคนนั้น นายจะเชื่อไหม’

เยี่ยหวันหวั่นถอนหายใจ “อืม นั่นเหรอ ความจริงเขาถูกฉันทำให้เบี่ยงเบนแล้วน่ะ…ก่อนฉันกับซือเยี่ยหานจะรู้จักกันก็ชอบผู้หญิงทั้งคู่ นับไม่ได้ว่าเป็นเกย์แบบจริงจังเลย แค่คนที่พวกเราชอบเป็นผู้ชายพอดี…”

หานเซี่ยนอวี่นิ่งเงียบ ถูกทำให้เบี่ยงเบน…

————————————————————-

บทที่ 866 เล่นที่ใจเต้น

วันเดียวกันในเวลากลางคืน กงซวี่นัดแก๊งเพื่อนเสเพลไปซื้อเหล้าเบียร์กันที่บาร์

“อ้าก! ฉันมันหมาโสดพันปี โสดพันปีโสดโดดเดี่ยว กลางคืนดึกสงัดจะมีใครได้ยินฉันกำลังร้องไห้…” กงซวี่กอดไมค์ ร้องคร่ำครวญอย่างควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้

นึกไม่ถึงสักนิด ว่าตอนนี้เขาจะน่าเวทนาถึงขั้นโดนผู้ชายสองคนโชว์หวานทรมานคนโสด!

“อุ๊บ พอได้แล้ว เนื้อเพลงมันเป็นแบบนี้เหรอ” ถังซิงหั่วตกใจจนเหล้าในปากพุ่งออกมา กอดไหล่อีกฝ่ายอย่างหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก “ฉันว่านะไข่หมากง อย่างนายเนี่ยนะจะโสด เสี่ยวมี่เจี้ยนหรือว่ามี่ถังอะไรนั่นเสน่ห์สุดยอดขนาดนั้นเลยเหรอ”

“ห้ามดูถูกเสี่ยวมี่เจี้ยนของฉันเชียวนะ!” กงซวี่ถลึงตาใส่อย่างดุร้ายทันทีราวกับลูกหมาป่าปกป้องอาหาร “เจ้าโย่งถัง รู้ไหมว่าของที่ฉันอยากได้ที่สุดชั่วชีวิตนี้คืออะไร”

ถังซิงหั่วขมวดคิ้ว “คืออะไรวะ”

กงซวี่เอ่ย “ฉันเอามาไม่ได้…”

ถังซิงหั่วเพลียใจ “ไอ้เลวอย่างนายนี่มันต่ำตมจริง! กวนบาทาเป็นบ้า!”

กงซวี่หัวเราะหึๆ “นายจะไปเข้าใจอะไร ง่ายไปจะมีความหมายอะไร อย่างพี่นะต้องเล่นที่ใจเต้น!”

ถังซิงหั่วว่า “ขออวยพรให้นายโดดน้ำตายสักวัน!”

ตกกลางคืนหลังจากกลับไป เยี่ยหวันหวั่นฟ้องอย่างเหนื่อยใจสุดแสน

“เพราะคุณทั้งนั้นเลย ดึงดันให้ฉันแต่งตัวเป็นผู้ชาย ฉันใกล้จะประสาทกินแล้วนะ!”

ซือเยี่ยหานมองเธออย่างเรียบเรื่อย “เธอเสนอว่าจะแต่งเองไม่ใช่เหรอ”

เยี่ยหวันหวั่นกะพริบตาปริบๆ “เอ่อ…”

เหมือนเธอจะเป็นคนเสนอเอง…

“นั่นก็เพราะคุณบังคับว่า ‘ห้ามกระตุ้นอารมณ์เพศตรงข้าม’ หน้าตาอย่างฉันทำตามกฎไม่สมเหตุผลไม่ได้อยู่แล้ว…” เยี่ยหวันหวั่นบ่นอุบอิบ

เฮ้อ เธอกลบเกลื่อนปิดบังแบบนี้ต่อไปก็ไม่ใช่เรื่องเลยนะ…

ตอนนั้นเธอคิดวิธีนี้ได้ ด้านหนึ่งก็เพื่อให้ออกไปทำงานได้ อีกด้านหนึ่งเพราะเธอเป็นคนของตระกูลเยี่ย สถานการณ์ในตอนนั้น ถ้าเกิดใช้ตัวตนเดิมไปหาฉู่หงกวง จิ้งจอกเฒ่านั่นคงไม่เชื่อเธอง่ายขนาดนั้น การปลอมตัวเป็นผู้ชายทำให้หลายเรื่องสะดวกขึ้นไม่น้อย

ดังนั้นสำหรับภายนอก การใช้ตัวตนเยี่ยไป๋ยังมีประโยชน์ต่อเธอมาก แต่ถ้าเป็นภายในละก็…

ปกติเธอแตะเนื้อต้องตัวกับกงซวี่ ลู่เฉิน หานเซี่ยนอวี่ค่อนข้างมาก เหตุการณ์อย่างในวันนี้ จากนี้ไปจะต้องเกิดขึ้นอีกแน่นอน…

หานเซี่ยนอวี่กับลั่วเฉินสองคนนี้ ถ้ารู้ตัวตนแท้จริงของเธอปัญหาน่าจะไม่ใหญ่มาก สองคนนี้ค่อนข้างเชื่อถือได้ ปากก็หนัก ไม่ใช่ผู้ชายประเภทที่เจอสาวสวยก็ละเมอเพ้อพก ลบอัตราความหึงหวงออกไปได้

อุปสรรคที่แท้จริงกลับเป็นกงซวี่เจ้าหมอนั่น…

คืนนั้นตอนอยู่ชั้นล่างของตึกสำนักงาน เธอยังปลอมตัวเป็นผู้ชายอยู่เลย ซือเยี่ยหานก็เกือบจะถูกกงซวี่ยั่วโมโหจนพองขนแล้ว

ตอนแรกเธอนึกว่าเจ้าเด็กกงซวี่จะกระตือรือร้นแค่ช่วงสั้นๆ ใครจะรู้ว่านานขนาดนี้แล้วเขาก็ยังไม่ล้มเลิกความคิด ถ้าเกิดเขารู้ว่าเธอคือเสี่ยวมี่เจี้ยนละก็…

ภาพฉากนั้น…เหอะๆๆ…

ดังนั้นเยี่ยหวันหวั่นจึงได้ข้อสรุป ตอนนี้เธอควรจัดกงซวี่เป็นเป้าหมายที่ต้องระวังไว้ให้มั่น…

เช้าวันถัดมา

โม่เสวียนมาจิ่นหยวนเพื่อตรวจซือเยี่ยหานตามกำหนดการ

ก่อนกลับไป เยี่ยหวันหวั่นเรียกเขาไปอีกทางหนึ่งคนเดียว

“คุณหมอโม่คะ อาการของคุณเก้าตอนนี้เป็นยังไงบ้าง” เยี่ยหวันหวั่นถาม

การเปลี่ยนแปลงทางร่างกายของซือเยี่ยหานเธอมองเห็นได้ แต่ทางใจเธอก็ไม่มั่นใจแล้ว

โม่เสวียนมองเยี่ยหวันหวั่นด้วยสีหน้าที่อธิบายยาก ก่อนถอนหายใจเอ่ยอย่างจนใจ “คุณหนูเยี่ย ตอนนี้งานหนึ่งเดียวของผมคือมาตรวจเขาหนึ่งครั้งต่อเดือน ความถี่แค่นี้ยังถูกต่อต้านเลย ทุกครั้งไม่ถึงห้านาทีก็ถูกไล่ออกมา ตอนนี้ใกล้จะตกงานแล้ว คุณคิดว่ายังไงล่ะ”

………………………