ตอนที่ 81 ลูกเอ๋ย เจ้าไม่เจ็บหรือ

ยอดไทเฮาเขย่าวังหลัง

ตู๋กูซิงหลังยืนอยู่ข้างพระองค์ฮ่องเต้ สีหน้าปราศจากความรู้สึกใดๆ นางในตอนนี้สงบเสงี่ยมอย่างยิ่ง ไม่พูดมากแม้แต่คำเดียว รูปโฉมที่งามพิลาส เพียงได้เห็นก็บอกว่าคือสนมร้ายที่ล่มบ้านล้างเมือง หรือนี่ถือเป็นความผิดของนางด้วย? 

 

 

ดูเอาสิ ตั้งแต่ตนจนจบนางยังไม่ได้ทูลฟ้องฝ่าบาทเรื่องเต๋อเฟยแม้สักครึ่งคำเลยนะ เต๋อเฟยน้อยนั้นทำตัวเองทั้งนั้น เกี่ยวอะไรกับนางด้วย? 

 

 

จีเฉวียนทรงรับหนังสือโลหิตของฉีผินที่คนส่งต่อมาให้ เปิดออกดูทอดพระเนตรคราหนึ่ง ในหนังสือโลหิตนั่นเพียงกล่าวถึงว่าเต๋อเฟยยุยงนางให้ลงมือ โดยใช้ครอบครัวของนางมาบีบบังคับ สุดท้ายล่อลวงตู๋กูซิงหลันมายังกรมสืบสวน คิดจะควบคุมบังคับตู๋กูซิงหลันให้กำจัดนาง 

 

 

ยังโชคดีที่ไทเฮาเฉลียวฉลาดมีไหวพริบแก้ไข จึงทำให้ทั้งสองหนีออกมาได้ นางทราบซึ้งบุญคุณของไทเฮาอย่างยิ่ง ยินดีใช้ชีวิตตนเองเป็นประกัน และชี้ตัวเต๋อเฟยผู้บงการ 

 

 

สีพระพักตร์ของจีเฉวียนยังคงเย็นชาเสมือนตอนแรก เพียงแต่ทรงหันไปทอดพระเนตรตู๋กูซิงหลันบ้างแล้ว 

 

 

เขามองนางพลาดไป 

 

 

เขารู้มาตลอดว่าตู๋กูซิงหลันความคิดลึกซึ้ง ช่างวางแผน แต่คาดไม่ถึงว่าความสามารถของนางยังเหนือล้ำกว่าที่ตนเองคาดไว้ 

 

 

เต๋อเฟยคิดจะใช้นักพรตอู๋เจินส่งเสริมชื่อเสียงของนาง ทั้งยังหลอกใช้ฉีผินจัดการนาง 

 

 

ตู๋กูซิงหลันจึงซ้อนแผนกลับใช้นักพรตอู๋เจินหักหน้านางอย่างแรง ค่อยให้ฉีผินผลักนางจนจนมุม 

 

 

ไม่ออกหน้าแต่ว่าควบคุมหมากทุกตัวไว้ ทั้งยังเปลี่ยนเบี้ยของผู้อื่นมาเป็นของตน แต่ละตาแต่ละหลุมทำให้เต๋อเฟยไม่อาจต่อกรได้ จนต้องพังทลายในที่สุด 

 

 

คนที่ปากร้ายช่างว่าอย่างนาง วันนี้กลับไม่ได้พูดว่าเต๋อเฟยเลยแม้สักครึ่งคำ 

 

 

เพียงแต่จับตาดูสถานการณ์ วางแผนแต่ไกล และควบคุมทุกหมากไว้ในมือ 

 

 

จีเฉวียนดำริแล้วยังยากจะทรงเชื่อ ว่าทั้งหมดนี้เป็นแผนของสาวน้อยวัยสิบห้าปีผู้หนึ่ง 

 

 

เขาจ้องมองดูตู๋กูซิงหลันอยู่นาน ครุ่นคิดอยู่ว่าหากนางเป็นบุรุษละก็ เขาอยากจะให้นางเข้าวังมาเป็นขุนนางจริงๆ ให้นางได้ใช้ความเจ้าเล่ห์กลิ้งกลอกนี้จัดการบ้านเมือง 

 

 

“ฝ่าบาทเพคะ จะต้องมีผู้ใดให้ผลประโยชน์แก่นางเป็นแน่ ถึงทำให้นางกล้ามาใส่ความหม่อมฉันเช่นนี้ พระองค์ต้องเชื่อหม่อมฉันนะเพคะ! ” เต๋อเฟยยังไม่ยอมถอดใจ นางน้ำตาไหลสะอึกสะอื้น ดูไปน่าสงสารอย่างที่สุด “หม่อมฉันเป็นคนเช่นไร หรือว่าพระองค์ไม่ทรงทราบหรือเพคะ? “ 

 

 

จีเฉวียนทรงหันพระพักตร์ไปมอง จดจ้องนางด้วยสายพระเนตรเย็นชา เต๋อเฟยเป็นคนเช่นไรนะหรือ แน่นอนว่าเขารู้แก่ใจดี 

 

 

คนที่อยู่ในวัง จะมีใครที่หน้าตรงกับใจบ้างละ? เพียงแต่ว่าใครจะแสดงได้เก่งกว่ากันก็เท่านั้นเอง 

 

 

ตอนที่เขาพึ่งขึ้นครองราชย์ก็รับเหล่าสนมเข้ามามากมาย ก็เพียงเพื่อจะรวมอำนาจในการปกครองเข้ามาไว้ในมือ พวกสตรีทั้งหลายในวังหลังขอเพียงฉากหน้ารู้จักแสดงออกว่าสามัคคีดีต่อกัน เขาก็ไม่คิดจะไปถามไถ่ให้มากความ 

 

 

เมื่อเห็นว่าพระองค์ไม่ได้ทรงตรัสสิ่งใด เต๋อเฟยก็ยิ่งร่ำไห้หนักขึ้น “หม่อมฉันกับฉางซุนฮองเฮาถึงขนาดมีวันเกิดตรงกัน ย่อมต้องมีเมตตาเสมือนกับฉางซุนฮองเฮา ยามเด็กยังเคยได้รับการอบรมสั่งสอนจากฉางซุนฮองเฮาไม่น้อย พระองค์ทรงทราบดีที่สุด….” 

 

 

ทันทีที่กล่าวถึงฉางซุนฮองเฮา พระวรกายของจีเฉวียนก็ปลดปล่อยกระแสเย็นวาบออกมา เขาเขวี้ยงหนังสือโลหิตฉบับนั้นใส่หน้านาง ตะโกนตรัสใส่เต๋อเฟยออกมาสองคำ “หุบปาก” 

 

 

พระมารดาของเขา สตรีเช่นเต๋อเฟยย่อมไม่มีทางที่ทรงจะเอามาเปรียบเทียบได้โดยเด็ดขาด! 

 

 

ฮ่องเต้ทรงตรัสออกไปเช่นนี้ ผู้คนทั้งหมดต่างทราบแล้วว่า เต๋อเฟยคงจะจบสิ้นแล้ว 

 

 

จากองค์ชายที่ไม่ได้รับความโปรดปรานมาขึ้นครองบันลังก์ได้เช่นฝ่าบาท จะยังเป็นคนธรรมดาได้อีกหรือ? 

 

 

ถึงแม้ว่าพวกเขาจะรังเกียจตู๋กูซิงหลัน แต่ว่าเต๋อเฟยก็ทำเกินไปแล้ว …..ใครจะไปคาดคิดว่าเต๋อเฟยที่ภายนอกดูมีเมตตาหาที่ใดเปรียบ จิตใจกลับลึกซึ้งชั่วร้ายถึงเพียงนี้? 

 

 

เต๋อเฟยมองดูหนังสือโลหิตฉบับนั้น ยิ่งมองดูพระพักตร์ที่ไร้ความรู้สึกของฝ่าบาท ดวงใจของนางก็เหน็บหนาวอย่างที่สุด 

 

 

ฝ่าบาทไม่ทรงเชื่อนาง ทุกอย่างจบแล้ว! 

 

 

นางก้มหน้าลงในทันใด ในดวงตาเต็มไปด้วยความแค้น เมื่อเงยหน้าขึ้นมาอีกครั้งก็หันไปทางตู๋กูซิงหลัน ดวงตาของนางมีแต่เส้นเลือดจดจ้องไปยังตู๋กูซิงหลัน และตะคอกออกไปด้วยความคุ้มคลั่ง “เป็นเจ้า! เป็นนางมารเช่นเจ้าใช่ไหม? เจ้าใช้วิธีใดกันแน่ ถึงได้ทำร้ายข้าจนสาหัสเพียงนี้? “ 

 

 

ท่าทางของนางแยกเขี้ยวเคี้ยวฟันเช่นนี้ ไหนเลยจะมีความอ่อนแอเปราะบางเช่นยามปกติเหลืออยู่อีก? 

 

 

คราวนี้แม้แต่ซิ่วเหอเองก็รั้งนางเอาไว้ไม่อยู่แล้ว 

 

 

เต๋อเฟยเคยได้รับการสรรเสริญจากผู้คนจนคุ้นเคยมานานแล้ว ตอนนี้กลับต้องร่วงหล่นลงไปในหลุมลึกเช่นนี้ จิตใจของนางไหนเลยจะยังรับไหวอยู่อีก? 

 

 

พอนางด่าออกไป ก็เสมือนกลับว่ากลายเป็นบ้าไปในทันที โถมตัวเข้าหาตู๋กูซิงหลัน ตู๋กูซิงหลันเองก็ไม่ทันได้หลบหลีก ถูกเต๋อเฟยผลักกระแทกเข้ากับสุสานของเย่วฮูหยิน 

 

 

ข้อมือของนางถูกขูดถลอก เลือดสดๆ อาบไปบนสุสานของเย่วฮูหยิน 

 

 

เต๋อเฟยกดนางเอาไว้ใต้ร่างในมือมีปิ่นปักผมที่กระชากออกมาจากมวยผม นางในยามนี้สยายผมออกมาจนยุ่งเหยิงดูไปคล้ายผีสาวที่น่าหวาดกลัวตนหนึ่ง ปิ่นในมือจี้ลงไปบนลำคอของตู๋กูซิงหลัน “นังมารปีศาจ! ถึงข้าจะต้องตาย ก็จะเอาเจ้าลงนรกไปด้วย! “ 

 

 

ดูเถิด หลังจากวันนี้ไป ผู้คนทั้งหลายต่างได้เห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของนางแล้ว ต่อให้ฝ่าบาทไม่ได้ประหารนาง แต่นางจะยังอยู่ในวังหลังต่อไปได้อย่างไร? 

 

 

หากต้องทนมีชีวตอยู่ภายในสายตาดูถูกของผู้คน นางขอตายเสียดีกว่า! และจะเอานางสวะนี้ตายไปด้วยกัน ให้มันไปปรโลกอย่างไม่อาจสงบสุขไปตลอดทาง! 

 

 

เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นอย่างกระทันหันเกินไป แม้แต่ตู๋กูจุนยังไม่อาจมีปฎิกิริยาได้ทัน รอจนเขาคว้าเอาดาบใหญ่ไปถึงเบื้องหน้าของน้องเล็กได้ ปิ่นของเต๋อเฟยก็กำลังจะแทงเข้าไปบนผิวของนางแล้ว 

 

 

ตู๋กูจุนยามนี้แทบขาดสติไปเสียแล้ว เพียงคิดแต่จะใช้ดาบฟันเต๋อเฟยให้ตายไป 

 

 

และในชั่วขณะนั้นนั่นเอง มีมือสองมือยื่นมาถึงตู๋ซิงหลันอย่างพร้อมเพรียงกัน มือข้างหนึ่งเป็นของฮ่องเต้ มืออีกข้างก็คืออี้อ๋อง 

 

 

พระหัตถ์ของฝ่าบาทคว้าลงบนลำคอของนาง บังปิ่นของเต๋อเฟยเอาไว้ทั้งหมด แต่หลังหัตถ์ของเขาย่อมถูกปิ่นของเต๋อเฟยแทงเข้าแล้ว โลหิตสดไหลจากปากแผลย้อมลำคอของตู๋กูซิงหลันจนแดงชาดไปทั้งหมด 

 

 

ทั้งยังหยาดเยิ้มจากลำคอของนางไหลรินลงบนสุสาน 

 

 

หัตถ์ของอี้อ๋องคว้าลงบนมือของเต๋อเฟย แทบจะบีบมือของนางจนแหลกละเอียด 

 

 

“โอ้ว เง็กเซียนบนสวรรค์ของข้า~ช่างน่ากลัวเหลือเกิน~ ” นักพรตอู๋เจินร้องออกมาอย่างตระหนก…….ฝ่าบาทและท่านอ๋อง ทรงรีบร้อนกันเกินไปหรือเปล่า ไทเฮาน้อยผู้นั้น….นางแข็งแกร่งยิ่งกว่าพวกท่านทั้งสองเสียอีกนะ! 

 

 

หากว่านางตายไปได้ง่ายๆ เขาจะถูกลักพาตัวมาที่นี่ได้อีกหรือ? 

 

 

” ยามปกติไม่ใช่ว่าว่องไวปานกระต่ายเปรียวหรอกหรือ? ทำไมคราวนี้แม้แต่จะหลบยังหลบไม่พ้นล่ะ? ” จีเฉวียนมองไปยังสตรีที่นอนหมอบอยู่ข้างสุสาน กริ้วเสียจนขบฟัน เมื่อครู่หากไม่ใช่เพราะเขามีปฎิกิริยาว่องไว ตอนนี้นางก็คงกลายเป็นศพไปแล้ว! 

 

 

ตู๋กูซิงหลันตอนนี้แดงก่ำไปทั้งใบหน้า เพราะถูกมือของเขากดจนดวงตาแทบเหลือกขาว 

 

 

นางไม่ได้ถูกเต๋อเฟยแทงตาย แต่จะถูกจีเฉวียนบีบคอตายแล้ว เขาเบามือหน่อยไม่ได้หรือไง? 

 

 

คอของโฉมงามมันหักง่ายนะรู้ไหม? 

 

 

นางสำลักไอออกมาหลายครั้งติดๆ กัน พระหัตถ์ของจีเฉวียนถึงได้คลายออกจากลำคอของนาง นางหายใจเข้าไปได้เฮือกหนึ่ง ก็รีบมองดูฝ่ามือของเขา ถามออกมาคำหนึ่ง “ลูกเอ๋ย เจ้าไม่เจ็บหรือ? “ 

 

 

ตู๋กูซิงหลันไม่เข้าใจเลยว่า ทำไมเขาจะต้องช่วยนางเอาไว้ด้วย? ชีวิตฮ่องเต้มันน่าเบื่อเกินไป เลยจะเก็บนางไว้รังแกทุกวัน? 

 

 

จีเฉวียน “…….” 

 

 

ลองแทงเจ้าดูบ้างดูสิจะเจ็บไหม? 

 

 

เขาหน้าดำคร่ำเครียด อยากจะจับนางมาตีแรงๆ สักรอบ! เจ้าตัวไม่รู้จักรักชีวิต! 

 

 

เขายกมืออีกข้างขึ้นมา มองดูโลหิตสดๆ มากมายที่ลำคอของนาง พลันรู้สึกกลัวขึ้นมา……..ยังโชคดี ที่นี่เป็นเลือดของเขาเอง 

 

 

พระหัตถ์ที่ยกขึ้นสูง ค่อยๆ ลดลงทีละน้อย เขายังไม่ทันได้ตรัสสิ่งใดออกไป ใต้ฝ่าเท้าก็เกิดความเคลื่อนไหว