บทที่ 1561 – เรื่องราว

Ancient Strengthening Technique เทพอสูร บรรพกาล

บทที่ 1561 – เรื่องราว

 

“นี่เจ้าได้รับบาดเจ็บอย่างนั้นรึ?”แม้จะรู้คำตอบดีอยู่แล้วแต่เขาก็ยังถามออกมา พร้อมคว้าไปที่มือที่งดงามดังหยกของเธอ

 

“ใช่แล้ว ดูเหมือนว่าตอนนี้ข้ายังไม่พร้อมที่จะพาเจ้าไปยังที่นั้น”เสียงที่เศร้าสร้อยได้ดังขึ้น ขณะที่เธอมองไปที่ชิงสุ่ย

 

ชิงสุ่ยรู้สึกแปลกใจที่เธอกล่าวเรื่องนี้ออกมาในตอนนี้  แต่เขาก็เขาใจได้ในตอนนี้กลิ่นอายของเธอนั้นประหลาดอย่างมาก มิเช่นนั้นเธอคงไม่กล่าวเรื่องนี้ออกมาในเวลานี้

 

“อย่าได้กังวลไปเพราะข้าเป็นหมอที่เก่งกาจอย่างมาก ตราบเท่าที่คนๆนั้น ยังมีชีวิตอยู่ข้ามั่นใจว่าข้าสามารถรักษาได้”ชิงสุ่ยกล่าวออกมาด้วยรอยยิ้มก่อนที่ ถ่ายทอดพลังธรรมชาติให้กับเธอ

 

“ขอบคุณสำหรับความหวังที่ดีของเจ้า แต่ข้านั้นรู้ตัวข้าดี ไม่มีความหวังเหลือสำหรับข้าอีกต่อไปแล้ว “เธอถอนหายใจและพูดด้วยน้ำเสียงเบาบาง

 

“เจ้ารู้ได้ยังไงเมื่อยังไม่เคยลองดู?”

 

ชิงสุ่ยดึงแขนของเธอและพาเธอไปที่ห้องของตัวเอง ที่อยู่ไม่ไกลมากนัก

 

แต่เธอพยายามขัดขื่น มันทำให้ชิงสุ่ยนั้นจึงต้องอุ้มเธอขึ้นในเวลานี้

 

ชิงสุ่ยไม่รู้ว่าอาการของเธอเกิดขึ้นมาได้อย่างไร แต่ที่เขารู้หากสามารถสะกดกลิ่นอายของเธอได้ เธอจะดีขึ้นในที่สุด

 

ชิงสุ่ยค่อยๆใช้พลังธรรมชาติของเขา ลบกลิ่นอายของเธออย่างช้าๆ ทุกๆอย่างค่อยๆดำเนินไปอย่างช้าๆ เพราะชิงสุ่ยนั้นเป็นห่วงว่ามันจะส่งผลโดยตรงกับเส้นลมปราณของเธอ

 

ในอดีตสำหรับเขาแล้วการรักษาอาการเช่นนี้เป็นเรื่องที่ง่ายดายอย่างมาก แต่ถึงอย่างไรก็ตามตอนนี้เขาได้ค้นพบแล้วว่าอาการของเธอนั้นดูจะยากกว่ากรณีต่างๆที่เขาเคยพบมาเสียอีก

 

ในตอนนี้ชิงสุ่ยได้ใช้พลังธรรมชาติของเขาห่อหุ้มตันเถียนและจุดสำคัญของเธอเอาไว้ เพื่อป้องกันผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้น

 

ในตอนนี้กลิ่นอายที่นาวเย็นได้ทะล่วงออกมาจากทั่วๆร่างกายของเธอ

 

ในไม่ช้าเธอก็กอดลงไปที่ชิงสุ่ยด้วยความหนาวเหน็บ กล่าวเบาๆว่า “หนาว … ข้ารู้สึกไม่ดีอย่างมาก … “

 

แม้กระทั่งชิงสุ่ยผู้ซึ่งควรจะมีร่างกายที่แข็งแกร่ง ยังสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายที่หนาวเหน็บจากร่างกายของเธอได้ ถึงแม้ในตอนนี้เธอจะอยู่ในอ้อมแขนของเขา แต่เขาก็ไม่ได้มีเจตนาไม่ดีเลย ตอนนี้เขาทำได้แค่รักษาให้เธอเท่านั้น

 

ในตอนนี้ชิงสุ่ยได้ถ่ายทอดปราณและพลังธรรมชาติลงไปในร่างกายของเธออย่างต่อเนื่อง เพื่อขับกลิ่นอายที่แปลกประหลาดนี้ออกมา ในตอนนี้ชิงสุ่ยรู้สึกได้ถึงการเปลี่ยนแปลงจากร่างกายของเธอ

 

 

 

“อย่ากลัวเลยทุกอย่างจะดีขึ้นในเร็ว ๆ นี้” ชิงสุ่ยปลอบโยนเธอขณะลูบไปที่หัวของเธอที่หลับอยู่ในอ้อมแขน

 

ในตอนนี้เธอได้หยิบเหรียญตราแปลกๆอกมาและส่งมันให้ ชิงสุ่ย”รับนี้ไป มันจะสามารถนำพาเจ้าเข้าไปใน พระราชวังเทพสมุทรได้  ในนั้นเจ้าจะได้พบกับภรรยาของเจ้า นอกจากนี้จงบอกบอกให้นางมาพกป้องแดนทะเลน้ำเเข็งด้วย”

 

ในตอนนี้ชิงสุ่ยหน้าและไม่ต้องการรับมันไว้  แต่เธอนั้นก็ได้ยัดมันใส่ในมือของเขาแล้วกว่าว่า “สำหรับข้า เจี้ยนเก้อนั้นก็เหมือนน้องสาวของข้า นางได้รับมรดกจากมาแม่ของข้า กล่าวอีกนัยหนึ่งเราอาจจะใกล้ชิดยิ่งกว่าพี่น้องทางสายเลือดเดียวกันเสียอีก โนอกจากนี้นางยังเป็นผู้นำคนปัจจุบันของพระราชวังเทพสมุทรอีกด้วย “

 

ในตอนนี้ชิงสุ่ยตกตะลึงอย่างมากเมื่อได้ยินสิ่งที่เธอกล่าวออกมา ตอนนี้เจี้ยนเก้อของเขาได้กลายเป็นผู้นำของพระราชวังเทพสมุทรเรียบร้อยแล้ว

 

“แต่เจ้าจงระวังไว้ไม่ได้มีเพียงพระราชวังเทพสมุทรที่เป็นขุมอำนาจที่แข็งแกร่งของดินแดนแห่งนี้ ยังมีขุมอำนาจที่แข็งแกร่งมากมาย และพวกเขาก็จ้องเล่นงานเราอยู่ มันหน้าเสียดายที่ข้านั้นไม่สามารถเข้าไปตามนางได้ในตอนนี้ เพราะข้าได้รับบาดเจ็บเนื่องจากกับดักของอีกฝ่าย ดังนั้นข้าขอฝากเจ้าด้วยแล้วกัน และฝากให้นางปกป้องบ้านของเราเอาไว้”เธอกล่าวออกมาพร้อมน้ำตา

 

 

“ได้แต่เจ้าสัญญากับข้าก่อนว่าเจ้าจะไม่เป็นอะไร”ชิงสุ่ยรู้ได้ทันทีว่านี้อาจเป็นสั่งเสียสุดท้ายของเธอ ในตอนนี้เธอนั้นหมดหวังในตัวเองอย่างมาก

 

เมื่อมาถึงห้องชิงสุ่ยไม่รอช้าเขาได้วางเธอลงบนเตียงและนำเข็มทองออกมาในทันมี แต่ในตอนนั้นเองชิงสุ่ยคิดว่ามันคงไม่ดีที่จะรักษาเธอในที่แห่งนี้อาจมีคนอื่นๆที่ยังจำเขาได้ ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจใช้อย่างก้าวเก้าเทวาของเขาออกมา พร้อมกระโจนออกไปนอกหน้าต่าง

 

 

“นี่เจ้าวางแผนจะทำอะไร………”  เธอกล่าวออกาด้วยความกลัว

 

“เจ้าคิดว่าข้าจะไรละ อย่าได้กังวลข้าไม่ได้มีรสนิยมที่จะรังแกคนที่บาดเจ็บหลอก”

 

“เอาละเจ้าหยุดพูดได้แล้ว เก็บพลังของเจ้าเอาไว้เพื่อทนกับความเจ็บปวดของเจ้าดีกว่า ไม่เช่นนั้นเจ้าต้องร้องไห้ต่อหน้าข้าอย่างแน่นอน!”

 

ในตอนนี้ชิงสุ่ยได้วางรูปแบบรอบๆตัวเขา ขณะที่เขาเรียกสัตว์อสูรทั้งหมดออกมา พร้อมกับนำเตียงหยกออกมาจากดินแดนหยกของเขา

 

“ข้าจำเป็นต้องถอดเสื้อผ้าของเจ้าออก เจ้าจะยินยอมให้ข้าทำเช่นนั้นรึไม่?” ชิงสุ่ยกล่าวออกมาโดยไม่ได้ตั้งใจใช้ประโยชน์จากเธอ

 

เธอลังเลอยู่พักใหญ่และไม่ได้พูดอะไรออกมา

 

“อย่างได้กังวล ข้าเป็นหมอ ในสายตาของหมอเช่นเรานั้น ไม่มีการแบ่งแยกความแตกต่างระหว่างหญิง ชายหรอก “ชิงุส่ยกล่าด้วยน้ำเสียงจริงจัง

 

“เช่นนั้นเจ้าจะถามข้าทำไมละ?”

 

ในเวลานั้นชิงสุ่ยเอื้อมมือออกมาและจับไปที่ชายเสื้อของเธอ แต่ตอนนั้นเองเธอได้รีบตะโกนออกมา “รอก่อน!”

 

“มีอะไรรึ?” ชืงสุ่ยถามด้วยเสียงแปลก ๆ

 

“ข้าไม่อยากเห็นใบหน้าที่ปลอมแปลงของเจ้าในตอนนี้ ข้าไม่สบายใจที่ปล่อยให้เจ้าปฏิบัติต่อบาดแผลของข้าด้วยรูปลักษณ์แบบนี้ ทำไมเจ้าไม่แสดงใบหน้าที่แท้จริงของเจ้าออกมาก่อน? “เธอกล่าวออกมาด้วยเสียงที่แผ่วเบา

 

ในตอนนี้ชิงสุ่ยพยักหน้า ก่อนที่เขาจะยกเลิกการปลอมแปลง

ในแง่ของรูปลักษณ์ชิงสุ่ยนั้นคิดว่าตัวเองดูดีอย่างมาก เขาดูฉลาด และสง่างาม ยิ่งแกว่านี้ด้วยเครื่องหมายบนหน้าผากของเขา มันทำให้เขามีเสน่ห์มากกว่าใครๆ นอกจากนี้มันยังสามารถทำให้ผู้คนหลงใหลในตัวของเขาได้อย่างง่ายดาย

 

ในตอนนี้ชิงสุ่ยค่อยๆถอดเสื้อผ้าของเธอออกอย่างนุ่มนวล

 

นี่เป็นอีกครั้งที่มันให้เขาตกตะลึง เธอนั้นมีผิวพรรณที่งดงามอย่างมาก ยิ่งไปกว่าอื่นใด เธอนั้นกลับมีหน้าอกที่ใหญ่โตย่างมาก มากว่าที่เขาจิตนาการณ์เอาไว้เสียอีก ยิ่งไปกว่านั้นมันก็ดูสมบูรณ์อย่างมาก

 

เธอมีความงามมากพอที่จะทำให้แผ่นดินวุ่นวาย ใบหน้าของเธอนั้นมนเรียวราวกับถูกเจียระไนออกมาเป็นอย่างดี  แม้ว่าดวงตาของเธอมีขนาดไม่ใหญ่มาก แต่มันก็เต็มไปด้วยเสน่ห์ แม้ความงามของเธอจะไม่สามารถเทียบได้กับสาวในรูปภาพโฉมงามทั้งสิบสอง แต่เธอก็นับว่าเป็นยอดหญิงแห่งแผ่นดิน

 

 

ในตอนนี้ชิงสุ่ย เผยรอยยิ้มที่ชื่นขมออกมา และมองไปที่เธอ “ขอโทษด้วยที่ข้ากล่าวออกไปว่าข้ามั่นใจในก่อนหน้า แต่น่าเสียดายที่ ข้าอาจจะต้องบอกเจ้าว่าตอนนี้ข้ารู้สึกไม่มั่นใจเสียแล้ว”

 

ในตอนนี้เธอเข้าใส่สิ่งที่เขาสื่ออกมาได้อย่างดี เดิมทีเธอก็ไม่ได้คาดหวังอะไรมากนักจากเขา

 

 

จริงๆแล้วเธอไม่เชื่อว่าชิงสุ่ยจะสามารถรักษาเธอได้ เธอเป็นเพียงแค่เดิมพันดับโอกาสในครั้งนี้เท่านั้น เพราะเธอก็ยังต้องการที่จะอยู่ในโลกนี้ต่อไป แต่ตอนนี้เสื้อผ้าของเธอถูกถอดออกโดยชายคนหนึ่งซึ่งไม่ใช่คนที่เธอรัก มันทำให้เธอฉุกคิดขึ้นมากว่าตกลงเธอนั้นต้องการอะไรมากกว่ากันแน่ระหว่างชีวิตหรือเกียรติของเธอ

 

“ตอนนี้ถ้าข้าเลือกความตาย เจ้าช่วยหยุดถอดเสื้อผ้าของข้าได้รึไม่?” เอกล่าวออกมาหลังมองไปที่หน้าของชิงสุ่ย

 

“ข้าบอกเจ้าไปแล้วไม่ใช่รึ  ในสายตาของหมอไม่มีความแตกต่างใดๆระหว่างชายหญิง ข้าจะพยายามอย่างดีที่สุดที่จะไม่แตะต้องร่างกายของเจ้า “ขณะที่ชิงสุ่ยกล่าวออกมาขณะที่ได้นำมือของเธอนั้นมาปิดลงที่จุดลับของเธอเอาไว้

 

 

ชิงสุ่ยค่อยๆปิดตาของเขาลง เพื่อเรียกสติกลับมา  ในตอนนี้เนตรสวรรค์ได้ถูกใช้ออกมา ชิงสุ่ยสามารถสัมผัสได้ถึงไอเย็นสองจุดร่างกายของเธอ

 

 

ในตอนนี้เขาได้หยิบเข็มทองซึ่งยาวประมาณเก้านิ้วออกมา ก่อนที่จะปักลงไปทั่วๆร่างกายของเธอ โดยเริ่มจากศีรษะของเธอ ขณะที่ไต่ลงไปเรื่อยๆ

 

“ดูเหมือนข้าต้องขอโทษด้วย ข้าคงไม่อาจที่จะไม่แตะต้องเจ้าไม่ได้แล้ว…….แต่โปรดเชื่อในจริยธรรมของข้า “

 

ขณะที่ชิงสุ่ยกำลังพูดอยู่ เขาก็ยกมือของเธอขึ้นอย่างรวดเร็ว มันทำให้นี้ผู้หญิงคนนี้เปิดตาทั้งสองข้างกว้างขึ้น เมื่อยินสิ่งที่ชิงสุ่กล่าวยออกมาเธอรู้สึกกังวลใจอย่างมาก แต่ถึงอย่างไรเธอนั้นก็สามารถควบคุมสติเอาไว้ได้อย่างรวดเร็ว ในเมื่อเธออยู่ในสถานะแบบนี้แล้ว มันมีอะไรอีกบ้างที่อาจแย่ไปกว่านี้?

 

ด้วยนิ้วหัวแม่และนิ้วกลางของเขา ชิงสุ่ยได้สัมผัสกับจุดๆนั้นของเธอ  มันทำให้ร่างกายของเธอกระตุกเล็กน้อย ก่อนที่จะหายใจถี่ขึ้น…