บทที่ 1560 – วัฏจักร

 

ในตอนนี้ทุกๆอย่างก็ชัดเจนแล้วหลังจากถังยี่หลงกล่าวความต้องการของเขาออกมา

 

หลังจากได้ยินเช่นนั้น ชิงสุ่ยก็ใช้เวลาสักพักใหญ่ในการคิดวิเคราะห์

 

ในขณะที่เขาคิดอยู่ชิงสุ่ยเหลือบไปเห็นสายตาของถังยี่หลงที่เต็มไปด้วยความจริงๆใจ ในสายตาของเขาก็ไม่ได้มีความมุ่งรายหรือแผนร้ายเลยแม้แต่น้อย นอกจากนี้ยังเห็นได้ชัดว่าเขานั้นให้ความเคารพชิงสุ่ยและไม่ดูถูกเขาเลยแม้แต่น้อย เขาต้องการเป็นพันธมิตรกับตัวชิงสุ่ยจริง

 

ในตอนนี้ชิงสุ่ยไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ ว่าชื่อเสียงของเขาได้กระจายออกเป็นวงกว้าง หลังจากการประลองครั้งล่าสุด เขานั้นได้กลายเป็นต้นแบบให้ผู้คนมากมาย

 

สำหรับการต่อสู้สิ่งอื่นที่อยู่เหนือความแข็งแกร่งนั้นก็คือความยุติธรรมและความกล้าหาญ หลังจากที่ชิงสุ่ยสามารถยืนหยัดอยู่ได้ แม้จะพบเจอผู้ต่อสู้ที่แข็งแกร่งกว่า นอกจากนี้เขายังสามารถให้อภัยอีกฝ่ายลง มันทำให้ผู้คนมากมายเคารพและเลื่อมใสในตัวของเขาอย่างมาก และพวกเขาต้องการเป็นสหายของเขา

 

ถึงแม้ว่าตอนนี้ตระกูลฉินและถังจะมาจากจักรวรรดิที่แตกต่างกัน แต่มันก็ไม่ใช่ปัญหาใดๆ การมีสหายที่ต่างจักรวรรดิออกไป นั่นเป็นที่นิยมอย่างมากในทวีปแห่งนี้ เนื่องจากพวกเขานั้นจะได้รู้จักผู้คนจำนวนมาก ยิ่งไปกว่านั้นหากพวกเขามีปัญหาเกิดขึ้น พวกเขาอาจจะขอความช่วยเหลือจากจักรวรรดิพันธมิตรได้อีกด้วย ดังนั้นจึงมันเห็นได้ว่า แม้จะมีจักรวรรดิที่ต่างกัน แต่ก็มักจะเห็นว่ามีตระกูลจำนวนมากที่มักสร้างพันธมิตรกับตระกูลอื่นๆที่อยู่ต่างจักรวรรดิ

 

“ก็ได้ ข้ายอมรับข้อเสนอนี้ และหวังว่าเราจะเป็นพันธมิตรที่ดีต่อกันดี “ชิงสุ่ยกกล่าวหลังจากคิดอยู่นาน

 

“แน่นอนตระกูลฉินก็รู้ดีว่าตระกูลถังของเราเป็นตระกูลยังไง เราจะไม่ลังเลที่จะให้ความช่วยเหลือแก่เพื่อนของเราหากพวกเขาต้องการความช่วยเหลือ ยิ่งไปกว่านี้พวกเราจะคอยสนับสนุนตระกูลฉินและเจ้าให้แข็งแกร่งขึ้นไปกว่าเดิม “ถัง ยี่หลงกล่าวอย่างมีความสุข

 

ในตอนนี้ชิงสุ่ยเองก็มีความสุขอย่างมาก เขารู้สึกดีใจที่ตระกูลถังนั้น ให้ความสำคัญกับเขาอย่างมาก กล่าวอีกนัยหนึ่งนั้นหมายความว่าเขามีอิทธิพลต่อพวกเขาอย่างมาก นอกเหนือมันยังทำให้เขาอุ่นใจได้ว่ายังมีขุมอำนาจที่ทรงพลังคอยสนับสนุนอยู่ แม้ว่าเขาจะแข็งแกร่งขนาดไหน แต่การใช้ชีวิตโดยเพียงลำพัง มันก็คือว่าเป็นเรื่องยากอยู่ดี

 

ในตอนนี้ชิงุส่ยไม่กล่าวอะไรต่อยกเว้นเอ่ยชื่อออกมา “ข้าชื่อชิงสุ่ย ข้าหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้รู้จัก และเป็นสหายที่ดีกับท่าน”

 

“เยี่ยม ต่อจากนี้ไปเราคือสหายกัน!” ถังยี่หลง กล่าวด้วยความสุข

 

“พี่ชิง เพื่อให้ทุกๆคนรู้เกี่ยวเรื่องนี้ ดูเหมือนว่าเรายังคงมีงานอีกมากมายต้องทำเสียแล้ว” ถังยี่หลงกล่าวหลังจากคิด

 

“ข้าเข้าใจดี งั้นข้าขอยกเรื่องนี้ให้เป็นหน้าที่ของพี่ยิ่หลงก็แล้วกัน ข้าไม่ค่อยชอบยุ่งเกี่ยวกับเรื่องเช่นนี้นี้ “

 

“ไม่มีปัญหา ให้เป็นหน้าที่ของข้าเอง ต่อแต่นี้ไปพวกเราจะเป็นสหายที่ดีต่อกันตลอดไป!” เขา กล่าวออกมาอย่างมีความสุข

 

หลังจากนั้น ชิงุส่ยก็ได้เข้าไปเยี่ยมตระกูลถัง เมื่อชิงสุ่ยมาถึง ทุกๆคนในตระกูลถังได้ออกมาต้อนรับเขาอย่างอบอุ่น นั้นเพราะพวกเขาตระหนักดีถึงความสามารถของชายคนนี้ ไม่ว่าจะความสามารถและศักยภาพของเขา ไม่แน่ในอนาคตเขาอาจเป็นคนที่อยู่บนจุดสูงสุดของโลกใบนี้ก็ได้

 

ในตอนนี้หลังจากที่ชิงสุ่ยมาถึงผู้นำตระกูลได้ออกมาตอนรับชิงสุ่ยด้วยของเขาเอง เมื่อมองไปที่เขาชิงสุ่ยรู้สึกว่าเขานั้นได้เข้าสู่ช่วงวัยกลางคนมาเรียบร้อยแล้ว ยิ่งไปกว่านั้น เขายังดูหล่อเหล่าและเต็มไปด้วยกลิ่นอายที่ทรงภูมิปัญญา ชิงสุ่ยสามารถรู้ได้ทันทีว่าเขาคือพ่อของถังยี่หลง เพียงแค่แรกเห็น

 

เขามีชื่อว่าถัง ต่ง ยิ่งไปกว่านั้น เขายังเป็นผู้บ่มเพาะที่แข็งแกรงอย่างมาก ถึงแม้ชิงสุ่ยจะไม่สามารถบอกได้ถึงความแข็งแกร่งของเขาได้อย่างแม่นยำ แต่ที่แน่นอนมันคงมากกว่าเขา แต่ถึงอย่างไรมันก็ไม่ใช่ปัญหาที่เขาจะเอาชนะ

 

ความแข็งแกร่งของชิงสุ่ยไม่สามารถถูกวัดออกมาได้ด้วยพลัง เนื่องจากเขามีทักษะที่สนับสนุนมากมายว่าทักษะจำกัดความแข็งแกร่ง หรือทักษะพันธนาการ มันทำให้เขาได้เปรียบอย่างมากในการต่อสู้จริงๆ

 

นอกจากนี้ยังมีชายชราอีกสองคนที่อยู่ข้างถังต่ง การบ่มเพาะของพวกเขาไม่ได้อ่อนด้อยกว่าถังต่งเลย แต่ถึงอย่างไรก็ตาม ท่าทางที่พวกเขาแสดงออกมาในตอนนี้มันกับดูอ่อนน้อมอย่างมาก นอกเหนือจากท่าทางของพวกเขาก็เต็มไปด้วยความเมตา แต่ในตอนนี้ชิงสุ่ยสามารถบอกได้เลยว่ามันคือการเสแสร้ง ยิ่งไปกว่านั้นเขายังสัมผัสได้ถึงความไม่เป็นมิตรลึกๆภายในดวงตาของเขา ยิ่งไปกว่านั้นชิงสุ่ยยังสามารถบอกได้ว่าทั้งสองคนนั้นไม่ชอบในตัวของเขาอย่างมา เพียงแค่ตอนนี้พวกเขากำลังแสดงละครอยู่ เพราะพวกเขาอยู่ข้างหน้าถังต่ง

 

ในตอนนี้พวกเขาได้ปล่อยจิตสังหารเบาๆออกมา ในอากาศแต่ถึงอย่างไร พวกเขาก็ต้องหยุดลงด้วยแรงกดดันที่ถังต่งปล่อยมา แม้ว่าถังต่างจะไม่ทำอะไร ยิ่งไปกว่าในจังหวะที่ถังต่งหันกลับมา จิตสังหารที่มหาศาลของชิงสุ่ยได้พุ่งทะลักออกมาในพริบตา ก่อนที่จางหายไป

 

ในตอนนี้ชิงสุ่ยมั่นใจสัญชาตญาณของเขาอย่างมาก ดังนั้นเขาถึงได้ทำเช่นนี้ สิ่งที่เขาทำลงไปเพื่อบ่งบอกให้รู้ว่าเขา ไม่ใช่คนที่สามารถจะมาต่อกรได้ง่ายๆ หากใครต้องงการเป็นศัตรูกับเขา เขานั้นจะจัดการมันอย่างไม่ปราณี

 

 

โดยปกติชิงสุ่ยจะไม่ใช่คนที่จะทำเรื่องเช่นนี้ออกมา สิ่งที่เขาแสดงออกมาเพื่อเตือนสติของถังต่ง ให้ระวังคนของเขาเอาไว้ แต่ถึงอย่างไรนี้ก็ไม่ใช่การปฏิเสธความสัมพันธ์ นอกจากนี้สิ่งที่เขาแสดงออกมาก็ยังถือว่าเป็นการเตือนสติอีกฝ่ายเท่านั้น ก่อนที่พวกเขาจะทำอะไรที่สิ้นคิดออกมา

 

ในตอนนี้ถังต่งสามารถเข้าใจได้ดีถึงการกระทำของชิงสุ่ย ยิ่งไปกว่านั้นเขานั้นก็รู้จักชายชราทั้งสองดีกว่าใครดังนั้นเขาจึงกล่าวออกมา “ฮ่าๆ คุณชายชิงข้าเข้าใจดีในความหมายของท่าน หากเป็นข้าๆก็จะทำเช่นนี้ ข้าต้องขอโทษแทนชายชราทั้งสองด้วย ที่พวกเขาเป็นคนจิตใจคับแอบเช่นนี้ ข้ารู้ดีว่าทุกๆคกนั้นมีขีดจำกัดของตัวเอง  เช่นเดียวกันข้าคงไม่ยอมให้ใครมาข่มเหง หรือมาทำร้ายคนที่ข้ารัก แต่ข้าจะขอพูดอะไรหน่อยนะ บางครั้งคุณชายนั้นต้องอดทนให้มากกว่านี้ เคยมีคนกล่าวไว้ว่าขั้นสุดยอดของการบ่มเพาะนั้นคือความโหดเหี้ยมและไร้เมตตา หากวันใดวันหนึ่งท่านไปถึงจุดๆนั้น ข้าไม่อยากเห็นท่านเป็นคนที่ไร้จิตใจเช่นนั้น “

 

“นอกจากนี้ คุณชายชิง ข้าจะไม่ปฏิเสธความจริงที่ตระกูลถังของเรา เข้ามาตีสนิทกับท่าน เนื่องจากเราชื่นชมในศักยภาพของท่าน นี่เป็นเรื่องปกติของโลกใบนี้ ที่จะมองหาคนที่ความแข็งแกร่งและมีความสามารถ เพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้ตัวเอง ซึ่งนี่อาจกล่าวได้ว่านี่เป็นการสร้างผลประโยชน์รูปแบบหนึ่ง ซึ่งข้ารู้ดีว่ามันเป็นความสัมพันธ์ที่บอบางอย่างมาก แต่ถึงอย่างไรข้าก็ดีใจที่ได้รู้จักกับท่าน และหวังว่าเรานั้นจะเป็นสหายกันตลอดไป”ถัง ต่งมองไปที่ ชิงสุ่ยและด้วยรอยยิ้ม

 

“ข้าสามารถเข้าใจสิ่งที่ท่านต้องการสื่อได้ดี  ในความเป็นจริงข้านั้นก็เห็นด้วยกับสิ่งที่ท่านพูดออกมา ความหมายของเพื่อนก็คือการช่วยเหลือซึ่งกันและกัน เพื่อให้มาซึ่งประโยชน์ทั้งสองฝ่าย คงไม่มีใครอยากเสียเวลากับคนไร้ค่า ซึ่งมันเรื่องที่ข้าเข้าใจดี แต่ข้าก็หวังว่าความสัมพันธ์ของเราจะไม่จบลงที่ผลประโยชน์เท่านั้น บางครั้งเราอาจจะเป็นสหายที่ดีต่อกันโดยไม่มีข้อแม้ “ชิงสุ่ยกล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม

 

……

 

ในที่สุดหนึ่งเดือนก็ได้ผ่านพ้นไปอย่างรวดเร็ว  ในตอนนี้ชิงสุ่ยได้ออกมารอเธอในร้านอาหารเล็กๆแห่งหนึ่ง เขามักจะมองไปรอบๆเพื่อหาเธอ ด้วยความหวังว่าเขาจะได้พบเจอเธออีกครั้ง

 

ในตอนนี้มันก็เกือบเที่ยงแล้ว แต่ถึงอย่างไรเขาก็ไม่ได้เห็นแม้กระทั้งเงาของเธอ แต่ถึงอย่างไรเขาก็ยังทนรอต่อไป

 

เขายังมีความหวังว่าในวันนี้ เขาจะได้พบเจอกับเธอ สำหรับผู้บ่มเพาะคำมั่นสัญญานั้นถือว่าเป็นสิ่งที่สำคัญในชีวิตของพวกเขา  แต่ถึงอย่างไรในตอนนี้ชิงสุ่ยเองก็เกรงว่าที่เธอไม่ยอมออกมานั้นเพราะการแปลงโฉมของเขา

 

ในตอนนี้เขาได้มองออกไปที่ริมหน้าต่างอย่างต่อเนื่อง

 

ทันใดนั้น ภาพที่คุ้นเคยได้ปรากฏขึ้นที่บันไดทางขึ้น

 

ในที่สุดคนที่เขารอก็มาสักที ในตอนนี้กลิ่นอายของเธอยังคงเป็นเช่นดังเก่า มันยังคงเต็มไปด้วยความลึกลับกับสง่างาม ยิ่งไปกว่านั้นมันไม่ใช่กลิ่นอายที่คนทั่วๆไปจะมีได้ แม้แต่เขาเองก็ยังรู้สึกทึ่งกับกลิ่นอายของเธอ นอกจากนี้ทำให้เขารู้สึกหวาดกลัวใช่น้อย

 

 

มนุษย์มักจะกลัวในสิ่งที่พวกเขาไม่เข้าใจ ในชีวิตก่อนหน้าของเขา ชิงสุ่ยเคยเป็นคนที่ไม่เชื่อในผีสาง แต่ตอนนี้ เขาไม่มั่นใจแล้วว่าสิ่งที่เขาเคยเชื่อนั้นเป็นเรื่องจริงหรือไป

 

 

ผู้หญิงคนนั้นสวมหมวกไม้ไผ่รูปกรวยที่ปกคลุมทั้งใบหน้าและลำคอของเธอ อย่างไรก็ตามชุดของเธอก็ได้เผยไหล่ที่อ่อนโยนออกมา  เธอมีรูปร่างที่เพรียวและอ่อนช้อย แต่มันก็เต็มไปด้วยแรงดึงดูด ยิ่งไปกว่านั้นหน้าอกของเธอก็มีขนาดใหญ่โตอย่างมาก เมื่อเทียบกับขนาดร่างกายของเธอ ชิงสุ่ยรู้สึกว่ามันนั้นใหญ่โตเกินไป แต่ถึงอย่างไรมันก็ทำให้เธอดูมีเสน่ห์ในแบบที่เธอเป็น ซึ่งมันเป็นสิ่งที่ผู้ชายมากมายนั้นใฝ่ฝันที่จะสัมผัส ถึงอย่างไรก็ตามชุดของเธอก็สามารถปกปิดมันได้อย่างมิตรชิด

 

ในตอนนี้ชิงสุ่ยวุ่นวายใจอย่างมากเพราะกลิ่นอายของเธอนั้นอันตรายอย่างมาก ในวันนี้เธออาจจะยังสามารถควบคุมมันได้อยู่ แต่ในอนาคตหากเธอนั้นไม่สามารถควบคุมมันได้ มันจะทำให้เธอละคนอื่นๆตกอยู่ในอันตราย กลิ่นอายที่เธอปล่อยออกมาในตอนนี้ มันทำให้ชิงสุ่ยนั้นคิดถึงชิงซาอย่างมาก

ชิงสุ่ยลุกขึ้นยืนขณะ ที่เธอเดินเข้ามา เขา ยิ้มและพูดว่า “เจ้าเป็นยังไงบ้าง แล้วเจ้าจัดการธุระของเจ้าเสร็จแล้วรึยัง?  “ชิงสุ่ยกล่าวขณะที่เชิญเธอนั่งลง

 

 

“อืม ทุกอย่างเรียบร้อยดี ในตอนนี้ข้าอาจจะสามารถพาเจ้าไปที่นั่นได้แล้ว จริงสิทำไมเจ้าถึงไม่เปิดเผยใบหน้าที่แท้จริงของเจ้าละ? “เสียงที่ดูน่ารักและชัดเจนดังขึ้น

 

“ข้าว่าแล้วเจ้าต้องจำข้าได้ ข้ามีเหตุผลบางอย่างที่ไม่สามารถเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงได้ ยิ่งไปกว่านั้น เจ้ารู้ได้อย่างไรว่านี่ไม่ใช่รูปลักษณ์ที่แท้จริงของข้า? “ชิงสุ่ย ยิ้มและถาม ถึงแม้เขาจะมีคำตอบของเขาอยู่ในใจแล้วก็ตาม

 

“เจ้าจะเชื่อข้าหรือไม่ ถ้าข้าบอกเจ้าว่าข้าเคยเห็นเจ้ามาก่อน?” เธอกล่าวออกมาและยิ้ม

 

“แต่ข้าคิดว่าข้าไม่เคยพบเจ้ามาก่อนนะ จะเป็นไปได้หรือไม่ว่าเจ้าเคยเห็นภาพวาดของข้า”

 

“เจ้า เป็นคนที่ชาญฉลาดจริง”

 

ในขณะที่เธอกำลังจะลุกขึ้น เธอนั้นได้ไอออกมาเป็นเลือดเบาๆ