ภาค 4 กวาดล้างหมื่นลี้ บทที่ 351 เสพสุขกับชัยชนะ

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

โลกแปดพิภพในปัจจุบันมีอาวุธศักดิ์สิทธิ์อยู่อย่างจำกัด อีกทั้งยังหายาก อาวุธวิญญาณระดับสูงจึงนับเป็นอาวุธที่เลิศล้ำที่สุดแล้ว

แม้จะไม่ได้มีจำนวนน้อยนิดจนต้องนับนิ้วเช่นอาวุธศักดิ์สิทธิ์ ทว่าอาวุธวิญญาณระดับสูงก็ยังคงล้ำค่าอยู่ดี

ในขณะเดียวกัน ตรงข้ามกับจำนวนอันน้อยนิด อานุภาพกับคุณสมบัติวิญญาณของอาวุธวิญญาณระดับสูงก็เหนือกว่าอาวุธวิญญาณระดับกลางมาก

ปัจจุบัน โลกแปดพิภพไม่มีอาวุธศักดิ์สิทธิ์จำพวกธนูอีกแล้ว ดังนั้นอาวุธวิญญาณระดับสูงอย่างธนูนภาอลหม่านจึงเป็นธนูที่ดีที่สุด นอกจากธนูยิงตะวันแล้ว อาวุธชนิดเดียวกันไม่อาจเทียบได้เลย

ถึงแม้ตอนนี้จะไร้เจ้าของ แต่คิดจะเก็บก็ยากเย็นอยู่ดี

ตอนหลินโจวควบคุมธนูนภาอลหม่าน เขาควบคุมมันได้เพราะการช่วยเหลือจากผู้อาวุโสแห่งตำหนักอัสนีสวรรค์

อีกทั้งในตอนนี้ธนูนภาอลหม่านไม่ได้อยู่ในสภาพสงบ กลับคลุ้มคลั่งสุดขีด

สิ่งที่รู้สึกได้ แม้จะไม่ได้น่าพรั่นพรึงเช่นมหาปรมาจารย์ขั้นกำเนิดญาณ แต่ก็ทำให้จิตใจสั่นสะท้านได้อยู่ดี

อาหู่รู้ดี ว่าคุณชายของตนเคยเก็บอาวุธวิญญาณของผู้อื่น ขณะที่มีพลังฝึกปรืออยู่ในระดับปรมาจารย์ขั้นจิตราชั้นนอกมาก่อน

ทว่าตอนนั้นมีอาวุธวิญญาณชิ้นอื่นช่วยเยี่ยนจ้าวเกอสะกดเป้าหมายไว้ เขาจึงทำสำเร็จอย่างง่ายดาย

แม้จะเป็นเช่นนั้น ก็เป็นเรื่องที่ทำให้ผู้คนตกใจจนตะลึงลาน อาหู่นับถือคุณชายของตัวเองยิ่งกว่าเดิม

แต่ตอนนี้ไม่มีอาวุธวิญญาณระดับสูงชิ้นอื่นช่วยสะกดธนูนภาาอลหม่านไว้ จึงไม่แปลกเลยที่อาหู่ ผู้มีจิตใจกล้าแกร่งงมาตลอดจะขาดความความมั่นใจ

พอได้ยินคำพูดของอาหู่ เยี่ยนจ้าวเกอก็ยิ้มเล็กน้อย “ไม่ยาก”

เศษดวงตาราชันสายฟ้ากำลังหลับใหล ส่วนเสาระเบียงวังเทพสะกดซากมังกรอยู่ และเตากลืนดินมิอาจใช้พลังได้ด้วยตนเอง

กระนั้น ถึงแม้จะไม่มีการช่วยเหลือจากของล้ำค่าเหล่านี้ ทว่าพลังฝึกปรือของเยี่ยนจ้าวเกอในปัจจุบันก็เหนือกว่าอดีตมากนัก

เมื่อเข้าใกล้กับแสงสายฟ้าสีม่วงรุนแรง กลุ่มปราณที่คล้ายกับกำลังโกลาหลในร่างของเยี่ยนจ้าวเกอค่อยๆ กลายเป็นสายฟ้าแล้วเช่นกัน

สายฟ้าหลายสายไหลออกมาจากจุดลมปราณทั่วทั้งร่างของเขา จากนั้นก็เคลื่อนไหวกลางอากาศ

แต่มิใช่ว่าสายฟ้าจากทั้งสองฝ่ายจะหลอมรวมกันได้ เพราะเยี่ยนจ้าวเกอเพิ่งจะเข้าใกล้ธนูนภาอลหม่านได้ไม่ทันไร สายฟ้าจากทั้งสองฝ่ายก็ปะทะกัน ก่อให้เกิดเสียงระเบิดเปรี๊ยะๆ ดูน่าตกตะลึงยิ่งกว่าเดิม

ไม่นานหลังจากนั้น เยี่ยนจ้าวเกอก็ปรับทิศทางของปราณจิตราสายฟ้าในร่างของตัวเองอย่างต่อเนื่อง เพื่อหลอมรวมกับธนูนภาอลหม่านที่ไร้เจ้านาย

ครั้นมาถึงขั้นสุดท้าย เยี่ยนจ้าวเกอเดินเข้ามาใกล้ธนูนภาาอลหม่านได้สำเร็จ จากนั้นก็เอื้อมมือคว้าอาวุธวิเศษระดับสูงไว้

คันธนูสั่นไหวอย่างรุนแรงครั้งหนึ่ง สายธนูส่งเสียงดังหึ่งๆ คล้ายกับเสียงฟ้าร้องลั่นทั่วท้องนภา

เยี่ยนจ้าวเกอใช้สองมือกำตัวธนูนภาอลหม่าน เคลื่อนไหวสิบนิ้วพร้อมกัน การเคาะอย่างเป็นจังหวะคล้ายกับซ่อนท่วงทำนองอันมีเอกลักษณ์บางอย่างไว้

การสั่นสะเทือนของธนูนภาอลหม่านเริ่มหยุดลงอย่างช้าๆ ธนูที่เริ่มสงบลง คืนจากสภาพสูญเสียการควบคุม กลับสู่สภาพปกติ

อาหู่มองเหตุการณ์นี้พลางจุ๊ปากชมเชย “คุณชาย ท่านช่างยอดเยี่ยมจริงๆ”

เยี่ยนจ้าวเกอระบายลมหายใจออก กำสายธนูแล้วดึงออกอย่างแรง

แม้จะมิได้พาดคันศร แต่ว่าพลังที่แข็งแกร่งและยิ่งใหญ่กลับปรากฏให้เห็นอย่างชัดเจน

ชายหนุ่มปล่อยมือ สายธนูพลันสั่นไหว คล้ายกับกำลังก่อให้เกิดฟ้าผ่า ณ ที่ตรงนี้

เขาเห็นดังนั้นแล้วก็ยังไม่หยุดมือ พลันดึงสายธนูอีกสามหน ให้จิตวรยุทธ์ของตนเองหลอมรวมกับพลังและจิตของธนูนภาาอลหม่านอย่างเชื่องช้า เพื่อควบคุมธนูล้ำค่าคันนี้

ครู่ต่อมา เยี่ยนจ้าวเกอปล่อยมือ กล่าวด้วยรอยยิ้ม “แกร่งกว่าอาชาฟ้าเสียอีก ย่อมใช้งานได้ยากกว่า”

ตอนนี้ธนูนภาอลหม่านสงบลงแล้ว พลังปราณถูกเก็บไว้ด้านใน แสงสายฟ้าสีม่วงที่เจิดจ้าค่อยๆ ริบหรี่ลง

เยี่ยนจ้าวเกอเก็บมันไว้ ก่อนจะกล่าวกับอาหู่ “พวกเราไปเถอะ เป้าหมายที่วางไว้ล้วนสำเร็จหมดแล้ว ไม่จำเป็นต้องอยู่เล่นกับคนของตำหนักอัสนีสวรรค์ที่นี่อีกต่อไป”

เป้าหมายของเยี่ยนจ้าวเกอในการมายังที่ราบแดนเหนือครั้งนี้ หลักๆ แล้วสามประการ

หนึ่ง หาวิธีรักษาอิ๋งอวี่เจินกับสือจวินสองแม่ลูก

สอง ยืนยันการคาดการณ์ที่เกี่ยวข้องระหว่างแกนน้ำแข็งใต้ดินกับแกนไฟใต้ดิน ด้วยวิธีการส่งผลกระทบถึงแกนน้ำแข็งใต้ดิน เพื่อกระตุ้นวังสุสานทะเลเพลิงที่อยู่ในอัคคีพิภพแดนใต้ ส่ง ‘ของขวัญ’ ให้สำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์

สาม ดูว่าร่องรอยของจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์มังกรน้ำแข็งทิ้งสิ่งของล้ำค่าอะไรไว้หรือไม่

บัดนี้เป้าหมายทั้งสามล้วนเสร็จสิ้น อีกทั้งยังเหนือความคาดหมาย ได้รับรางวัลอย่างคาดไม่ถึง ย่อมไม่จำเป็นต้องอยู่ต่อ

เยี่ยนจ้าวเกอพาอาหู่ออกจากที่ราบหิมะแดนเหนือ

ทว่าเยี่ยนจ้าวเกอไม่ได้มุ่งหน้าไปทางตะวันตก กลับไปทางทิศตะวันออกแทน

ด้านตะวันออกของที่ราบหิมะแดนน้ำแข็งมีตำหนักอัสนีสวรรค์แทรกซึมอยู่มากกว่า ส่วนด้านตะวันตกได้รับผลกระทบจากเขาไร้พรมแดน

การมุ่งหน้าไปทางทิศตะวันตกจะสามารถกลับเขากว่างเฉิงที่นภาพิภพผ่านภูผาพิภพได้ แต่ครั้งนี้ตำหนักอัสนีสวรรค์เสียหายอย่างใหญ่หลวง จึงต้องการล้อมจับเยี่ยนจ้าวเกอโดยเฉพาะ และต้องเตรียมป้องกันชายหนุ่มที่มุ่งหน้าไปทางทิศตะวันตกแน่นอน

ด้วยเหตุนี้เอง การมุ่งหน้าไปทางตะวันออกย่อมดีกว่าย้อนกลับเส้นทางเดิม เป็นอีกครั้งแล้วที่ต้องเดินทางทางน้ำ

แน่นอนว่าระหว่างมุ่งหน้าจากทิศตะวันออกไปยังทะเลเหนือ จะต้องมีการขัดขวางจากจอมยุทธ์ของตำหนักอัสนีสวรรค์ ทว่าอีกฝ่ายก็ต้องเผชิญแรงกดดันจากเขาไร้พรมแดนและเมืองทะเลมรกต ยากจะบ่งชี้ได้ว่ามียอดฝีมือเพียงใด

เยี่ยนจ้าวเกอกับอาหู่เดินทางอย่างระมัดระวัง ระหว่างนั้นไม่พบอุปสรรคใด แม้จะเจอเรื่องน่าหวาดเสียวบ้างแต่ไร้อันตราย ได้กลับสู่ทะเลเหนืออีกครั้ง

เหตุที่ไปทางทิศตะวันออก เข้าสู่ทะเลเหนืออีกครั้ง เป็นเพราะระหว่างทางเยี่ยนจ้าวเกอพยายามเชื่อมเกล็ดมังกรที่แตกเป็นเสี่ยงๆ

เกล็ดมังกรเหล่านี้มีร่องรอยที่อยู่ของจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์มังกรน้ำแข็ง

หลังจากเยี่ยนจ้าวเกอทำความเข้าใจอย่างละเอียด ก็พบว่าอาจหาเบาะแสร่องรอยของจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์มังกรน้ำแข็งได้จากเกล็ดมังกร จึงมุ่งหน้าไปยังมหาสมุทร เพื่อตามหาความลับเหล่านี้

ในนี้ซ่อนอะไรไว้กันแน่ เยี่ยนจ้าวเกอตื่นเต้นยิ่ง

‘หมู่ดารารวมรวมกลุ่ม ฝูงมังกรลอดวารี หุบเหวเหมันต์บรรพกาล เกล็ดย้อนตะลึงจันทร์…’ เยี่ยนจ้าวเกอยืนอยู่ริมทะเลเหนือ หยิบกระสวยแหวกพิภพที่ซ่อมเสร็จออกมาจากในเตาผลึกหินชั้นใน แล้วนำอาหู่เดินมุ่งหน้าสู่ท้องทะเล ‘หรือเกล็ดมังกรที่เป็นเศษซากเหล่านี้ จะเกี่ยวข้องกับสิ่งนี้?’

‘น่าเสียดายที่มันมิใช่ภาพต่อ คิดจะซ่อมแซมให้เหมือนเดิม จำเป็นต้องใช้เวลาและความพยายามไม่น้อย

เยี่ยนจ้าวเกอนั่งขัดสมาธิและกอดอก ก้มหน้าประกอบลองประกอบเศษเกล็ดมังกร ทว่าพวกมันยังคงอยู่ในสภาพเดิม ซีดเซียวและผุพัง

เขาส่ายศีรษะเล็กน้อย เก็บสิ่งของที่จำเป็นต้องทำความเข้าใจอย่างช้าๆ ไว้ก่อน แล้วกล่าวว่า “ดูของที่เห็นผลก่อนดีกว่า”

กระสวยแหวกพิภพลอยเหนือผิวทะเล เยี่ยนจ้าวเกอเปิดถุงย่อส่วนของตนเอง

เสาขนาดใหญ่สองต้นลอยออกมาจากในถุงย่อส่วน

เสาหินต้นหนึ่งคือเสาระเบียงวังเทพ ส่วนเสาน้ำแข็งต้นหนึ่งมีร่องรอยที่อยู่ของจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์มังกรน้ำแข็ง ด้านในแช่ซากมังกรแท้เอาไว้ตัวหนึ่ง

อาหู่มองซากมังกรตาปริบๆ “คุณชาย เราจะจัดการสิ่งนี้เช่นไรดี?”

เยี่ยนจ้าวเกอกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ต้องจัดการให้เหมาะสม นี่มิใช่แค่ผลประโยชน์ส่วนตัว มันจะทำให้สำนักก้าวหน้าไปอีกขั้นหนึ่ง ถึงแม้จะเทียบอาวุธศักดิ์สิทธิ์และจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ไม่ได้ แต่ถึงอย่างไรก็เป็นร่างมังกร ภายในของมันแฝงคุณค่าไว้มากมาย”

พูดจบ เยี่ยนจ้าวเกอก็จิ้มนิ้วลงบนเสาน้ำแข็งที่แช่แข็งร่างของมังกร จนเกิดเป็นรูละลายรูหนึ่ง

…………….