ภาค 4 กวาดล้างหมื่นลี้ บทที่ 352 เลือดมังกรเพิ่มพลัง

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

เยี่ยนจ้าวเกอควบคุมปราณจิตราของตัวเองให้เจาะรูขนาดเท่ากำปั้นบนเสาน้ำแข็งอย่างระมัดระวัง โดยไม่กระทบต่อน้ำแข็งรอบๆ แม้แต่น้อย

แต่ว่ากลางรูนั้นมีพลังปราณที่แข็งแกร่งถึงขีดสุดไหลออกมาทันที

การชื่นชมว่าจอมยุทธ์ผู้หนึ่งว่ามีร่างกายแข็งแกร่ง บางครั้งจะพูดว่า ‘ร่างกายและจิตใจแกร่งดั่งมังกรและคชสาร’

และสิ่งที่อยู่ตรงหน้าเยี่ยนจ้าวเกอกับอาหู่ในตอนนี้ก็คือมังกรแท้

ถึงแม้ว่าจะตายไปแล้ว เหลือเพียงแต่ซากศพ ทว่าพลังปราณอันยิ่งใหญ่ยังคงหลั่งไหลออกมา สั่นสะเทือนบริเวณรอบๆ เยี่ยนจ้าวเกอและอาหู่คล้ายกับกำลังเผชิญหน้ากับสิ่งมีชีวิตที่แข็งแกร่งตัวเป็นๆ

พอจะจินตนาการได้ทีเดียว ว่าตอนที่มังกรตัวนี้ยังมีชีวิตอยู่ มันมีพลังอันน่าทึ่งเพียงใด

ถึงแม้เจาะรูเล็กๆ เท่านั้น ทว่าผนึกของน้ำแข็งพลันเกิดรอยโหว่ มีประสิทธิภาพลดลงในทันที

เกล็ดบนร่างมังกรแท้ในชั้นน้ำแข็งคล้ายกับเกิดการสั่นไหว

มังกรตัวนี้ตายแล้ว และมิอาจฟื้นคืนชีพขึ้นมาได้ แต่วิญญาณที่แฝงอยู่ในตัวยังคงอยู่ ทั้งไม่ยอมถูกพันธนาการ

เยี่ยนจ้าวเกอเตรียมการไว้ก่อนแล้ว เขาใช้เสาระเบียงวังเทพสะกดมันอีกครั้ง ร่างมังกรแท้ถึงสงบลง

หากมองผ่านรู จะเห็นเกล็ดมังกรที่เปล่งแสงสีทองจางๆ ปรากฏปราณสีขาวเข้มข้น

มันคือมังกรน้ำแข็ง ถึงแม้จะตายไปแล้ว แต่ร่างกายยังคงมีปราณน้ำแข็งเย็นเยียบถึงกระดูกปรากฏออกมาอย่างต่อเนื่อง

เยี่ยนจ้าวเกอยื่นนิ้วชี้ของตัวเองออกมา ปราณจิตรารวมตัวกันที่ปลายนิ้ว ค่อยๆ กลายเป็นลำแสงสายหนึ่ง ก่อนจะขยายตัวเข้าไปในรู เหมือนกับกระบี่แสงเล่มเล็ก

ลำแสงยืดยาวออกไปอย่างต่อเนื่อง จนสัมผัสกับซากมังกรน้ำแข็ง

อาหู่มองเยี่ยนจ้าวเกอลงมือของด้วยความประหลาดใจ

ถึงจะเป็นเพียงซากศพ แต่ร่างกายของมังกรมีความทนทานมากอย่างไม่ต้องสงสัย โดยเฉพาะนี่ยังเป็นซากของมังกรน้ำแข็งที่สมบูรณ์แบบ ผิวของมันไม่มีบาดแผลใดๆ ร่างกายของมันไร้รอยตำหนิ

ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ คิดทำลายการป้องกันของเกล็ดมังกรย่อมเป็นเรื่องลำบาก พลังป้องกันของเกล็ดมังกรไม่ใช่สิ่งที่จะล้อเล่นได้

อาหู่คิดในใจ ต่อให้มีอาวุธวิญญาณระดับล่างอันคมกริบอยู่ในมือ จะทำลายผิวของมังกรตัวนี้ได้หรือไม่ เขายังไม่มั่นใจเลย

ทว่าเยี่ยนจ้าวเกอมักจะทำเรื่องที่ผู้อื่นทำไม่ได้ให้เป็นไปได้เสมอ ทำให้อาหู่มั่นใจในตัวคุณชายของของเขายิ่งนัก

เยี่ยนจ้าวเกอตั้งสมาธิอย่างเต็มที่ กระบี่แสงที่ปลายนิ้วยืดส่องแสงยืดออกไปด้านหน้าอย่างต่อเนื่อง สัมผัสเข้ากับซากมังกรโดยตรง

เขาไม่ได้ทำลายร่างมังกรโดยกระบี่แสง ขณะที่กระบี่แสงสัมผัสกับเกล็ดมังกร มันก็เปลี่ยนจากสถานะแข็งเป็นอ่อน ซึมเข้าไปในร่างมังกรราวกับกระแสน้ำ

แสงระยิบระยับหมุนวนใกล้ๆ ซากมังกรน้ำแข็งอย่างต่อเนื่อง

ร่างมังกรที่สงบลงภายใต้การสะกดจากเสาระเบียงวังเทพ สั่นสะเทือนอีกครั้งราวกับได้รับการกระตุ้น

ชายหนุ่มจ้องมองเหตุการณ์ทั้งหมด นิ้วชี้ที่ยื่นออกสั่นไหวด้วยจังหวะที่เป็นเอกลักษณ์และแปลกประหลาด

หลังจากนิ้วชี้ของเขาสั่นไหว ลำแสงที่ยืดออกไปจากนิ้วชี้ก็สั่นเช่นกัน กำลังพยายามรวมเป็นหนึ่งกับพลังปราณของซากมังกรน้ำแข็ง

ลำแสงที่ปลายนิ้วของเยี่ยนจ้าวเกอมืดค่อยๆ สลัวลง ไม่ได้เจิดจรัสเช่นเดิม กลับขมุกขมัวไม่ชัดเจน

การเปลี่ยนแปลงทั้งหมดนี้ ทำให้ซากมังกรน้ำแข็งค่อยๆ หยุดนิ่งลงอีกหนหนึ่ง

แต่ในลำแสงกลับมีของเหลวสีฟ้าน้ำแข็งจางๆ ซึมออกมาจากเกล็ดมังกร และหลอมกับลำแสงได้ลางๆ

พลังปราณที่ร้อนแรงสายหนึ่งส่งถ่ายออกมา แต่กลับทำให้เยี่ยนจ้าวเกอกับอาหู่รู้สึกหนาวยะเยือกจนถึงกระดูก

ปรากฏการณ์ที่ขัดแย้งกันเองปรากฏขึ้น แต่คล้ายกับไม่ใช่เรื่องเหนือความคาดหมาย เยี่ยนจ้าวเกอกับอาหู่ยังคงมีสีหน้าเรียบเฉย

อาหู่มองเลือดสีฟ้าน้ำแข็งที่หลอมกับลำแสงด้วยความตกตะลึงเล็กน้อย ทั้งยังอ้าปากกว้าง “คุณชาย เป็นเลือดมังกร เลือดมังกรบริสุทธิ์ ข้าเพิ่งจะเคยเห็นเป็นครั้งแรกในชีวิต”

ถึงมังกรน้ำแข็งจะตายไปไม่รู้กี่ปีแล้ว แต่ร่างกายของมันยังคงไม่เน่าเปื่อย แฝงพลังวิญญาณไว้เต็มเปี่ยม

เป็นเช่นที่อาหู่กล่าว โลกแปดพิภพในปัจจุบันหามังกรแท้ไม่ได้อีกแล้ว อย่างมากก็มีแค่มังกรน้ำและมังกรไร้ขา

แม้จะเจอซากมังกรแท้ แต่อย่างมากก็เป็นเพียงกระดูก ส่วนใหญ่แล้วแม้แต่กระดูกก็ยังไม่สมบูรณ์

ดังนั้นเลือดมังกรที่บริสุทธิ์เช่นนี้จึงหายากยิ่ง นอกจากซากมังกรน้ำสมบูรณ์แบบ ซึ่งบรรพบุรุษของเมืองทะเลมรกต ณ วารีพิภพเคยเก็บได้แล้ว ผู้อื่นอย่างมากก็แค่พบเลือดมังกรน้อยนิดที่เหลืออยู่ในภาชนะบรรจุด้วยความโชคดีมหาศาล

แต่โชคเช่นนั้นเกิดขึ้นได้ยากยิ่ง

คนส่วนใหญ่ในใต้หล้า แม้กระทั่งมหาปรมาจารย์จำนวนมาก หรือจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ ทั้งชีวิตอาจจะไม่เคยเห็นเลือดมังกรด้วยตาตัวเอง

ลำแสงที่ยืดผ่านปลายนิ้วนำเลือดมังกรออกมา

ทันทีที่เลือดสีน้ำเงินสัมผัสกับปลายนิ้วของเยี่ยนจ้าวเกอ ปลายนิ้วของเขาสั่นไหวเบาๆ อย่างหยุดไม่อยู่ รู้สึกได้ถึงความเย็นเยียบ ปลายนิ้วรู้สึกชาไปชั่วขณะหนึ่ง

เยี่ยนจ้าวเกอสูดลมหายใจลึก บนแก้มปรากฏสีแดงเรื่อ

ครู่ต่อมา ปราณสีเขียวพลันปรากฏขึ้นเลือนราง สีเขียวและสีแดงหมุนเวียนรวมตัวกันครั้งแล้วครั้งเล่า

กลุ่มปราณในร่างกายที่เหมือนกำลังสับสน บัดนี้มันเปลี่ยนรูปร่างไป แบ่งออกไปน้ำแข็งกับไฟ เกี่ยวกระหวัดและปะทะกัน

เลือดมังกรที่ทั้งเย็นเยียบและร้อนเร่ากระทบกันโดยมีปราณทั้งสองเป็นพื้นฐาน

เลือดสีฟ้าน้ำแข็งขยายตัวออกอย่างต่อเนื่อง เริ่มครอบคลุมนิ้วมือของเยี่ยนจ้าวเกอ จากนั้นก็ยืดขึ้นด้านบน ซัดสาดบนฝ่ามือไปจนถึงแขน

จุดลมปราณทั่วร่างของเยี่ยนจ้าวเกอเดี๋ยวเปิดเดี๋ยวปิด เหมือนกำลังหายใจ พร้อมกับดูดเลือดมังกรเข้าไปในร่างของตนเอง กลายเป็นปราณ ก่อนจะละลายหลอมกับร่างกาย

ไอน้ำลอยคลุ้งบนศีรษะของเขา รวมตัวกันไม่ยอมหาย เหมือนกับควันสัญญาณ

อาหู่คุ้มครองเยี่ยนจ้าวเกออยู่ข้างๆ ขณะเดียวกันก็เฝ้าระวังสถานการณ์รอบๆ

หลังจากนั้นนานทีเดียว เยี่ยนจ้าวเกอก็ทำสำเร็จ ไอน้ำที่ลอยอยู่เหนือศีรษะหายไป สีเขียวและสีแดงที่หมุนเวียนอยู่บนใบหน้าสลายแล้ว ชายหนุ่มกลับคืนสู่สภาพเดิม

ในดวงตาทั้งสองข้างของเขาเปล่งประกายเจิดจ้าอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน แต่แวบเดียวก็หายไป นัยน์ตากลับมาชุ่มชื้นขึ้นอย่างรวดเร็ว แม้กระทั่งดูเป็นธรรมชาติมากขึ้นกว่าเดิม

ส่วนที่ผิดปกติเพียงหนึ่งเดียวก็คือ บนมือของเยี่ยนจ้าวเกอยังคงส่องแสงสีน้ำเงินจางๆ

อาหู่มองเยี่ยนจ้าวเกอ “คุณชาย มือของท่าน?”

เยี่ยนจ้าวเกอยิ้ม “ไม่ต้องห่วง ส่วนที่ดีที่สุดของเลือดของมังกรยังมิได้ถูกหลอมจนหมด จำเป็นต้องใช้เวลาสักระยะ นอกจากภายนอกแล้ว ไม่กระทบถึงอย่างอื่น”

“เจ้าก็มาลองดูสิ”

เยี่ยนจ้าวเกอดูดส่วนสุดยอดในเลือดมังกรจากซากมังกรน้ำแข็งต่อ แต่มิไม่ได้หลอมเอง กลับส่งให้อาหู่

อาหู่จุ๊ชมปากด้วยความประหลาดใจ ทว่าสีหน้ายังคงเรียบเฉยเช่นเดิม หลังจากดูดส่วนสุดยอดในเลือดมังกรเสร็จแล้ว เขาก็เริ่มลองหลอมรวม

สุดท้ายเพราะเร่งรีบเกินไป วรยุทธ์ที่ใช้มิได้ครอบจักรวาลเหมือนคัมภีร์นภาไร้ขอบเขตของเยี่ยนจ้าวเกอ อาหู่จึงถูกเลือดมังกรเปล่งแสงสีน้ำเงินปกคลุมกาย

ถึงแม้จะค่อยๆ หลอมรวมและดูดซับส่วนสุดยอดของเลือดมังกรได้ส่วนใหญ่ และไม่เกิดผลกระทบอันใด แต่อาหู่ก็รู้สึกวิงเวียนตาพร่าอยู่ดี

เยี่ยนจ้าวเกอมองเขา มุมปากกระตุกเล็กน้อย ‘…ยังดีที่มิใช่สีเขียว’

…………