ตอนที่ 285 รอข้าที่สวนด้านหลัง / ตอนที่ 286 ซู่อ๋องอวี่เหวินยาง

ฮูหยินข้าอายุสามขวบครึ่ง

ตอนที่ 285 รอข้าที่สวนด้านหลัง 

 

 

 

 

 

คำพูดของเขานั้น จะกักขังนางหรืออย่างไร เฉินยางคลำท้องตัวเองด้วยจิตใต้สำนึก นางเกือบลืมไปแล้ว ทำเรื่องนี้จะท้องได้ ไม่ใช่ว่าเขาไม่ต้องการนางแล้วหรือ รับปากว่าจะเขียนหนังสือหย่าแล้ว เช่นนั้นตอนนี้คือเรื่องอะไร 

 

 

“ข้าไม่กลับ!” นางคิดอะไรอยู่ในใจ สายตาล้วนฟ้องออกมา นางหวาดผวา รู้สึกผิดสังเกตขึ้นมาถึงได้เริ่มรู้สึกกลัว 

 

 

เฝิงเยี่ยไป๋ไม่สนใจนาง โมโหใส่ซั่งเหมยซั่งเซียง “ยังมัวยืนอึ้งอะไรอยู่อีก! คำพูดของข้าพวกเจ้าไม่ได้ยินหรืออย่างไร” 

 

 

ดูเหมือนว่าครั้งนี้จะเอาจริงเสียแล้ว ทั้งสองคนไม่อาจรอช้า คนหนึ่งผลักคนหนึ่งลากพาเฉินยางกลับไป 

 

 

คนไปแล้ว ประโยคสุดท้ายที่ดังอยู่ในหูของเขาคือ “เฝิงเยี่ยไป๋ ข้าเกลียดท่าน!” นางกัดฟันพูดด้วยความแค้นออกมา ฟังแล้วรู้สึกเสียใจยิ่งนัก 

 

 

เรี่ยวแรงของเขาทั้งร่างถูกสูบออกจนหมดสิ้น ความรู้สึกเหนื่อยถาโถมเข้ามา นางบอกเกลียดเขา นิสัยที่ดื้อดึงเช่นนี้ หากชาตินี้นางคิดไม่ได้ เช่นนั้นเขาจะทำอย่างไร ตอนนี้เขาเพียงมองสายตาที่เกรี้ยวกราดของนางคู่นั้นก็รู้สึกหนาวสั่นไปทั้งตัว ตอนนี้ยังเป็นเช่นนี้ เช่นนั้นแล้วหลังจากนี้จะอยู่ด้วยกันได้อย่างไร 

 

 

คำว่ารักนี้ช่างทรมานยิ่งนัก เหนื่อยยิ่งกว่าเล่ห์เหลี่ยมที่อยู่ในราชสำนักเสียอีก 

 

 

เฉาเต๋อหลุนมาหาเขา เห็นท่าทางของเขานั้นก็ตกใจ บอกเขาว่าเว่ยหมิ่นมาแล้ว กำลังรอเขาอยู่ที่โถงหน้า 

 

 

เฝิงเยี่ยไป๋ตั้งสติกลับมา แล้วหันหลังเดินไปข้างนอก 

 

 

เฉาเต๋อหลุนตามขึ้นไป ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง สุดท้ายถึงพูดว่า “เมื่อเช้าเรื่องที่ท่านอ๋องพูดกับข้าน้อยนั้น ข้าน้อยได้คิดอย่างละเอียดแล้ว รู้สึกที่ท่านอ๋องพูดนั้นมีเหตุผล เพียงแต่ข้าน้อยโง่เขลานัก อยากให้ท่านอ๋องชี้ทางรอดให้ข้าน้อย” 

 

 

เฝิงเยี่ยไป๋เดินไปไม่กี่ก้าวก็หยุดลง หันหลังมองไปที่เขา “คนที่สามารถถูกเลือกจากวังมาที่นี่ได้นั้น จะมีคนโง่ได้หรือ ข้าดูว่าเจ้าฉลาดหลักแหลมนัก ทางรอดเป็นตัวเองเลือก ที่คนอื่นชี้ให้นั้น ก็ใช่ว่าจะเป็นทางรอดจริงๆ” 

 

 

เฉาเต๋อหลุนโค้งตัวขานรับ นี่ก็เริ่มแสดงความภักดีแล้ว “ข้าน้อยก็เป็นเพียงสุนัขที่เฝ้าบ้าน มาอยู่ที่ใดก็เฝ้าบ้านนั้น ไม่กล้ามีใจเป็นอื่น” 

 

 

เฝิงเยี่ยไป๋ส่งเสียงอุบเบาๆ “อากาศร้อนเช่นนี้ กินเนื้อสุนัขก็ตัวร้อนยิ่งนัก ข้าจะเลี้ยงไว้เสียอีกหน่อย หากเป็นสุนัขที่ภักดีต่อเจ้านายจริงก็ช่างเสียเถอะ หากยามมีคนมาไม่เห่า ยามที่ไม่มีคนเห่ามั่ว ถึงหน้าหนาวก็ได้กินต้มเนื้อสุนัขพอดี” 

 

 

เฉาเต๋อหลุนรีบสะบัดแขนเสื้อคุกเข่าลง “ข้าน้อยมิบังอาจ หลังจากนี้ข้าน้อยจะปรนนิบัติรับใช้ท่านอ๋องอย่างสุดความสามารถ” 

 

 

“พอแล้ว ลุกขึ้นมาเถอะ ในจวนท่านอ๋องนี้มีสายตามากมายเท่าใด มีหูมากมายเท่าใดในใจข้ารู้เป็นอย่างดี เจ้าให้พวกเขานั้นระวังตัวเองให้ดีๆ หากให้ข้าจับได้ รับรองตายอนาถยิ่งกว่าถูกกรีดเนื้อเป็นร้อยเป็นพันครั้ง” 

 

 

“ท่านวางใจได้ คนเหล่านั้นข้าน้อยได้บอกไว้แล้ว ไม่อยากตายก็เก็บปากตัวเองนั้นให้ดีๆ เก็บใจเอาไว้ ดูให้ชัดว่าใครเป็นเจ้านาย เอาใจที่ปรนนิบัติบรรพบุรุษนั้นออกมาปรนนิบัตินาย ขอเพียงไม่ก่อเรื่อง ก็จะมีชีวิตอยู่ได้” 

 

 

ส่วนนี้ทำได้ไม่เลวนัก ไม่ต้องรอให้เขาสั่งก็จัดการเสียก่อนเรียบร้อยแล้ว ไม่ต้องให้เขาจัดการไปทีละคน 

 

 

เขาพยักหน้าด้วยความพอใจ จู่ๆ ก็นึกถึงเรื่องนกพิราบส่งสารที่เฉินยางพูดกับเขา จึงถามเขาว่า “เมื่อวานใครเข้าไปในห้องพระชายาหรือ” 

 

 

เรื่องนี้เขาก็ไม่รู้จริงๆ “เหตุใดท่านอ๋องถึงถามเช่นนี้ ของพระชายาหายหรือขอรับ” 

 

 

เฝิงเยี่ยไป๋ไม่ตอบ “เจ้าไปเรียกคนที่เคยเข้าไปในห้องพระชายาออกมา รอข้าอยู่ที่สวนด้านหลัง อีกครู่หนึ่งข้ามีเรื่องจะถาม” 

 

 

เฉาเต๋อหลุนขานรับ ดูจากสีหน้าของท่านอ๋องนี้คงไม่ใช่เรื่องเล็ก หรือว่าจะมีของหายจริงๆ 

 

 

 

 

 

—— 

 

 

ตอนที่ 286 ซู่อ๋องอวี่เหวินยาง 

 

 

 

 

 

เมื่อวานเว่ยหมิ่นแอบย่องมา ฝั่งจวนของนางนั้นย่อมไม่มีใครรู้ตอนที่นางออกมา เพียงแต่มาถึงจวนท่านอ๋อง สายตามีอยู่ทั่วไปหมด คิดจะไม่ถูกพบก็ยากนัก นางไม่รอบคอบนัก ทั้งสองฝั่งไม่ว่าฝั่งใดพบเข้าแล้วก็ต้องไปรายงานให้ฮ่องเต้รู้ พอกลับไปคิดเสียอีกรอบ หลบอะไรกัน มีอะไรต้องหลบ ยิ่งนางลับๆ ล่อๆ ฝั่งฮ่องเต้นั้นก็ยิ่งสงสัย ไม่สู้เปิดเผยไปเลย 

 

 

ดังนั้นที่นางมาวันนี้ คือนั่งเกี้ยวหามแปดคนผ่านตลาดมา 

 

 

ตอนที่เฝิงเยี่ยไป๋มาถึงนั้น เว่ยหมิ่นเพิ่งดื่มชาไปคำแรก เหมือนดั่งกลับมาถึงบ้านตัวเองเช่นนั้น ไม่มีความเกรงใจเลยแม้แต่น้อย นางเรียกให้เขานั่งลงแล้วชะโงกศีรษะมองไปที่ข้างหลังของเขา เห็นไม่มีใครตามมาจึงพูดด้วยความผิดหวังว่า “เฉินยางเล่า นางรู้ว่าข้ามาไม่ใช่ว่าควรจะวิ่งออกมาต้อนรับด้วยความดีใจหรือ” 

 

 

จะให้พูดอย่างไรหรือ บอกว่าเขาขืนใจเว่ยเฉินยาง? บอกว่าขังนางเอาไว้? พูดออกมาไม่ได้ เขาอับอายยิ่งนัก ไม่มีหน้าจะพูดจริงๆ อีกอย่างหากพูดกับเว่ยหมิ่นแล้ว ตามความสัมพันธ์ของพวกนางตอนนี้ จะต้องร้องทุกข์แทนนางแน่ๆ ถึงตอนนั้นวุ่นวายขึ้นมาร้องจะพานางไป เช่นนั้นแล้วเขาอยู่คนเดียวก็ยิ่งอยู่ไม่ได้อีก 

 

 

นี่เป็นการโกหกครั้งแรกในชีวิตที่ตื่นเต้นเช่นนี้ เขาพูดกลบเกลื่อนเพียงว่านางง่วง ตนเรียกไม่ตื่นแล้วก็รีบเปลี่ยนเรื่องทันที ถามนางว่า “ไฉนเจ้าถึงมาที่นี่ เมื่อวานผู้ดูแลบอกว่าเจ้ามีของลืมไว้ที่ข้า ข้าจึงคิดว่าเจ้าต้องมีเรื่องมาหาข้าแน่ๆ กำลังเตรียมจะไปหาเจ้าอยู่เลย มีเรื่องอันใดหรือ” 

 

 

เว่ยหมิ่นยืนขึ้นมองดูรอบๆ “จะพูดที่นี่หรือ” ที่นี่ทั้งในทั้งนอกล้วนเป็นสาวใช้ขันทีที่รอปรนนิบัติอยู่ เขาไม่กลัวเรื่องที่พวกเขาคุยกันนั้นจะหลุดออกไปหรือ 

 

 

เฝิงเยี่ยไป๋สะบัดมือให้คนใช้ที่อยู่ในโถงถอยออกไป ประตูก็เปิดไว้ไม่ปิด บอกนางว่าพูดได้ไม่เป็นไร 

 

 

เว่ยหมิ่นกลับร้อนรนขึ้นมา “เจ้าบ้าไปแล้ว หากว่า…” 

 

 

“ไม่เป็นไร เจ้าวางใจเถิด ไม่มีใครกล้าพูดออกไป” เขาจิบชาคำหนึ่ง รู้สึกหงุดหงิดในใจ คิ้วทั้งสองขมวดเข้าหากันเป็นรอยย่น “ตกลงมีเรื่องสำคัญอันใด” 

 

 

ในเมื่อเขามั่นใจเช่นนี้ นางก็ไม่จำเป็นต้องกังวลแล้ว นางไม่รีรอ พูดออกมาตรงๆ ว่า “แน่นอนว่าก็ต้องเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับราชโองการ จู่ๆ ฮ่องเต้ให้เจ้าเข้าร่วมราชกิจไม่ใช่เป็นเรื่องดีอะไรแน่ๆ ราชโองการนั้น นอกจากฮ่องเต้เคยทอดพระเนตรแล้ว ก็มีเพียงข้ากับไทเฮาได้ดู มันก็เป็นราชโองการที่แต่งตั้งฮ่องเต้ใหม่อยู่จริง เพียงแต่น่าจะไม่ได้มีเพียงฉบับเดียว ในราชโองการไม่ได้เขียนชัดว่าเป็นชื่อผู้ใด เขียนไว้เพียงส่วนนำอักษร[1] ‘เดิน’ ดังนั้นข้าคิดว่า ฮ่องเต้ก็น่าจะกลัว กลัวว่าตัวเองจะฆ่าผิดคนแล้วมีปัญหามากมายเกิดขึ้นตามหลัง” 

 

 

ส่วนนำอักษร ‘เดิน’ ? ใช้เพียงส่วนนำอักษรไปเดาชื่อคนคนหนึ่งก็ช่างยากเสียจริง เพียงแต่ดูจากเหล่าองค์ชายพวกนี้แล้ว นอกจากคนที่ได้ถูกแต่งตั้งเป็นท่านอ๋องแล้วมีดินแดนเป็นของตัวเองตั้งแต่ตอนที่ฮ่องเต้องค์ก่อนยังมีพระชนม์ชีพอยู่นั้น ผู้ที่เหลืออยู่ในวังและสามารถรับภาระยิ่งใหญ่นี้ได้ นอกจากรัชทายาทในตอนนั้นหรือก็คือฮ่องเต้ในวันนี้ ก็เหลือเพียงซู่อ๋องอวี่เหวินยาง องค์ชายแปดอวี่เหวินรุ่นและองค์ชายสิบสามอวี่เหวินอี้ องค์ชายแปดและองค์ชายสิบสามได้ก่อการกบฏคืนก่อนที่ฮ่องเต้จะขึ้นครองราชย์บัลลังก์จึงถูกฮ่องเต้ประหารไปแล้ว เช่นนั้นตอนนี้คนที่เหมาะสมก็เหลือเพียงซู่อ๋องอวี่เหวินยาง 

 

 

เฝิงเยี่ยไป๋ใช้นิ้วเคาะที่โต๊ะเบาๆ บ่นพึมพำว่า “ส่วนนำอักษร ‘เดิน’ ? อวี่เหวินยาง? ไม่มีอักษรใดที่มีส่วนนำอักษรคือ ‘เดิน’ เลยนะ ยังจะมีใครได้อีกหรือ หรือว่า…ไม่สิ เว่ยหมิ่น เจ้าจำนามของซู่อ๋องได้หรือไม่” 

 

 

จู่ๆ เว่ยหมิ่นก็ถูกเรียก นางตื่นตัวขึ้นมา เอียงศีรษะคิดอยู่เล็กน้อยแล้วพูดว่า “เหมือนจะชื่อ…เหยา…เหยาอะไรสักอย่าง เหยา…อ้อ! ใช่! นามว่า เหยาจือ” 

 

 

—— 

 

 

[1] ส่วนนำอักษร อักษรจีนนั้นเสมือนอักษรภาพซึ่งหลายๆ อักษรจะมีส่วนที่เหมือนกันจึงเรียกส่วนนั้นว่า ‘ส่วนนำอักษร’ ตัวอย่างเช่นคำดังต่อไปนี้ 边 连 这 过 达 และอักษรในเรื่อง 遥  (เหยา) ที่เป็นนามของซู่อ๋องและนามของเฝิงเยี่ยไป๋ 辽 (เหลียว) จะมีส่วนนำอักษรที่เหมือนกันคือ ด้านซ้ายของอักษรที่เขียนเหมือนกัน ซึ่งเป็นคำว่า ‘เดิน’