ตอนที่ 287 เสแสร้งเต็มที่
“ใช่ๆ ข้านึกได้แล้ว ก็คือเหยาจือ เหยาที่มีส่วนนำอักษรเป็น ‘เดิน’ ก่อนหน้านี้ตอนที่ฮ่องเต้ได้ทรงพระอักษรพระราชหัตถเลขาให้ท่านนั้นข้าเคยเห็นอยู่ เหยาจือน้องชายของข้า ใช่แล้ว” เว่ยหมิ่นพูดพึมพำแล้วก็ใช้ความคิดอีกครั้ง “แต่เมื่อเป็นซู่อ๋องละก็ ไฉนฮ่องเต้ถึงไม่ฉวยโอกาสจัดการเจ้าเลย แถมยังให้เจ้าเข้าร่วมราชกิจเพื่อสิ่งใดกัน”
นี่ก็เป็นสิ่งที่เขาคิดไม่ออก ตามวิถีของฮ่องเต้แล้วตอนนี้ควรจะหาข้ออ้างจัดการกับเขาเลยถึงจะถูก ไฉนถึงยังยกเขาให้ขึ้นมาอยู่ในตำแหน่งนี้
สุดท้ายแล้ว ปัญหาก็ยังคงอยู่บนราชโองการ เขาขมวดคิ้วถามอีกว่า “ไฉนเจ้าถึงได้รู้ว่าราชโองการมีสองฉบับ”
เว่ยหมิ่นพูดว่า “จะแต่งตั้งฮ่องเต้องค์ใหม่ล้วนต้องใช้ราชโองการสองฉบับ ฉบับหนึ่งฮ่องเต้จะมอบให้กับคนสนิทหรือขุนนางฝ่ายในดูแล อีกฉบับหนึ่งมอบให้กับกรมความลับทหาร ราชโองการทั้งสองฉบับ ขอเพียงมีฉบับหนึ่งถูกเปิดเผย เช่นนั้นอีกฉบับหนึ่งก็ซ่อนไม่อยู่ ราชโองการที่ไทเฮาให้ฮ่องเต้นั้นไม่สมบูรณ์ เพียงแต่ที่อยู่ในกรมความลับทหารนั้นน่าจะเขียนพระนามเต็ม จนถึงยามนี้ฮ่องเต้ก็ยังไม่กล้าเปิดเผยราชโองการ ก็เพราะน่าจะกลัวกรมความลับทหาร ต่อให้ราชโองการในมือไทเฮานี้เป็นของปลอม ราชโองการที่กรมความลับทหารนั้นย่อมไม่ใช่ของปลอมแน่ๆ ราชโองการในกรมความลับทหารนั้นเป็นอดีตฮ่องเต้ที่ทรงเก็บไว้ด้วยพระหัตถ์พระองค์เอง กุญแจมีเพียงดอกเดียว ซึ่งได้ถูกฝังในสุสานหลวงไปพร้อมกับฮ่องเต้องค์ก่อน คิดจะเปิดออก มีเพียงต้องทำลายโลงเท่านั้น”
เฝิงเยี่ยไป๋เข้าใจขึ้นมาทันที “เรื่องที่ฮ่องเต้องค์ก่อนได้ทิ้งราชโองการเอาไว้นั้น เหล่าขุนนางต่างรู้กันหมดแล้ว ดังนั้น ฮ่องเต้จำต้องเปิดเผยราชโองการต่อประชาชน ถึงยามนั้นกรมความลับทหารเอาราชโองการอีกหนึ่งฉบับออกมา ฮ่องเต้องค์ใหม่เป็นใครก็ชัดเจนแล้วไม่ใช่หรือ หากแต่ฮ่องเต้องค์ใหม่ที่เขียนอยู่บนราชโองการตายเสียแล้วละก็ ก็ไม่อาจมีใครเป็นภัยต่อพระองค์ พระองค์ก็สามารถเป็นฮ่องเต้ได้นานตราบที่พระองค์ต้องการ”
เว่ยหมิ่นไม่เข้าใจ “เช่นนั้นแล้วเกี่ยวอะไรกับเจ้า”
“หากซู่อ๋องบุกเมืองหลวงโดยอ้างราชโองการย่อมได้รับการยอมรับ ฮ่องเต้ไม่มีทางถอย ทำได้เพียงลงจากบัลลังก์ เขาฆ่าพี่น้องมากมายเช่นนี้ แม้แต่น้องชายแท้ๆ ของตัวเองก็ไม่ปล่อย เจ้าคิดว่าซู่อ๋องจะปล่อยพระองค์ไปได้หรือ ก่อนหน้านี้ต่างมีข่าวลืออยู่ว่าฮ่องเต้องค์ใหม่ที่ถูกแต่งตั้งอยู่ในราชโองการของฮ่องเต้องค์ก่อนนั้นเป็นข้าไม่ใช่หรือ ฮ่องเต้คิดจะรอเก็บตกอยู่เลย ชูข้าให้สูง ซู่อ๋องจะมองอย่างไร ย่อมต้องจัดการปัญหาใหญ่อย่างข้าก่อนค่อยล้อมวัง ถึงยามนั้นก็ได้ให้เวลาฮ่องเต้ตั้งตัวไม่ใช่หรือ ฉวยโอกาสที่พวกเราเข่นฆ่ากันอยู่ แล้วแทงข้างหลังพวกเราคนละหนึ่งที พอตายหมดแล้ว บัลลังก์ของพระองค์ก็มั่นคงแล้ว”
เขาหมุนแหวนหยกที่อยู่บนนิ้ว ช่างเป็นหยกที่สวยงามอะไรเช่นนี้ เพียงแต่ผู้ที่ให้มานั้น ใจกลับดำมืดยิ่งนัก “วันนี้ฮ่องเต้พระราชทานปิงฝู[1]ให้กับข้า แถมยังพระราชทานแหวนหยกมาวงหนึ่ง ในสายตาคนนอกนั้นช่างยิ่งใหญ่นัก เพียงแต่ในราชสำนักก็มีคนเข้าใจเพียงไม่กี่คน นี่ยิ่งใหญ่เสียได้อย่างไร เป็นกองไฟ ที่บังคับให้ข้าโดดลงไป”
“เจ้าไม่ปฏิเสธหรือ”
เฝิงเยี่ยไป๋ถอดแหวนหยกนั้นกลิ้งไปมาอยู่บนโต๊ะ “แม้แต่พระองค์เองก็ไม่เผยพระพักตร์ ตรัสว่าพระประชวร แม้แต่คนที่เข้าเฝ้าก็ถูกไล่ออกมา ปิงฝูกับแหวนหยกนี้ ก็เป็นขันทีผู้ดูแลใหญ่ที่อยู่ข้างพระวรกายที่ส่งออกมา ข้ายืนอยู่ประตูตำหนักยังได้ยินเสียงไอของพระองค์ เสแสร้งเต็มที่จริงๆ !”
เว่ยหมิ่นแค้นจนกัดฟันกรอด “เช่นนั้นแล้วเจ้าจะทำอย่างไร จะให้ฮ่องเต้เล่นเหมือนดั่งหอกในมือไม่ได้กระมัง ตอนนี้ซู่อ๋องคงแค้นเจ้าจัด ต่อไปหากฮ่องเต้ให้เจ้านำทหารไปตีเมืองเหมิง มีหวังได้ปะทะกันจริงๆ ขึ้นมา เจ้าก็ไม่มีโอกาสนึกเสียใจทีหลังแล้ว”
เขายืนขึ้นมา ค่อยๆ เดินไปที่ประตูพลางถอนหายใจเบาๆ ว่า “ไม่ต้องรีบร้อน แกล้งป่วยดูสถานการณ์ไปก่อนค่อยว่ากัน”
——
[1] ปิงฝู เป็นตราสัญลักษณ์ที่ใช้สั่งการทหาร มักทำจากทองคำหรือหยกมีรูปทรงเป็นเสือที่ถูกผ่าครึ่งหนึ่ง โดยครึ่งหนึ่งฮ่องเต้จะเป็นผู้เก็บรักษาไว้ อีกครึ่งหนึ่งจะถูกมอบให้กับแม่ทัพ
ตอนที่ 288 ที่เรียกท่านหมอมาคือมีเรื่องจะขอร้อง
เฝิงเยี่ยไป๋คิดจะแกล้งป่วยไม่เข้าราชกิจ ก็ต้องมีเหตุผลที่สมเหตุสมผล จะให้ป่วยโดยไม่มีที่มาก็คงไม่ได้ ฮ่องเต้ก็คงไม่ยอมรับ จะต้องส่งหมอหลวงมาดู ถึงยามนั้นหากตรวจออกมาว่าไม่ได้ป่วยอะไรเลย ก็จะเป็นโทษประหารฐานหลอกลวงฮ่องเต้
คนเราหากจะทำเรื่องใดให้สำเร็จ ในหัวย่อมต้องมีความคิดมากมาย ในจวนก็มีหมออยู่แล้วไม่ใช่หรือ ลูกชายของเจ้าสำนักแพทย์หลวงคนก่อน วิชาการรักษาจะไม่ด้อยไปกว่าหมอหลวงเหล่านั้นหรือ ไปขอวิธีการผสมยาจากเขาแล้วผสมยาที่กินแล้วตัวร้อนมากิน นอนป่วยอยู่บนเตียง ตบตาหมอไร้วิชาก็ยังพอได้อยู่
อีกอย่าง วันหลังหากเรื่องที่ตัวเองแกล้งป่วยนั้นถูกเปิดเผยออกมา ก็จะได้มีเหตุผลฆ่าเขา เขาเป็นผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิตเว่ยเฉินยาง แต่ไม่ใช่ตัวเอง ใช่ เขายอมรับว่าตัวเองไม่ใช่คนดีอะไรนัก ในใจมีความอิจฉา อิจฉาที่เฉินยางเอาใจเขามากกว่าตน เพื่อจะหาเงินค่าเดินทางให้เขา ถึงขั้นมาเอาใจตนทั้งๆ ที่ไม่อยากทำ ช่างลำบากนางเสียจริง อยู่ในสายตาของเขายังเป็นเช่นนี้ เช่นนั้นแล้วยามที่อยู่เขาต้าเหลียงเล่า? ที่ที่เขาไม่เห็นเล่า?
หลังจากส่งเว่ยหมิ่นไปเขาก็ให้เฉาเต๋อหลุนไปเรียกอิ๋งโจวมา ยามนี้อิ๋งโจวกำลังเก็บของเตรียมจะจากไปพรุ่งนี้เช้าอยู่เลย เฉาเต๋อหลุนจู่ๆ ก็มาเรียก บอกว่าเฝิงเยี่ยไป๋มีเรื่องจะหาเขา เขาอึ้งเล็กน้อย วางของแล้วก็ตามเขาไปเลย
เฝิงเยี่ยไป๋จัดโต๊ะอาหารเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น อิ๋งโจวมาแล้ว เขายิ้มมาต้อนรับถึงประตู แล้วนำเขามาเชิญนั่งที่โต๊ะ “ช่วงหลายวันนี้ข้าค่อนข้างยุ่ง ไม่กี่วันก่อนได้ยินภรรยาข้าบอกว่าท่านหมอจะไป คิดจะไปเยี่ยมอยู่ตลอด เพียงแต่จนถึงวันนี้ถึงได้มีเวลาว่าง ช่วงที่อยู่จวนท่านอ๋องนี้ หากมีสิ่งใดที่ข้าดูแลไม่ดี ต้องขอให้ท่านหมออภัยให้ด้วย”
เรื่องของเขา อิ๋งโจวก็ได้ยินอยู่ในจวนไม่น้อย ยามนี้เป็นท่านอ๋องอย่างแท้จริงแล้ว มือกุมอำนาจ เป็นรองคนเดียว อยู่เหนือทุกคน ได้ยินเขาพูดเช่นนี้ ก็รีบลุกขึ้นประสานมือพูดว่า “ท่านอ๋องกล่าวเกินไปแล้ว ท่านอ๋องให้ข้าอยู่ก็ขอบคุณยิ่งแล้ว จะดูแลไม่ดีได้อย่างไรกัน”
เฝิงเยี่ยไป๋ริมเหล้าสองจอกเต็มๆ แล้วชนจอกกับเขา ถามอีกว่า “ท่านหมอบอกว่าจะไปอยู่ตลอด ได้กำหนดเป็นวันใดหรือไม่ ไปเมื่อใด”
อิ๋งโจวพูดว่า “ตอนแรกคิดว่าจะไปพรุ่งนี้เช้า คืนนี้จึงคิดจะมาลาท่านอ๋องและพระชายา นึกไม่ถึงว่าท่านอ๋องจะเรียกพบยามนี้”
ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้ รู้ว่าเขาจะไปพรุ่งนี้เช้า ดังนั้นเมื่อคืนถึงไม่ยอมให้เขาแตะหรือ เมื่อครู่ที่อยู่บ่อน้ำยังยั่วโมโหเขาบอกจะกลับเขาต้าเหลียงกับอิ๋งโจว แถมยังจะเอาหนังสือหย่ากับเขาอีก นางไม่อยากจากอิ๋งโจวเช่นนี้เชียวหรือ เขากลับไปนางก็จะตามไปด้วย ได้เลย คิดว่าเขาเป็นคนโง่หรืออย่างไร
“ต้องรีบร้อนจากไปเช่นนี้เชียวหรือ” เขากำจอกเหล้าไว้อยู่ในมือ พยายามควบคุมอยู่ ความโกรธไม่ได้แสดงที่สีหน้า ล้วนกดไว้อยู่ข้างใน “อุตส่าห์มาเสียทั้งที ไฉนถึงไม่อยู่ที่เมืองหลวงเสียอีกหน่อย”
อิ๋งโจวพูดว่า “ที่เขาต้าเหลียงข้ายังมีกระท่อมยาอยู่ ไม่มีคนดูแลไม่ได้ มีลูกค้าเก่าแก่หลายคนขึ้นเขาลงเขาไม่สะดวก จึงมักมาเอายาที่ข้า ที่บ้านวุ่นวายกันหมดแล้ว ข้าต้องรีบไปจัดการ”
เฝิงเยี่ยไป๋ตอบเบาๆ ผ่านไปครู่หนึ่งถึงได้พูดว่า “ความจริงแล้วที่วันนี้ข้าเรียกท่านหมอมาคือมีเรื่องอยากจะขอร้อง”
อิ๋งโจววางตะเกียบลง ทำหน้าจริงใจพูดว่า “ท่านอ๋องมีเรื่องใดขอให้สั่งมา อิ๋งโจวได้รับการดูแลจากท่านอ๋อง สามารถช่วยท่านอ๋องได้ถือเป็นเกียรติยิ่งนัก”
ในเมื่อพูดถึงขนาดนี้แล้วเขาก็ไม่อ้อมค้อม เขาดื่มเหล้าลงไปแล้วพูดอย่างเศร้าสร้อยว่า “ข้าอยากจะให้ท่านหมอช่วยผสมยาที่ทำให้ตัวร้อนเหงื่อตกได้สักหน่อย”