ตอนที่ 289 ในใจท่านอ๋องรักพระชายาอยู่
ตั้งแต่อดีตก็เคยได้ยินแต่สั่งยารักษาโรคช่วยชีวิต ยังไม่เคยได้ยินมีคนจะสั่งยาทำให้ตัวเองป่วย อิ๋งโจวไม่เข้าใจนัก จึงประสานมือถามว่า “เหตุใดท่านอ๋องถึงอยากได้ยาเช่นนี้ ข้าสั่งยาเพื่อจะช่วยคนเท่านั้น เรื่องทำร้ายคนเช่นนี้…ท่านอ๋องโปรดอภัย ข้าทำไม่ได้เสียจริง”
เฝิงเยี่ยไป๋อ้าปากยิ้มขึ้นมา “หากท่านหมอผสมยานี้ให้ข้าได้ ก็เท่ากับช่วยชีวิตของข้าเอาไว้แล้ว”
อิ๋งโจวยิ่งงงกับคำพูดของเขาเข้าไปใหญ่ “เหตุใดจึงเป็นเช่นนั้น ยามีพิษสามส่วน หากท่านอ๋องได้กินยานี้เข้าไป แม้ร่างกายเดิมจะยังดีๆ อยู่ ก็อาจต้านฤทธิ์ยาได้ เกรงว่าจะป่วยขึ้นมาจริงๆ”
“ไม่ใช่ว่ายังมีท่านหมออยู่หรือ” เขาเล่นแหวนหยกที่อยู่บนมือ ไม่คิดจะปิดบังเขา “คิดว่าท่านหมอก็รู้เรื่องที่ข้าเข้าประชุมราชกิจแล้วกระมัง ในราชสำนักนั้นต่างเล่นเล่ห์เหลี่ยมซึ่งกันและกัน วันนี้ข้าเข้าร่วมราชกิจ ฝ่าบาทยังให้ปิงฝูกับข้า ดั่งที่ว่าต้นไม้ใหญ่ถูกลมมากก็เป็นเช่นนี้ ข้าไม่ได้มีความสามารถที่จะเป็นขุนนาง ดังนั้นจึงได้แต่แกล้งป่วยหลบอยู่ในบ้าน จะได้ไม่ต้องถูกราชโองการเอาศีรษะไปทั้งๆ ที่ยังเป็นท่านอ๋องได้ไม่นาน”
แม้ว่าอิ๋งโจวจะไม่เคยเป็นขุนนาง แต่เขาก็รู้ว่าการอยู่ข้างฮ่องเต้ก็เหมือนดั่งอยู่ข้างเสือ ที่เฝิงเยี่ยไป๋พูดนั้นไม่ใช่ไม่มีเหตุผล เขาครุ่นคิดเล็กน้อย สีหน้ายังคงลังเล “ท่านคิดดีแล้วจริงหรือ ยาบางอย่าง ผลของยาต้านกันเอง หากใส่อยู่ด้วยกันก็จะได้ผลเช่นนี้อยู่ เพียงแต่ไม่ดีต่อร่างกายนัก ตบตาหมอหลวงพอได้ เพียงแต่เกรงว่าแกล้งป่วยแล้วจะทิ้งโรคเอาไว้ เช่นนั้นจะไม่ดี”
เฝิงเยี่ยไป๋พูดว่า “นี่ไม่ใช่ว่ามีท่านหมออิ๋งโจวอยู่หรือ แม้แต่โรคของภรรยาข้าที่เป็นมาสิบกว่าปีก็ยังรักษาหายได้เลย ข้าเชื่อวิชาการรักษาของท่านหมอ” เขาลุกขึ้นยืนแล้วตบไหล่เขาสองที “เพียงแต่ต้องขอให้ท่านหมอรักษาความลับนี้ให้ข้า หากเรื่องนี้แพร่ออกไป ก็จะเป็นโทษใหญ่ฐานหลอกลวงฮ่องเต้ ไม่ใช่เพียงข้า แม้แต่ภรรยาข้า ยังมีคนในจวนเหล่านี้ล้วนต้องถูกประหาร”
อิ๋งโจวรีบลุกขึ้นโค้งคำนับ “ท่านอ๋องมีบุญคุณช่วยชีวิตข้า ท่านอ๋องวางใจได้ ข้าจะรักษาความลับเป็นอย่างดี”
รักษาความลับเป็นอย่างดีรึ เกรงว่าจะไม่ใช่เพื่อเขากระมัง หากเรื่องนี้ถูกรู้เข้าก็คือโทษประหารเจ็ดชั่วโคตร คงกลัวเว่ยเฉินยางตายไปกับเขามากกว่ากระมัง!
เฉินยางถูกเฝิงเยี่ยไป๋สั่งกักบริเวณเอาไว้ นอกจากห้องนอน ที่ใดก็ไม่ให้ไป ซั่งเหมยและซั่งเซียงรับผิดชอบเฝ้านางเอาไว้ ยืนอยู่ข้างซ้ายข้างขวา ฟังนางขว้างสิ่งของระบายความโกรธอยู่ข้างใน
ซั่งเซียงถอนหายใจเบาๆ “หากวันหลังข้าแต่งงานแล้ว สามีปฏิบัติเช่นนี้กับข้า ข้าคงไม่ต้องมีชีวิตอยู่แล้ว”
ซั่งเหมยตำหนินาง “เจ้าจะไปรู้เรื่องอะไร เจ้าดูไม่ออกหรือว่าในใจท่านอ๋องรักพระชายาอยู่”
“เจ้าอย่าว่าไป…” ซั่งเหมยจู่ๆ ก็เปลี่ยนเรื่อง “ก็ดูไม่ออกจริงๆ นั่นละ”
ซั่งเหมยงอนิ้วนับกับนาง “เจ้าว่าท่านอ๋องของพวกเรานั้น หน้าตาเช่นนี้ แล้วมาดูหน้าตาของพระชายาของพวกเรานี้ ดูอย่างไรทั้งสองคนก็ไม่เหมาะสมกัน เพียงแต่ท่านอ๋องกลับรักพระชายาสุดใจ เมื่อวานข้าได้ยินเสี่ยวลิ่วที่ขับรถม้าอยู่ว่าท่านอ๋องไปที่ ‘ฉื่อเจียนฝูเซิง’ ที่นั่นคือที่ใดหรือ เป็นหอนางโลมที่ใหญ่ที่สุดในเมืองหลวง ปกติแล้วผู้ชายไปหอนางโลมไม่แปลก เพียงแต่ท่านอ๋องของพวกเราไม่เหมือนกัน ไปหาแม่นางหรือไม่ไม่รู้ อย่างไรเสียตอนกลับมายังเอาขนมมาให้พระชายาอีก เจ้าว่าข้างในนั้นมีแม่นางสวยงามมากมายเท่าไร จะไม่มีแบบที่ท่านอ๋องชอบเลยหรือ เพียงแค่ในเวลานั้นยังสามารถคิดถึงพระชายาได้ ก็หาได้ยากได้แล้ว”
ซั่งเซียงบุ้ยปาก “ท่านอ๋องและพระชายาเป็นสามีภรรยาชาวบ้านมาก่อน ภรรยาต่ำต้อยย่อมทิ้งไม่ได้ สำหรับท่านอ๋องแล้วพระชายาย่อมไม่เหมือนกัน”
——
ตอนที่ 290 ภรรยาต่ำต้อย
สาวใช้สองคนนี้พูดอะไรก็ไม่รู้จักหลบคน ก่อนหน้านี้ยังพูดถึงนางกับเฝิงเยี่ยไป๋อย่างไรไม่พอ ยามนี้ก็ยังไม่หยุดอีก ยิ่งพูดก็ยิ่งเลยเถิด ในมือเฉินยางเพิ่งขว้างแจกันสีขาวแตก ความโกรธยังไม่หาย จึงตะโกนไปข้างนอกว่า “อย่าคิดว่าข้าเป็นคนโง่ ที่พวกเจ้าพูดข้าได้ยินหมดแล้ว เข้ามาเดี๋ยวนี้!”
ซั่งเหมยถอนหายใจพูดว่า “แย่แล้ว” ก็รีบทำท่าทางเคารพขึ้นมาแล้วผลักประตูเข้าไป โค้งตัวคำนับพูดว่า “พระชายา ท่านมีเรื่องใดจะสั่งหรือเจ้าคะ”
เรื่องที่จะสั่งก็ไม่มี นางเพียงแค่โกรธที่พวกนางนินทาลับหลังนาง ของที่สามารถขว้างได้ในห้องก็ถูกนางขว้างไปเสียเกือบหมดแล้ว คอนางตะโกนจนเจ็บก็ยังไม่หายโกรธ กลับทำเอาตัวเองเหนื่อยนัก มองซ้ายมองขวาไม่มีที่ให้ก้าวเดิน นางจึงนั่งไขว่ห้างอยู่บนเตียง มองไปที่ซั่งเหมยซั่งเซียงพูดว่า “คำพูดที่พวกเจ้าพูดเมื่อครู่ข้าได้ยินหมดแล้ว ภรรยาต่ำต้อย[1]อะไร ข้าเป็นภรรยาต่ำต้อยตรงไหนกัน ใช่ ข้าไม่เหมาะกับเฝิงเยี่ยไป๋ เพียงแต่ข้าก็ไม่ได้บอกว่าจะต้องอยู่ที่นี่อย่างหน้าด้านนัก ข้าขอหนังสือหย่าแล้วแต่เขาไม่ให้ ข้ารู้ว่าในใจพวกเจ้าสะใจนัก รู้สึกว่าข้าเป็นนายหญิงของพวกเจ้าดูถูกความสามารถของพวกเจ้า ไม่เป็นไร ข้าก็ไม่ใช่คนไร้เหตุผลขนาดนั้น อีกเดี๋ยวเฝิงเยี่ยไป๋กลับมาข้าจะบอกเขาให้ ไม่ต้องให้ใครปรนนิบัติข้าแล้ว อย่างไรเสียข้าก็เป็นนายหญิงได้ไม่นาน ไม่แน่วันใดพวกเจ้าอาจจะได้เป็นพระชายาแล้วก็เป็นได้”
ซั่งเหมยและซั่งเซียงได้ยินแล้วก็รีบคุกเข่าลงพูดว่า “นายหญิงโปรดอภัย พวกบ่าวปากไวไปหน่อย ไม่มีเจตนาจะดูถูกนายหญิงเลย”
ซั่งเซียงตบปากตัวเองหนึ่งที “นายหญิงโปรดไว้ชีวิตด้วย เป็นบ่าวที่พูดผิดไป บ่าวสมควรตาย”
เฉินยางเกลียดบ้านถึงอีกา[2] พาลให้ชักจะไม่ชอบสาวใช้สองคนนี้ขึ้นมาแล้ว จึงพูดด้วยอารมณ์หงุดหงิดว่า “ไม่ต้องมาขอร้องข้า ข้าไม่ใช่นายหญิงของพวกเจ้า จะขอก็ไปขอเฝิงเยี่ยไป๋ เขาต่างหากที่เป็นเจ้านายตัวจริงของเจ้า ข้าเป็นเพียงภรรยาต่ำต้อยที่อาจจะถูกหย่าได้ทุกเมื่อเท่านั้น คำพูดของข้าใช้ไม่ได้ อย่าได้ทำให้เข่าตัวเองต้องเหนื่อยอีก ถึงยามนั้นก็โทษตัวเองว่าคุกเข่าให้ผิดคน เช่นนั้นข้าจะไม่รับผิดชอบ”
ที่ขอร้องกับนางนี้เป็นเพียงคำพูดไม่จริงจังเท่านั้น นิสัยของเฉินยางที่จริงพวกนางก็รู้เป็นอย่างดี ต่อให้นางโกรธจริงๆ ก็ไม่ถึงกับจะเอาชีวิตพวกนาง เพียงแค่พูดไปเท่านั้น อย่างมากก็ถูกตีมือสองทีเท่านั้น แต่หากถึงเฝิงเยี่ยไป๋นั้นก็ไม่เหมือนกันแล้ว ที่เขานั้นคือร้องขอชีวิตจริงๆ หากเฉินยางไม่จำเป็นต้องให้พวกนางปรนนิบัติแล้ว เช่นนั้นในจวนอ๋องก็ไม่มีที่ให้พวกนางอยู่ได้อีก ถูกไล่ออกจากจวนเป็นเรื่องเล็ก ไม่เคารพนายหญิงจนทำให้เจ้านายโกรธเป็นเรื่องใหญ่ ถึงยามนั้นถูกหามศพออกจากจวนอ๋องก็จบสิ้นแล้วจริงๆ
“พวกเราสำนึกผิดแล้ว บ่าวไม่ควรนินทานายหญิง บ่าวเสียมารยาทนัก บ่าวสมควรตาย นายหญิง ท่านอย่าได้ส่งบ่าวไปให้ท่านอ๋องเลย ขอนายหญิงได้โปรดไว้ชีวิตบ่าว หลังจากนี้บ่าวจะปรนนิบัติท่านอย่างเต็มที่”
“นายหญิง บ่าวรู้ว่าท่านใจดี ท่านก็ปล่อยบ่าวครั้งนี้ไปเถิด บ่าวรับรอง หากมีครั้งต่อไปบ่าวจะตัดลิ้นตัวเอง นายหญิง ขอร้องท่าน อย่าได้ส่งพวกเราไปให้ท่านอ๋องเลย”
เฉินยางเป็นคนใจอ่อน ฟังคนอื่นขอร้องนางไม่ได้ ที่จริงแล้วก็แค่นินทาเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ไม่ได้ทำให้นางโมโหนัก ตอนนี้พวกนางก็ขอร้องขนาดนี้แล้ว จะปั้นหน้าบูดก็ไม่ดี แม้ว่านางจะไม่เคยเป็นสาวใช้ เพียงแต่มองดูพวกนางวุ่นกันทั้งวัน ก็น่าจะเหนื่อยจริงๆ จึงใจอ่อนขึ้นมา เพียงแต่สีหน้ายังมึนตึงอยู่ “หากมีครั้งต่อไป ไม่ต้องให้พวกเจ้าลงมือ ข้าจะเป็นคนตัดลิ้นพวกเจ้าเอง”
——
[1] ภรรยาต่ำต้อย เป็นสำนวนจีน หมายถึงภรรยาที่ร่วมทุกข์กันมา
[2] เกลียดบ้านถึงอีกา เป็นสำนวนจีน หมายถึงเกลียดสิ่งใดแล้วย่อมพาลเกลียดสิ่งที่เกี่ยวข้องไปด้วย