แดนนิรมิตเทพ บทที่ 652
“ทุกท่านล้วนเป็นคนที่มีเสียงในโลกฝึกบู๊แห่งเจียงหนาน และน่าจะเคยได้ยินข่าวที่เฉินไต้ซือแห่งฮ่านหยางจะมาร่วมการประชุมบู๊แห่งเจียงหนานของพวกเรา ไม่รู้ว่าทุกท่านมีความคิดเห็นอย่างไร?”

สีหน้าของพานรุ่ยหมิงเคร่งขรึม กำมือข้างหนึ่งที่วางอยู่บนเก้าอี้ไว้แน่น เขาไม่มีวันลืมความอัปยศที่ตนเองได้รับจากหน่วยรบพิเศษเทพอินทรี

ชายชราสวมชุดลำลองสีเทาตบโต๊ะที่อยู่ตรงหน้า และกล่าวอย่างเย็นชาว่า “ไม่ต้องคิดก็รู้ว่าเฉินไต้ซือมาที่โลกฝึกบู๊เจียงหนานเพื่อมาแบ่งผลประโยชน์!”

“ขอเพียงแค่ตระกูลเว่ยของผมยังอยู่ เขาฝันไปเถอะ!” บุคคลนี้คือเว่ยชางหยุนพ่อของเว่ยอวี้เฉิง

ถึงแม้ดูเหมือนว่าโลกฝึกบู๊กับโลกมนุษย์จะเป็นคนละโลก แต่คนของโลกฝึกบู๊ก็ไม่สามารถแยกจากโลกมนุษย์ได้ และนี่คือเหตุผลหนึ่งที่คนของโลกฝึกบู๊เคารพ เจ้าหน้าที่ของโลกมนุษย์ ไม่เพียงเป็นเพราะพวกเขากลัวปืนใหญ่และอาวุธนิวเคลียร์ของทางการเท่านั้น

ดังนั้นโดยปกติแล้วคนของโลกฝึกบู๊จะดำเนินธุรกิจอยู่ในโลกมนุษย์เพื่อสนับสนุนกองกำลังของตนเอง เพื่อจะได้มีทรัพยากรทางการเงินที่ใช้สำหรับการฝึกและการประกันความมั่นคงในการดำรงชีวิต

โลกฝึกบู๊ของมณฑลเจียงหนาน ได้แบ่งมณฑลเจียงหนานออกเป็นเขตต่าง ๆ มากมาย และแน่นอนว่าผู้ที่แข็งแกร่งที่สุด ต้องมีทรัพยากรทางการเงินและอาณาเขตดีที่สุด

สิ่งนี้คล้ายกับเหล่าผู้ทรงอิทธิพลในโลกมนุษย์ แต่ผู้ทรงอิทธิพลในโลกมนุษย์ ที่ถูกคนของโลกฝึกบู๊เหล่านี้ควบคุมก็มีจำนวนไม่น้อย

หากเฉินไต้ซือได้เข้ามาในโลกฝึกบู๊ของเจียงหนาน แล้วต้องการครอบครองดินแดนในมณฑลเจียงหนาน ผลลัพธ์คือพวกเขาจะต้องแบ่งเขตอิทธิพลเดิมของตนเองในโลกฝึกบู๊แห่งเจียงหนานให้เขา ซึ่งไม่มีใครอยากจะสละผลประโยชน์ของตนเองอย่างแน่นอน

“ฮึ่ม ให้เขาเข้ามาเลย เขาคิดว่าที่นี่คือฮ่านหยางของเขาเหรอ?” ชายชราอ้วนที่ถือลูกเหล็กสองลูกอยู่ในมือด้วยสีหน้าเคร่งขรึม เขาก็หรี่ตาลง ดวงตากลายเป็นเส้น จนแทบจะมองไม่เห็นดวงตา

พานรุ่ยหมิงสงบนิ่ง แต่แอบรู้สึกลำพอใจ ดูเหมือนว่าหลังจากเขาปล่อยข่าวว่าเฉินโม่กำลังจะเข้ามายึดครองอาณาเขตของโลกฝึกบู๊ของเจียงหนานแล้ว สามารถทำให้คนในโลกฝึกบู๊ของเจียงหนานมองเขาเป็นศัตรู

“ถูกต้อง ให้เขามาได้ แต่กลับไปไม่ได้!” ชายชราอีกคนตบโต๊ะ

เมื่อเห็นทุกคนมีความกระตือรือร้น พานรุ่ยหมิงกระแอมสองครั้งและกล่าวด้วยสีหน้าจริงจังว่า “ตามมุมมองของสถานการณ์ตอนนี้แล้ว ผมคิดว่าการประชุมบู๊คราวนี้ พวกเราต้องร่วมมือกันต่อต้านศัตรูจากภายนอกก่อน หลังจากขับไล่เฉินไต้ซือออกไปแล้ว พวกเราค่อยเริ่มทำธุระของตนเอง”

“ทุกท่านคิดว่าอย่างไร?”

ทุกคนเงียบอยู่ครู่หนึ่ง

เว่ยชางหยุนเป็นคนแรกที่แสดงจุดยืน “ตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา ตระกูลพานเป็นผู้นำของโลกฝึกบู๊แห่งเจียงหนาน ในเมื่อพี่พานพูดแบบนี้แล้ว ถ้าเช่นนั้นพวกเรายังต้องพิจารณาอะไรอีก”

“ผมเห็นด้วยกับข้อเสนอแนะของพี่พาน ทุกคนร่วมมือกันขับไล่เฉินไต้ซือออกไป เพื่อที่คนอื่นจะได้ไม่กล้ามาดูถูกเหยียดหยามโลกฝึกบู๊แห่งเจียงหนานของพวกเรา!”

ถึงแม้ว่าทุกคนจะรู้ว่าตระกูลเว่ยมีความแค้นกับเฉินไต้ซือ แต่เมื่อเผชิญกับแรงกระตุ้นของผลประโยชน์แล้ว พวกเขาจำเป็นต้องเห็นด้วย

“ผมเห็นด้วยกับข้อเสนอแนะของพี่พาน”

“ผมเห็นด้วย……”

ชั่วพริบตา ทุกคนต่างเห็นพ้องต้องกัน

พานรุ่ยหมิงตบโต๊ะและกล่าวด้วยความฮึกเหิมว่า “ดีมาก คราวนี้ให้เฉินไต้ซือมาได้ แต่กลับไปไม่ได้!”

หลังจากกล่าวจบ พานรุ่ยหมิงสร้างความมั่นใจให้ทุกคนอีกครั้ง “ทุกท่านวางใจเถอะ อีกไม่นานพี่ชายของผมก็จะออกมาจากการปลีกวิเวกแล้ว ถ้าเฉินไต้ซือโชคดีผ่านด่านของพวกเราได้ แต่เขาจะไม่สามารถผ่านด่านพี่ชายของผมได้อย่างแน่นอน!”

ดวงตาของทุกคนเป็นประกาย ถ้าบุคคลนั้นของตระกูลพานออกมาจากการปลีกวิเวกแล้ว เฉินไต้ซือไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาอย่างแน่นอน!

เฉินโม่ซึ่งยังคงเดินเล่นอยู่บนถนน โดยที่เขาไม่รู้ว่านักบู๊ได้ร่วมมือเป็นพันธมิตรเพื่อต่อต้านเฉินไต้ซือแล้ว

แต่ถึงแม้เฉินโม่จะรู้ แต่เขาก็ไม่ใส่ใจแน่นอน เพราะสำหรับเขาแล้ว พวกเขาเป็นแค่กลุ่มคนที่ไร้ความคิดเท่านั้น