ตอนที่ 218 เขาไม่เคยให้ผมต้องอุ้ม / ตอนที่ 219 เจียงมู่เฉิน ผมรักคุณ

(Yaoi) เดิมพันอันตรายคุณชายจอมเจ้าเล่ห์

ตอนที่ 218 เขาไม่เคยให้ผมต้องอุ้ม

 

 

           เจียงมู่เฉินมองเขา “นายหยิบผ้าห่มมาทำไม”

 

 

           เขากวาดสายตามองเสื้อเชิ้ตตัวบางๆ ของเจียงมู่เฉิน “ข้างบนลมพัดแรง ถือผ้าห่มมาจะได้ใช้ด้วย”

 

 

           เจียงมู่เฉินอดจะยิ้มขึ้นมาไม่ได้ เขาเข้าไปใกล้เชยคางของซือเหยี่ยนไว้ “แฟนฉันทำไมเอาใจใส่ดูแลกันขนาดนี้นะ”

 

 

           “รีบขึ้นไปข้างบนกันเถอะ ข้างหน้ายังมีทางขึ้นเขาต่อไปอีก ถ้าไม่รีบจะไม่ทันแล้ว”

 

 

           พวกเขาออกเดินทางกันมาเมื่อตอนตีสี่กว่าๆ ตอนนี้ยังต้องขับรถมาอีกกว่าครึ่งชั่วโมง เหลือเวลาอีกไม่ถึงชั่วโมง พระอาทิตย์ก็ใกล้จะขึ้นแล้ว

 

 

           ทั้งสองคนค่อยๆ เดินขึ้นไปตามทางบนภูเขาอย่างช้าๆ ช่วงแรกๆ เจียงมู่เฉินก็ยังไม่เป็นไร แต่พอผ่านไปช่วงหนึ่ง อาการข้างเคียงจากการที่เมื่อคืนโดนซือเหยี่ยนจับกดไปสองรอบกำเริบขึ้นมาทั้งหมด

 

 

           เอวและขาอ่อนกำลังไร้เรี่ยวแรง เจียงมู่เฉินขมวดคิ้วฝืนอดทนค่อยๆ ก้าวเดินขึ้นไปอย่างช้าๆ

 

 

           “เฉินเฉิน” ซือเหยี่ยนเอ่ยเรียกเขา เจียงมู่เฉินเงยหน้าขึ้นมอง ซือเหยี่ยนส่งของในมือให้เขา “ถือไว้ ผมจะแบกคุณ”

 

 

           เมื่อคืนเขาก็พูดแล้ว ทางขึ้นเขาแบบนี้ มีหรือเขาจะตัดใจให้ซือเหยี่ยนแบกเขาได้ลงคอ เจียงมู่เฉินส่ายหัวแล้วส่ายหัวอีก “ไม่ต้อง ฉันขึ้นไปเองได้”

 

 

           ซือเหยี่ยนเห็นเขาก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย ไม่เอ่ยต่อเป็นคำที่สอง ก็ยัดของใส่มือของเจียงมู่เฉิน แล้วอุ้มเขาขึ้นมาทันที

 

 

           เจียงมู่เฉินตะลึงงัน โดนเขาอุ้มท่าเจ้าหญิงอีกครั้งแล้ว?

 

 

           ‘เขาเป็นผู้ชายนะ เอะอะก็อุ้มท่าเจ้าหญิงหมายความว่าไง ดูเหมือนเขาไม่มีความองอาจแบบลูกผู้ชายเอาซะเลย’

 

 

           “เอาล่ะ คุณให้ผมอุ้มคุณแก้ขัดไปก่อนเถอะ จะไม่ทำร้ายมาดคุณชายน้อยของคุณหรอก”

 

 

           “นายไหวเหรอ อย่าโยนฉันทิ้งกลางทางล่ะ” พวกเขาเพิ่งมากันครึ่งทาง อย่าให้ถึงเวลานั้นแล้วซือเหยี่ยนอุ้มเขาไม่ไหวจนโยนเขาออกไปนะ

 

 

           “วางใจเถอะ ต่อให้ผมโยนตัวเองออกไปก็จะไม่โยนคุณออกไปหรอก” คนในส่วนลึกของหัวใจ มีหรือจะตัดใจโยนทิ้งได้ลงคอ

 

 

           “งั้นถ้านายเหนื่อยแล้วก็บอกฉันมา ฉันลงไปเดินเองได้” เจียงมู่เฉินเอ่ยกำชับอย่างไม่วางใจ

 

 

           “ได้”

 

 

           ซือเหยี่ยนอุ้มเขาไว้ ค่อยๆ เดินขึ้นเขาไปอย่างช้าๆ ความเร็วช้ากว่าเดินนิดหน่อย แต่ก็ไม่ได้ต่างกันมากนัก

 

 

           เจียงมู่เฉินอิงแอบอยู่ในอ้อมอกของเขา เอ่ยถามด้วยความสงสัย “เมื่อก่อนนายอุ้มคนอื่นบ่อยๆ เหรอ”

 

 

           ขณะซือเหยี่ยนเดินอยู่ ก็ต้องตอบคำถามของเจียงมู่เฉินไปด้วย “เปล่า คุณเป็นคนแรกที่ผมอุ้ม”

 

 

           “แล้วแฟนเก่าคนนั้นของนายล่ะ”

 

 

           “เขาไม่เคยให้ผมต้องอุ้ม” เจียงมู่เฉินในอดีตเย่อหยิ่งทะเยอทะยานมากกว่าในปัจจุบัน จะมาอยู่เงียบๆ นิ่งๆ ในอ้อมกอดเขาแบบนี้ได้ยังไงกัน

 

 

           มีเรื่องอะไรไม่ออกตัวก็ถือว่าดีมากแล้ว

 

 

           ซือเหยี่ยนถอนหายใจ ถ้าสมัยนั้นเขาว่าง่ายไม่ดื้อขนาดนี้ ก็ไม่มีทางที่เขาจะแอบไปรับภารกิจหลับหลังเขาได้

 

 

           เขายังจำได้ว่าภารกิจในตอนนั้น เดิมทีเป็นของเขา แต่ไม่รู้ว่าเจียงมู่เฉินไปรู้เรื่องนี้มาจากไหน จนเป็นฝ่ายไปอาสาเสนอตัวบอกว่าต้องการจะไปแฝงตัวเป็นสายลับ กว่าเขาจะรู้ตัวทุกอย่างก็กำหนดชี้ขาดมาเรียบร้อย

 

 

           หลังจากที่เขาทราบเรื่องก็รีบไปหาเจียงมู่เฉินถามว่าทำไมต้องแอบรับภารกิจนี้ลับหลังเขาด้วย เจียงมู่เฉินมองเขาด้วยท่าทางลำพองใจ “คุณชายเป็นผู้ชายของนาย ช่วยนายรับภารกิจจะเป็นไรไป ชีวิตของตัวเองยังมีอะไรจำเป็นต้องแบ่งอีกเหรอ พวกเราสองคนใครไปก็ไม่เหมือนกัน”

 

 

           เขาไม่เชื่อว่าเจียงมู่เฉินจะแค่ถือโอกาสช่วยเขารับภารกิจนี้ ทั้งๆ ที่เจียงมู่เฉินรู้อยู่เต็มอกว่าระดับความยากของภารกิจนั้นสเกลใหญ่เกินไป มีโอกาสล้มเหลวสูงมาก ดังนั้นเจียงมู่เฉินถึงได้แอบขอรับภารกิจนี้ลับหลังเขาได้

 

 

           ไม่เพียงเท่านั้น เขายังรวมหัวกันกับผู้บังคับบัญชามาหลอกเขา ส่งเขาออกไปทำภารกิจอื่นที่ไม่หนักไม่เบา จนทุกอย่างถูกกำหนดชี้ขาด รู้ว่าเวลานั้นเปลี่ยนอะไรไม่ได้แล้ว ถึงได้มาบอกเรื่องนี้กับเขา

 

 

           ตอนนั้นเขาโมโหจนบ้าคลั่ง แต่เจียงมู่เฉินกลับมองเขาด้วยสีหน้าเรียบเฉย “วางใจเถอะ คุณชายฉลาดขนาดนี้ แค่ภารกิจเดียวเอง รับรองว่าสำเร็จอย่างราบรื่นได้แน่นอน”

 

 

 

 

ตอนที่ 219 เจียงมู่เฉิน ผมรักคุณ

 

 

           ทุกๆ อย่างถูกเตรียมการเอาไว้อย่างดีทั้งหมดแล้ว กองตำรวจใช้กำลังกายกำลังสมองมากมายขนาดนั้น ถ้าในเวลาเช่นนี้เขาเอ่ยเสนอให้เปลี่ยนคน ทั้งหมดพูดไปก็เสียแรงเปล่า ยังอาจจะทำให้สายที่ปิดซ่อนไว้ทั้งหมดถูกตัดขาด

 

 

           เขาทำได้เพียงเบิกตาค้างทำอะไรไม่ถูก จำใจมองดูเจียงมู่เฉินเดินเข้าสู่ความอันตรายทีละก้าวทีละก้าว

 

 

           ซือเหยี่ยนยังจำวันสุดท้ายที่กองตำรวจได้ เจียงมู่เฉินใส่ชุดเครื่องแบบตำรวจยืนอยู่ข้างหน้าต่าง มองมาที่เขาพร้อมยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย

 

 

           แสงแดดสาดส่องตกกระทบใบหน้างามละเอียดของเขาสะท้อนความรู้สึกอาวรณ์ใจบางอย่างออกมาอย่างคาดไม่ถึง เขายืนอยู่ใต้แสงอาทิตย์ เงาร่างเพรียวทอดยาวมา ภาพทั้งหมดค่อยๆ สลักลงฝังในสมองของซือเหยี่ยนทีละนิดทีละนิด

 

 

           ขอเพียงแค่ได้มองแวบเดียว หลังจากนี้เขาก็จะลืมอีกไม่ได้

 

 

           ตลอดชีวิตเขาไม่นึกไม่ฝัน ว่านั่นจะเป็นครั้งสุดท้ายที่เขาได้เห็นเจียงมู่เฉินที่ยังมีชีวิตอยู่ในชุดเครื่องแบบตำรวจ

 

 

           ……

 

 

           เดินกันมาถึงยอดเขาโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว เจียงมู่เฉินกระโดดลงมาจากอ้อมอกของซือเหยี่ยน เวลานี้พระอาทิตย์ยังไม่แย้มหน้าออกมา แต่ดูท่าว่าอีกไม่นานก็จะขึ้นมารับอรุณได้แล้ว

 

 

           “ไป หาที่เหมาะๆ กัน”

 

 

           เจียงมู่เฉินลากซือเหยี่ยนมาหาที่นั่งตรงมุมที่ไม่มีอะไรบดบัง ทั้งสองคนนั่งลง กระแสลมบนยอดเขายามเช้าทั้งแรงทั้งหนาว ลมพัดกระพือเสื้อเชิ้ตตัวบางๆ ของเจียงมู่เฉิน เจียงมู่เฉินหนาวจนอดจะเอามือมาถูกันไม่ได้

 

 

           ซือเหยี่ยนเอาผ้าห่มมาคลุมพันรอบตัวเจียงมู่เฉิน เขาเอียงหน้าไปกลับเห็นซือเหยี่ยนเองก็ใส่เสื้อเชิ้ตนั่งอยู่ข้างๆ เจียงมู่เฉินรีบเอาผ้าห่มบนตัวมาคลุมห่มให้ทั้งสองคนอยู่ข้างในด้วยกัน

 

 

           “คุณชายเป็นผู้ชายของนาย จะให้นายรับความหนาวได้เหรอ”

 

 

           เขากอดเอวซือเหยี่ยนไว้ ทั้งสองคนสร้างความอบอุ่นให้กันและกันอยู่บนยอดเขา

 

 

           ซือเหยี่ยนยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย “ผมนี่โชคดีจริงๆ ได้มาเจอคุณ แฟนที่ดีขนาดนี้”

 

 

           เจียงมู่เฉินกะพริบตาด้วยความภาคภูมิใจ “ก็ไม่ขนาดนั้น นายเองก็ดีมากเหมือนกัน”

 

 

           ซือเหยี่ยนมองดูเขาก็อดจะยิ้มออกมาไม่ได้ เขาช่างโชคดีเหลือเกินที่ได้มาเจอเจียงมู่เฉิน

 

 

           รออีกยี่สิบนาที พระอาทิตย์ก็ค่อยๆ โผล่ออกมาจากหมู่มวลก้อนเมฆ แสงแดดอบอุ่นเปล่งประกาย สว่างอร่ามตา ค่อยๆ สาดสะท้อนแผ่ปกคลุมไปทั่วทุกผืนดิน

 

 

           แสงแห่งรุ่งอรุณกระทบรับใบหน้าผิวขาวผ่องของเจียงมู่เฉิน ซือเหยี่ยนพินิจมองใบหน้ามุมข้างของคนข้างกาย แล้วยกมุมปากขึ้น เขากดเสียงต่ำเอื้อนเอ่ย “เจียงมู่เฉิน”

 

 

           เจียงมู่เฉินได้เสียงซือเหยี่ยนก็เอียงหน้าไปมอง ชั่วพริบตาเดียวที่หันกลับมาหากลับโดนเขาประกบปากจูบแทน เจียงมู่เฉินยังไม่ทันได้ตั้งตัวก็เบิกตากว้าง เขามองซือเหยี่ยนที่กำลังมอบจูบให้เขาอย่างแทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง กะพริบตาปริบๆ ด้วยความตกตะลึง

 

 

           ซือเหยี่ยนมองท่าทีตอบสนองของคนตรงหน้าอย่างขำๆ เขาเอามือปิดตาอีกคนไว้ “คุณมองผมแบบนี้ ผมจะจูบต่อไม่ได้นะ”

 

 

           เจียงมู่เฉินเอ่ยถามพลางหายใจหอบด้วยเล็กน้อย “ซือเหยี่ยน จู่ๆ นายมาจูบฉันทำไม ทำเอาฉันตกอกตกใจหมดเลย”

 

 

           ซือเหยี่ยนมองดูเขายามแนบชิดกาย โน้มตัวเข้าไปจูบอีกครั้ง ซือเหยี่ยนค่อยๆ งับริมฝีปากเจียงมู่เฉินทีละนิดโดยใช้วิธีที่อ่อนโยนที่สุด

 

 

           ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไหร่ จู่ๆ ซือเหยี่ยนก็แนบชิดริมฝีปากของเขา เสียงทุ้มต่ำเอ่ยกระซิบ “เจียงมู่เฉิน ผมรักคุณ”

 

 

           ขณะเดียวกันนั้น พระอาทิตย์ก็โผล่ขึ้นพ้นหมู่มวลก้อนเมฆมาอยู่ท่ามกลางท้องฟ้า แสงตะวันส่องสว่างไปทั่วผืนป่าบนเขา ทุกๆ สิ่งทุกๆ อย่างแปรเปลี่ยนเป็นความอบอุ่นแสนพิเศษ

 

 

           เจียงมู่เฉินเก็บคำพูดนี้ของซือเหยี่ยนฟังไว้ในหู ดวงตาที่ปิดสนิทขยับเล็กน้อยแฝงรอยยิ้มในแววตา

 

 

           ถึงแม้ว่าเอ่ยขึ้นมาแล้วจะดูเกินจริงไปหน่อย แต่ว่าได้ยินซือเหยี่ยนพูดแบบนี้ ในใจก็รู้สึกดีใจอย่างบอกไม่ถูก

 

 

           เขายิ้มพลางส่งมือไปกอดซือเหยี่ยนไว้ ออกแรงตอบรับเขา

 

 

           ผ่านไปนานพอสมควร คนสองคนถึงได้หยุดสบตากันและกัน มีแต่รอยยิ้มปรากฏในแววตา เจียงมู่เฉินเงยหน้าหลับตาลง ให้แสงแดดอุ่นกระทบลงใบหน้าของเขา

 

 

           แพรขนตายาวสั่นไหวในอากาศ เผยอารมณ์ความตื่นเต้นที่เขามีออกมาเล็กน้อย