ตอนที่ 220 ลองโซฟา / ตอนที่ 221 การกระทำที่คุ้นเคย

(Yaoi) เดิมพันอันตรายคุณชายจอมเจ้าเล่ห์

ตอนที่ 220 ลองโซฟา

 

 

           ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไหร่ แสงอาทิตย์ส่องสว่างไปทั่วท้องฟ้า เจียงมู่เฉินเอามือผลักซือเหยี่ยนออก “ไปกันเถอะ ควรจะลงไปได้แล้ว”

 

 

           ระหว่างทางที่กลับไป เจียงมู่เฉินไม่ได้ให้ซือเหยี่ยนอุ้มเขาแล้ว ทั้งสองคนค่อยๆ เดินเรียงหน้ากระดานกันลงมา จนลงมาจากเขาแล้ว เจียงมู่เฉินถึงได้ยืนอยู่หน้ารถ หันกลับไปมองแวบหนึ่ง

 

 

           เขาเอียงหน้ามองซือเหยี่ยนคนข้างกาย แล้วก็อดไม่ได้ที่จะจับมืออีกฝ่ายกุมไว้แน่น ผ่านไปสักพัก ถึงได้คลายมือออก

 

 

           ต่อจากนี้ไปอีกนานแค่ไหน ทุกครั้งที่เจียงมู่เฉินหวนรำลึกถึงช่วงเวลานี้ ในใจก็จะรู้สึกอบอุ่นแปลกๆ ขึ้นมา มันคือฉากในความทรงจำที่อบอุ่นที่สุดของเขา

 

 

           ทั้งคู่ขับรถลงเขาไป ก็เจอเข้ากับซังจิ่งที่รอพวกเขาอยู่หน้าประตูทางเข้าโรงแรม สีหน้าท่าทางซังจิ่งดูจริงจังทีเดียว “ขออภัยด้วย ผมมีธุระกะทันหันนิดหน่อย อาจจะจำเป็นต้องกลับไปก่อน พวกคุณจะกลับด้วยกันกับผมหรือว่า?”

 

 

           เจียงมู่เฉินครุ่นคิด อยู่ที่นี่ก็ไม่มีธุระอะไรแล้ว ที่ควรสำรวจพื้นฐานก็ตรวจดูกันเสร็จแล้ว จะได้กลับไปด้วยกันพอดี

 

 

           “พวกเราก็กลับไปด้วยกันเถอะ”

 

 

           ซือเหยี่ยนพยักหน้าตกลง

 

 

           พวกเขากลับเข้าไปเก็บของในห้องพักอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นพวกเขาถึงได้ขับรถพากันไปสนามบิน

 

 

           หลังจากสี่ชั่วโมงผ่านไป เครื่องบินก็ลงจอดที่สนามบินถานโจว ออกจากสนามบิน ซังจิ่งก็ขับรถออกไปทันที ส่วนเจียงมู่เฉินและซือเหยี่ยนมีคนขับรถมารับ

 

 

           ระหว่างทางกลับ เจียงมู่เฉินคิดเสมอว่าจะกลับไปที่บ้านตระกูลเจียง จนรถจอดแล้วถึงได้พบว่าที่ที่ซือเหยี่ยนจะกลับไปคือคอนโดมิเนียมที่พวกเขาซื้อใหม่

 

 

           “ของยังไม่ได้ย้ายมาหมดไม่ใช่เหรอ ทำไมจู่ๆ ถึงมาที่นี่แล้วล่ะ”

 

 

           ซือเหยี่ยนลากตัวเจียงมู่เฉินคนง่วงนอนมา “ผมให้คนขนย้ายของที่จำเป็นจากคฤหาสน์มาที่นี่หมดแล้ว ส่วนของอย่างอื่นก็ให้คนไปซื้อใหม่มาเรียบร้อย”

 

 

           เจียงมู่เฉินกวาดสายมองเขาแวบหนึ่งอย่างชื่นชม “ดูท่าว่าแฟนฉันคนนี้ยังมีประโยชน์มากทีเดียว”

 

 

           ซือเหยี่ยนยิ้มหัวเราะเบาๆ “คุณวางใจเถอะ แฟนคุณไม่ได้ทำได้แค่เรื่องนี้หรอก ประโยชน์ใช้สอยใหญ่อยู่”

 

 

           เจียงมู่เฉินขบกราม รู้สึกว่าตอนนี้ซือเหยี่ยนนับวันยิ่งหน้าไม่อาย ไม่กลัวว่าวันไหนเขาจะไม่แยแสเขาด้วย

 

 

           ซือเหยี่ยนยืนอยู่หน้าคอนโดมิเนียม ใช้มือเปิดประตูเข้าไป หลังจากเจียงมู่เฉินเข้าไปแล้ว ก็พยักหน้าอย่างพอใจ ทุกอย่างในนี้ทั้งหมดตกแต่งตามแบบที่เขาชอบทั้งนั้น

 

 

           เพราะรู้ว่าเจียงมู่เฉินชอบเดินเท้าเปล่า ข้างในข้างนอกทั้งหมดจึงปูพื้นด้วยพรม

 

 

           เขาพุ่งตัวไปหาโซฟาเขาถูกใจเมื่อคราวก่อน เขาเอนตัวลงนอนบนโซฟา ผ่อนลมหายใจออกด้วยความอิ่มอกอิ่มใจ “ฟินจริงๆ”

 

 

           ซือเหยี่ยนมองเขาอย่างขำๆ โซฟาที่เขาวางไว้ในคฤหาสน์แต่ก่อนนั้นก็ดีมากอยู่ แค่ไม่ได้เห็นเจียงมู่เฉินอวดโซฟานั้นได้ขนาดนี้

 

 

           ซือเหยี่ยนเดินเข้าไปนั่งลงข้างๆ อย่างสนอกสนใจ เขานั่งพิงอยู่ตรงนั้น พร้อมเอ่ยถามอย่างจริงจัง “สบายขนาดนี้เชียว”

 

 

           เจียงมู่เฉินดึงเขาไว้ “นายเอนตัวลงนอนดูสิ”

 

 

           ด้วยเหตุนี้ทั้งสองคนที่นอนเบื่อๆ บนโซฟา จึงทดลองระดับความสบายกันขึ้น

 

 

           ……

 

 

           “ประธานไป๋ครับ วันนี้คุณซูเตอร์โทรมาถามหาตำแหน่งที่อยู่ของประธานซือครับ” เสี่ยวหลิวได้รับโทรศัพท์จากซูเตอร์ก็รีบเข้ามารายงานทันที

 

 

           ไป๋จิ่งกุมขมับ หลายวันที่ซือเหยี่ยนไม่อยู่ ซูเตอร์ก็เอาแต่ถามหาตำแหน่งที่อยู่ของซือเหยี่ยน

 

 

           ซูเตอร์คนนี้ เขาพอเข้าใจเรื่องราวอยู่บ้าง เขาถอนหายใจอย่างจนปัญญา ถ้าซือเหยี่ยนพวกเขายังไม่กลับมาอีก เขาก็ไม่รู้จริงๆ แล้วว่าจะต้องขัดขวางซูเตอร์อย่างไรแล้ว

 

 

           “โอเค ฉันรู้แล้ว” ไป๋จิ่งให้เสี่ยวหลิวออกไปก่อน

 

 

           ตัวเองก็เตรียมกดสายโทรหาซือเหยี่ยนถามเขาว่าสรุปแล้วจะพร้อมกลับมาเมื่อไหร่ ถ้ายังไม่กลับมาอีก เขาจะต้านไม่อยู่จริงๆ แล้ว

 

 

           ซือเหยี่ยนกำลังจะลองโซฟากับเจียงมู่เฉินอยู่ เมื่อได้ยินเสียงมือถือดังขึ้น ซือเหยี่ยนก็มองข้ามมันไปเลย แต่เจียงมู่เฉินกลับฉวยโอกาสนี้เตะซือเหยี่ยนออกไป “ไปรับโทรศัพท์สิ”

 

 

            ซือเหยี่ยนจำใจทำได้แค่ทำหน้าน้อยใจไปหยิบมือถือขึ้นมากดรับสาย

 

 

           “ซือเหยี่ยน ในที่สุดนายก็รับสายได้สักที สองสามวันนี้นายไปไหนมา โทรหานายไม่ติดเลย” ไป๋จิ่งได้ยินเสียงซือเหยี่ยนในปลายสาย ก็โล่งใจทันที

 

 

 

 

ตอนที่ 221 การกระทำที่คุ้นเคย

 

 

           “สองสามวันก่อนไม่มีสัญญาณมือถือ”

 

 

           “นายจะกลับมาเมื่อไหร่ ฉันใกล้จะต้านไม่อยู่แล้ว”

 

 

           ซือเหยี่ยนขมวดคิ้วเล็กน้อย ถึงไป๋จิ่งไม่บอก แต่เขาก็รู้ว่าที่ไป๋จิ่งพูดถึงก็คือเรื่องของซูเตอร์

 

 

           “ฉันถึงถานโจวแล้ว” เจียงมู่เฉินอยู่ที่นี่ด้วย เขาไม่อยากพูดถึงเรื่องที่เกี่ยวกับซูเตอร์มากเกินไป

 

 

           “นายจะมาบริษัทเมื่อไหร่ ฉันมีเรื่องจะคุยกับนาย”

 

 

           “อีกสักพักฉันจะเข้าไป นายรอฉันที่บริษัทก่อน”

 

 

           ซือเหยี่ยนพูดจบก็ตัดสายทิ้งทันที เจียงมู่เฉินมองดูเขา “ไป๋จิ่ง?”

 

 

           “อืม เขามีธุระหาผม”

 

 

           “โอเค งั้นนายรีบไปบริษัทเถอะ ฉันจะได้นอนชดเชยพอดีด้วย” เขาก็ง่วงสุดๆ แล้วพอดี เมื่อเช้าตีสี่โดนเรียกปลุก จนถึงตอนนี้ง่วงจนตาจะลืมไม่ขึ้นแล้ว

 

 

           เจียงมู่เฉินลุกขึ้นมาจากโซฟาแล้วเดินเข้าห้องนอนไป หันหลังใส่พร้อมปัดมือทำท่าให้เขารีบออกไป

 

 

           ซือเหยี่ยนเห็นเขาเข้าห้องนอนไปแล้ว ถึงได้ออกจากคอนโดมิเนียม แล้วมุ่งหน้าพุ่งตรงไปยังบริษัท

 

 

           ไป๋จิ่งวางสายแล้วก็รอซือเหยี่ยนที่บริษัท หลังจากหนึ่งชั่วโมงผ่านไปในที่สุดเขาก็มาถึงสักที ไป๋จิ่งเข้าห้องทำงานไปพร้อมกับซือเหยี่ยน

 

 

           ซือเหยี่ยนมองเขา “มีเรื่องอะไร ด่วนขนาดนี้เชียวเหรอ”

 

 

           “ฉันยังมีเรื่องอะไรได้อีกล่ะ ซูเตอร์ไง สองสามวันนี้มาตามนายทุกวันเลย” ไป๋จิ่งนึกถึงตอนที่ซูเตอร์เป็นกระต่ายขาวตัวน้อยอยู่ต่อหน้าซือเหยี่ยน แต่พออยู่ต่อหน้าเขากลับกลายเป็นเสือชีตาห์ที่กัดคนได้ตลอดเวลา เปลี่ยนกันเร็วเสียเหลือเกินนะ

 

 

           “นอกจากมาตามฉันแล้ว ยังมีความเคลื่อนไหวอะไรอย่างอื่นไหม”

 

 

           ไป๋จิ่งครุ่นคิดสักพัก “เขามาถานโจวนานขนาดนี้ ฉันยังไม่เห็นเขาเคยติดต่อใครเลยจริงๆ ก็มีแค่ทุกวันต้องมาถามถึงร่องรอยของนาย นายว่าเขามาตั้งไกลขนาดนี้ก็เพียงเพื่อนายคนเดียวหรือเปล่า”

 

 

           “แผนการของเขาตอนนี้ยังไม่ต้องคาดเดา ในเมื่อคนก็มาถึงที่นี่ทั้งที ต้องไม่มาเสียเที่ยวอยู่แล้ว” ซือเหยี่ยนขมวดคิ้ว “ใช่แล้ว อเมริกาทางนั้นไม่มีความเคลื่อนไหวอะไรบ้างเหรอ”

 

 

           “หลังจากที่นายออกไป ฉันก็รีบให้คนไปตรวจสอบที่อเมริกามา แต่แก๊งมังกรครามทุกอย่างยังปกติดี ไม่มีความผิดปกติใดๆ”

 

 

           ซือเหยี่ยนกดหน้าลงพลางคิดทบทวน สองสามวันนี้เขาจงใจทำตัวเย็นชาใส่ซูเตอร์ เดิมคิดว่าเขาจะลงมือทำอะไร แต่ผ่านไปแล้วหลายวัน คาดไม่ถึงว่าซูเตอร์จะเงียบขนาดนี้ ไม่มีท่าทีตอบสนองอะไร จะมีแค่โทรมาหาสายหนึ่งทุกวันเหรอ

 

 

           ซือเหยี่ยนขมวดคิ้ว รู้สึกว่าเรื่องนี้ไม่ควรจะสงบเงียบขนาดนี้ถึงจะถูก ตามนิสัยของซูเตอร์แล้ว เป็นไปไม่ได้ที่ถึงตอนนี้แล้วจะความเคลื่อนไหวใหญ่ๆ ออกมา

 

 

           “เอาล่ะ เรื่องของซูเตอร์ส่งต่อให้ฉันแล้วกัน”

 

 

           ไป๋จิ่งพยักหน้า “ได้ งั้นฉันไปจัดการธุระอย่างอื่นก่อนแล้วกัน นายไม่อยู่สองวันนี้ ฉันใกล้จะตายทั้งเป็นอยู่แล้ว”

 

 

           เขายุ่งจนแม้แต่เวลาจะไปหามั่วไป๋ก็หดสั้นลงแล้ว

 

 

           หลังจากไป๋จิ่งออกไป ซือเหยี่ยนยืนอยู่หน้าต่าง เขาก้มหน้ามองลงไปยังข้างล่างตึก สีหน้าเหนื่อยล้านิดหน่อย เงียบงันอยู่ไม่กี่นาที เขาถึงได้หยิบมือถือออกมากดโทรออก

 

 

           “ซูเตอร์ ผมซือเหยี่ยนนะ คืนนี้ผมจะไปหาคุณ”

 

 

           ……

 

 

           เจียงมู่เฉินนอนทีหลับยาวจนถึงตอนพลบค่ำ ถึงได้รู้สึกตัวขึ้นมานิดหนึ่ง นอกหน้าต่างท้องฟ้ามืดลงบ้างแล้ว เขาเวียนหัวจึงหลับตาลงอีกสองวินาที ถึงค่อยๆ ลงจากเตียงอย่างเอื่อยเฉื่อย

 

 

           “ซือเหยี่ยน…”

 

 

           เจียงมู่เฉินออกมาจากห้องนอน เอ่ยเสียงต่ำร้องเรียก

 

 

           ผ่านไปตั้งนานก็ไม่มีใครตอบรับ เจียงมู่เฉินขมวดคิ้ว หรือว่าซือเหยี่ยนยังไม่กลับมา?

 

 

           เขาเดินเท้าเปล่าหยิบมือถือออกมาโทรหาซือเหยี่ยน อยากถามว่าคืนนี้เขาจะกลับมากินข้าวเย็นหรือเปล่า เพิ่งจะกดโทรออกไปไม่ทันไรก็โดนตัดสายทิ้ง เจียงมู่เฉินขมวดคิ้ว การกระทำนี่ดูคุ้นๆ นะ เกิดอะไรขึ้นกัน  

 

 

           ในหัวโพล่งออกมาสองคำ ‘ซูเตอร์’

 

 

           มือเจียงมู่เฉินที่ถือแก้วน้ำอยู่กำแน่นขึ้น อารมณ์พลุ่งพล่าน