บทที่ 1716+1717

ลำนำบุปผาพิษ

บทที่ 1716 โศกาอาลัย 4

หลังจากที่เขาก่นด่าตี้ฝูอี ผลลัพธ์คือไม่ได้ยินตี้ฝูอีตอบเขากลับมาสักคำ หลังจากนั้นอีกฝ่ายก็ปิดป้ายหยกถ่ายทอดเสียงไปเสียดื้อๆ

หลงซือเย่ไม่ยอมลดละ รีบมุ่งหน้าตามทิศทางพลางติดต่อไป ทว่าป้ายหยกส่องแสงนับร้อยครั้ง อีกฝ่ายก็ไม่รับ!

หลงซือเย่แทบจะบ้าคลั่งแล้ว!

ยามนี้พลังยุทธ์ของเขาไม่ได้ลึกล้ำขนาดนั้น ความเร็วในการขี่ม้าก็ไม่มีการเพิ่มความเร็วสูงสุดได้ดังเช่นแต่ก่อน จะได้ไม่ทำให้คนทั้งคนถูกพัดจนบาดเจ็บ

ระหว่างทางเขาพบเจอกับสี่ทูตที่กำลังตามหานายท่าน ดังนั้นจึงเร่งรีบมาด้วยกัน

หลงซือเย่มีลางสังหรณ์ไม่ดีในใจ ทว่าเขายังคงมีความหวังว่าถ้าเกิด

ถ้าเกิดกู้ซีจิ่วเอาชนะได้ในเขตแดนเล่า? หากเอาชนะได้ บางทีเธออาจจะไม่มีอันเป็นไปกระมัง? บางทีตี้ฝูอีอาจจะพาเธอไปรักษาแล้ว บางที…

เขาหอบเอาความหวังว่าถ้าเกิดนี้ท้าสายลม ท้าหิมะมาถึงตรงนี้ ผลลัพธ์ สิ่งที่เห็นคือตี้ฝูอีกับกู้ซีจิ่วที่แทบจะกลายเป็นรูปสลักน้ำแข็งแล้ว

ตี้ฝูอีนั่งขัดสมาธิท่ามกลางหิมะ ทั้งศีรษะ ทั้งใบหน้า ทั้งร่างกายปกคลุมไปด้วยหิมะ แทบจะหลอมรวมเข้ากับภูเขาน้ำแข็งกับยอดเขาน้ำแข็ง

คนในอ้อมกอดที่เขากอดรัดกระชับแน่นก็คือกู้ซีจิ่ว

ตี้ฝูอีปกป้องนางไว้ในอ้อมกอดอย่างดี ไม่มีเกล็ดหิมะบนตัวนางแม้แต่น้อย ดวงหน้าน้อยๆ ของนางซีดขาว ริมฝีปากก็ซีดขาว แพขนตาดำขลับ เหมือกำลังนอนหลับ นอนไม่ขยับเขยื้อนอยู่ในอ้อมกอดเขา…

มีเสียงดังโครมครามในหัวของหลงซือเย่! เขาย่อมเป็นผู้เชี่ยวชาญในด้านนี้ เขามองแวบเดียวก็รู้ว่ากู้ซีจิ่วตายแล้ว…

ถึงแม้ร่างกายนางยังนับว่าอ่อนนุ่ม ใบหน้าเหมือนมีชีวิต ทว่านางก็ตายไปแล้ว

หน้าผากตี้ฝูอีอิงแอบแนบกับหน้าผากนาง ราวกับกำลังกระซิบกับนางอยู่

เขาโอบกอดนางไว้อย่างระมัดระวัง ใช้ร่างกายของตัวเองกำบังเกล็ดหิมะทั้งหมด เหมือนว่าเช่นนี้จะปกป้องนางได้เป็นอย่างดี เหมือนว่ามีเพียงเช่นนี้เท่านั้นนางถึงจะฟื้นขึ้นมาได้…

เขารู้ว่านางชอบให้เขากอด ทว่าหลังจากที่ทั้งสองตัดขาดจากกัน เขาก็ไม่ได้กอดนางอย่างแท้จริงอีกเลย ไม่ได้ให้นางอิงแอบในอ้อมแขนเขาอีกเลย

ยามนี้เขากอดนางได้อย่างไม่ต้องคิดสิ่งใดแล้ว น่าเสียดายนางไม่มีความรู้สึกอีกต่อไปแล้ว…

ดวงตาหลงซือเย่แดงก่ำ!

หลังจากเขามองดูทุกอย่างชัดเจน เสียงโครมครามดังขึ้นในหัวเขาเหมือนมันจะระเบิด!

เลือดลมพุ่งไปยังศีรษะ เขากระโจนเข้าไปทันที ซัดตี้ฝูอีหนึ่งฝ่ามือ “สารเลว! เจ้าทำร้ายนางจนตาย! เจ้าพอใจแล้วกระมัง!”

ความจริง สี่ทูตก็ถูกภาพฉากนี้ทำให้งงงวยไปแล้ว

พวกเขาก็นึกไม่ถึงว่าหลงซือเย่จะกล้าลงไม้ลงมือกับนายท่านตน เขาตกใจมาก อยากหยุดยั้งก็ไม่ทันกาลแล้ว!

พวกเขาหลับตาลงโดยสัญชาตญาณ รอให้หลงซือเย่ถูกซัดกลับกระเด็นไป…

อย่างไรเสีย พลังวิญญาณของหลงซือเย่ในตอนนี้กับตี้ฝูอีก็แตกต่างกันมากเกินไป! ใช้ฟ้ากับดินมาอธิบายก็ยังไม่พอ

หลงซือเย่ลงมือกับตี้ฝูอี ต่อให้ตี้ฝูอีไม่ตอบโต้กลับ เขตแดนพิทักษ์ร่างก็จะทำให้หลงซือเย่สั่นสะท้านกระเด็นออกไปได้เลย!

“เพียะ!” ฝ่ามือนี้ของหลงซือเย่กลับตีเข้าที่หลังของตี้ฝูอีอย่างแรง!

ร่างกายตี้ฝูอีพลันสั่นสะท้าน มีเลือดไหลออกที่มุมปาก…

รอบกายเขากลับไม่มีเขตแดนพิทักษ์ร่างใดๆ แล้ว!

สี่ทูตทึ่มทื่อกันแล้ว!

มู่เฟิงมีปฏิกิริยาตอบสนองก่อน กระโดดไปหยุดยั้งหลงซือเย่ที่ยังต้องการลงมือ ส่วนมู่อวิ๋น มู่เตี้ยนและมู่เหลยก็คุกเข่าลงต่อหน้าตี้ฝูอี “นายท่าน!”

ใบหน้าตี้ฝูอีซีดขาว เสมือนรูปสลักน้ำแข็ง บนแพขนตาของเขามีเกล็ดน้ำแข็ง นั่งอยู่ตรงนั้นไม่พูดจาและไม่ขยับเขยื้อน เหมือนกับลาลับไปแล้วเช่นกัน ไม่มีชีวิตชีวา

เทพศักดิ์สิทธิ์ที่เป็นเช่นนี้มู่เฟิงกับสี่ทูตเคยพบเจอที่ไหนกัน?

พวกเขารู้สึกตกใจมาก!

พวกเขาย่อมเจ็บปวดหัวใจกับการจากไปของกู้ซีจิ่ว เสียใจมาก ทว่าเมื่อเห็นนายท่านเหม่อลอยเช่นนี้ พวกเขาก็ยิ่งตื่นตระหนก!

มู่อวิ๋นคุกเข่าเข้าไปหา “นายท่าน พวกเรากลับกันเถิด? พวกเรากลับกันเถิด?”

————————————————————————————-

บทที่ 1717 อดีตนั้นสุดจะไขว่คว้า

มู่เตี้ยน มู่อวิ๋นก็ร่วมด้วย “นายท่าน สถานที่แห่งนี้ไม่เหมาะจะรั้งอยู่นาน พวกเรากลับกันก่อนแล้วค่อยว่ากันเถิดขอรับ…”

มู่เฟิงเจ็บปวดหัวใจดั่งถูกแมวข่วน ทว่าเขายังคงมีความหวังเล็กน้อย “นายท่าน ท่านรวบรวมวิญญาณได้นี่ขอรับ รวบรวมวิญญาณนางให้ฟื้นคืนชีพอีกครั้งก็ได้…” ที่แท้นายท่านมีใจรักหนักแน่นต่อกู้ซีจิ่วถึงเพียงนี้ เหตุใดตอนนั้นจึง…

หลงซือเย่หัวเราะ “ฟื้นคืนชีพรึ? ฮ่าๆ! ฟื้นคืนชีพอย่างไร ดูลักษณะนางในตอนนี้เหมือนกับวิญญาณแหลกสลายไปแล้วนี่! ตี้ฝูอี ทั้งๆ ที่ท่านเป็นวิชารวบรวมวิญญาณ! ทั้งๆ ที่ท่านช่วยชีวิตนางไว้ได้! แต่กลับปล่อยให้วิญญาณนางแหลกสลาย! ยามนี้ยังทำท่าทางผีสางเช่นนี้ให้ผู้ใดดูอีก! ท่านสะอิดสะเอียนบ้างหรือไม่?!”

หลงซือเย่เศร้าโศกเสียใจมาก เสียงหัวเราะที่ดุดันแทบจะสะเทือนยอดเขาน้ำแข็งโดยรอบ

เป็นครั้งแรกที่มีคนก่นด่าเทพศักดิ์สิทธิ์ซึ่งหน้าเช่นนี้ มู่เฟิงทั้งโกรธเคืองและร้อนใจ เดิมทีเขาคิดจะกดจุดหย่า[1]ของหลงซือเย่ให้เงียบปาก ทว่าหัวใจเขาพลันสั่นไหวเมื่อเห็นใบหน้าของตี้ฝูอี จึงอดทนไม่ลงมือ

หลังจากพวกเขามา ตี้ฝูอียังคงอยู่ในอิริยาบทเดียว สีหน้าเดียว เหมือนเข้าไปวนเวียนอยู่ในโลกของตัวเอง ไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองอะไรเหมือนทึมทื่อ

คำด่อทออย่างโกรธเคืองของหลงซือเย่กลับทำให้แพขนตาเขาสั่นไหวเล็กน้อย

ยามนี้หลงซือเย่พร้อมเสี่ยงทุกอย่างแล้ว “ตี้ฝูอี ซีจิ่วบอกว่าหากนางไม่ตาย ท่านก็ไม่มีทางฟื้นคืนชีพนางในดวงใจของท่านได้ ด้วยเหตุนี้ ผมของท่านจึงกลายเป็นสีขาวอย่างรวดเร็ว ถึงแม้ข้าไม่รู้ว่านางมีความคิดเช่นนี้ได้อย่างไร แต่ในเมื่อมันเป็นถ้อยคำที่นางพูดออกมาในห้วงฝันร้าย นั่นก็พิสูจน์ได้ว่าท่านทำให้นางรู้สึกเช่นนี้ ท่านต้องมีเรื่องเช่นนี้แน่นอน!…ตอนนี้ก็เท่ากับนางทำให้ท่านสมหวังแล้วนี่! ฮ่าๆ นางโง่งมเกินไปกระมัง! ท่านไม่จำเป็นต้องทำท่าทางน่าสะอิดสะเอียนเช่นนี้ให้นางเห็นหรอก! ข้าว่าร่างกายนี้ยังคงสมบูรณ์แบบยิ่งนัก ถึงแม้จะได้รับบาดเจ็บ แต่ตราบใดที่รักษาให้ดีก็ยังใช้งานได้ ท่านใช้นางฟื้นคืนชีพหญิงในดวงใจท่านเถิด อย่าทำให้ความตั้งใจของนางสูญเปล่า!”

ในที่สุดตี้ฝูอีค่อยๆ เงยหน้าขึ้น เอ่ยปาก “ไม่มีนางในดวงใจอื่น…”

น้ำเสียงของเขาแหบแห้งยิ่งนัก ดวงตาว่างเปล่ายิ่งกว่าดินแดนกว้างใหญ่อันเวิ้งว้างนี้เสียอีก “ข้าหลอกลวงนางทั้งนั้น…นางก็คือนาง ไม่มีคนอื่นใด…”

หลงซือเย่นิ่งงัน

กำปั้นของเขากระชับแน่นยิ่งขึ้น จ้องมองตี้ฝูอี “เช่นนั้นเหตุใดจึงต้องหลอกลวงนาง?! จงใจอยากเห็นนางเสียใจอย่างงั้นรึ?”

ตี้ฝูอีหลุบตาลงมองนางที่อยู่ในอ้อมอก บ่นพึมพำว่า “ใช่ ข้าจงใจหลอกลวงนาง จงใจให้นางเสียใจ เป็นความผิดข้าเอง…”

หลงซือเย่ตกตะลึง

เขากัดฟันกรอด ทนไม่ไหวซัดฝ่ามือออกไป “ตี้ฝูอี ข้ารู้ว่าท่านมีนิสัยแปลกประหลาด แต่นึกไม่ถึงว่าท่านจะแปลกประหลาดถึงเพียงนี้!”

ฝ่ามือวายุนี้หนักแน่นดุจขุนเขา ทำให้เกล็ดหิมะทั่วฟ้าร่วงหล่นทับตี้ฝูอี!

มู่อวิ๋นโมโหแล้ว!

เมื่อสักครู่หลงซือเย่ซัดฝ่ามือใส่เทพศักดิ์สิทธิ์ก็ช่างเถิด ยามนี้กลับยังลงไม้ลงมืออีก! เทพศักดิ์สิทธิ์เป็นผู้ที่มนุษย์ล่วงเกินได้อย่างนั้นหรือ?!

เขายกฝ่ามือขึ้น ซัดคลื่นแสงสายหนึ่งพุ่งตรงไปที่หลงซือเย่! คิดจะบีบบังคับให้อีกฝ่ายถอนฝ่ามือออกเพื่อรักษาชีวิตตัวเอง…

มู่อวิ๋นในตอนนี้มีพลังวิญญาณขั้นสิบแล้ว ลงมือเพียงเล็กน้อยหลงซือเย่ก็ไม่อาจต้านรับไหว หากคลื่นแสงสายนี้ระเบิดออก หลงซือเย่จะถูกซัดกระเด็นไปจนกระอักเลือด…

เงาสีขาวสายหนึ่งสว่างวาบคั่นกลางระหว่างมู่อวิ๋นกับหลงซือเย่

ฝ่ามือสะเทือนสวรรค์ของมู่อวิ๋นไม่ได้โจมตีไปบนร่างหลงซือเย่ ทว่ากลับถูกเงาร่างสีขาวนั้น!

ในขณะเดียวกัน ฝ่ามือของหลงซือเย่ก็ซัดสาดถูกเงาร่างสีขาวนั้นเช่นกัน…

เสียง ‘เปรี้ยง!’ ‘ตูม!’ ทั้งสองดังขึ้น!

เงาร่างสีขาวนั้นพลันสั่นสะท้าน…

มู่อวิ๋นหน้าถอดสี ร้องเรียก “นายท่าน!” น้ำเสียงสั่นเครือจนแทบจะเพี้ยนไป

————————————————————————————-

[1] จุดหย่า จุดฝังเข็มบนแนวกึ่งกลางสันหลัง ตรงร่องเหนือปุ่มกระดูกคอที่สอง หากกดทำให้เสียงหาย พูดไม่ได้เพราะลิ้นลีบหรือลิ้นแข็ง ปวดศีรษะ ปวดตึงต้นคอ และเลือดกำเดาไหล ทั้งยังเป็นจุดฝังเข็มช่วยเสริมการระงับความรู้สึกที่ใช้บ่อยในการผ่าตัดสมอง