ตอนที่ 237 ยุยงให้สารภาพรัก / ตอนที่ 238 ของขวัญ

เช่าท่านประธานมาปิ๊งรัก

ตอนที่ 237 ยุยงให้สารภาพรัก 

 

 

เสิ่นจิ้งเฉินใช้สายตามองซย่าเสี่ยวมั่วราวกับจะยิงกันให้ตาย 

 

 

“ถ้าเธอชอบเขาก็ไปสารภาพรักซะสิ” เสิ่นจิ้งเฉินพูดจี้จุดทันที 

 

 

“ใครชอบเขากัน” สีหน้าของซย่าเสี่ยวมั่วไม่มีความเขินอายใดๆ ตอบกลับอย่างรวดเร็วด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ก็แค่มาเยี่ยมเพราะเห็นแก่มิตรภาพอันน้อยนิดนั่นเท่านั้นแหละ” 

 

 

เสิ่นจิ้งเฉินนึกสงสัยขึ้นมา นี่ไม่ชอบจริงๆ น่ะเหรอ? 

 

 

“แล้วสีหน้าเมื่อกี้ของเธอหมายความว่ายังไง” 

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วเก็บสายตากลับมา แล้วพูดคุยกับเสิ่นจิ้งเฉินอย่างผ่อนคลาย “ก็ฉันเป็นคนมีความเมตตา พอไม่ทันระวัง ความรู้สึกนั้นก็จะท่วมท้นออกมาไงล่ะ” 

 

 

เสิ่นจิ้งเฉินไม่เห็นว่ามีความผิดปกติอะไร นึกว่าตนจะคิดมากเกินไป ในเมื่อเป็นเช่นนี้ก็คงต้องปิดบังตัวตนของซย่าเสี่ยวมั่วไปอีกสักพัก ถ้าเปิดเผยออกไปกลัวว่าจะมีคนมาหลอกใช้ เหยียนเค่อเองก็ไม่มีท่าทางอะไรเช่นกัน ตนเองถูกหนีบอยู่ตรงกลางก็ทำตัวไม่ถูก 

 

 

ทั้งสองคนต่างก็ก้มหน้าขบคิด ฉินจานเอ่ยขึ้น “เหยียนเค่อจะทายาแล้ว ผู้หญิงที่ยังไม่แต่งงานต้องหลบออกไปใช่ไหม” 

 

 

“ผู้หญิงที่แต่งงานแล้วควรจะหลบออกไปมากกว่าอีก!” เหยียนเค่อดึงชายเสื้อของตนไว้ไม่ให้ 

 

 

ฉินซื่อหลานถอดมันออก 

 

 

ฉินจานยกเก้าอี้มาแล้วถอยหลังไปสองสามก้าว “ผู้หญิงที่แต่งงานแล้วก็ไม่ต้องหลบเลี่ยงแล้ว ใช่ว่าไม่เคยเห็นสักหน่อย ฉันแค่จะดูว่าอาการนายเป็นยังไงบ้างเท่านั้น วันนี้ยายสวีอิ๋งอิ๋งนั่นบอกว่านายเจ็บสาหัสเลยนี่” 

 

 

“ถ้าบอกสวีอิ๋งอิ๋งก็ต้องบอกว่าสาหัสไว้ก่อน” เสิ่นจิ้งเฉินอธิบาย “ฉันสงสัยว่าเขากับเหยียนเฟิงกิ๊กกันอยู่ เมื่อวานก็เลยบอกว่าอาการหนัก พวกนายก็คิดหน่อย” 

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วพยักหน้า “ไม่เกี่ยวกับฉัน ฉันไม่เห็นอะไรทั้งนั้น ฉันไม่รู้อะไรทั้งนั้น” 

 

 

เหยียนเค่อรู้สึกเจ็บจี๊ดในใจ เธอจะพูดอะไรที่มันน่าฟังหน่อยไม่ได้หรือไง 

 

 

เสิ่นจิ้งเฉินเดินนำซย่าเสี่ยวมั่วออกไปที่ห้องเล็กด้านนอก ทิ้งพวกเขาทั้งสามคนไว้ในห้องด้านใน 

 

 

ฉินจานเห็นว่าพวกเขาออกไปแล้วก็ปิดประตู เหยียนเค่อจึงเก็บสายตาที่มองตาแผ่นหลังของซย่าเสี่ยวมั่วกลับมา ก่อนจะเอ่ยตะกุกตะกัก “เธอคงไม่ได้อยากจะดูจริงๆ หรอกใช่ไหม” 

 

 

“ใช่ว่าฉันจะไม่เคยเห็นเสียหน่อย ให้ฉินซื่อหลานทายาเถอะ ฉันมีเรื่องจะคุยกับนายหน่อย” 

 

 

เมื่อฉินซื่อหลานลงมือทายา เหยียนเค่อก็สะอึก แรงเยอะกว่าเมื่อก่อนเสียอีก แล้วเขาก็ไม่กล้าแหกปากร้องครวญครางด้วย 

 

 

ฉินซื่อหลานทายาให้เขาระบายความโกรธ ให้เขาบ่นพึมพำไป ส่วนตนก็ได้แก้แค้นภายในครั้งเดียว 

 

 

“ถ้านายชอบซย่าเสี่ยวมั่วก็รีบสารภาพรักซะ อย่ามัวแต่ชักช้าลีลา ถ้าพ่อแม่นายบังคับให้นายกับ 

 

 

สวีอิ๋งอิ๋งหมั้นกัน นายก็ไปนั่งร้องไห้กับกำแพงได้เลย ซย่าเสี่ยวมั่วไม่ชายตามองนายอีกต่อไปแน่” 

 

 

“ตอนนี้เขาก็ไม่ชายตามองฉันเหมือนกัน โอ๊ะ! โอ๊ยๆ” เหยียนเค่อเพิ่งจะพูดจบ จู่ๆ แรงที่มือของฉินซื่อหลานก็เพิ่มขึ้น เจ็บจะตายอยู่แล้ว 

 

 

ฉินจานไม่เข้าใจ ว่าอีคิวของนายเหยียนหายไปไหนเสียแล้ว “นายเป็นผู้ชายหรือเปล่าเนี่ย รอให้นายหมั้นแล้ว ทุกอย่างลงตัวแล้ว แต่นายเพิ่งมารู้ตัวว่าคนที่นายชอบคือเขา นายประสาทหรือเปล่า” 

 

 

“ฉันไม่ได้ชอบเขา!” เหยียนเค่อพูดอย่างหงุดหงิด 

 

 

ฉินจานขบฟัน “ใส่แรงกว่านี้อีก ทำไมเขายังมีแรงพูดได้อยู่!” 

 

 

“ได้ครับ” มือของฉินซื่อหลานทั้งสามารถผ่าตัดได้อย่างเบามือ ทั้งยังสามารถต่อและถอดกระดูกได้อย่างรุนแรงอีกด้วย 

 

 

เหยียนเค่อเจ็บจนทนไม่ไหว ร้องครวญครางออกมา “ฉินซื่อหลานนายจะฆ่าฉันหรือไง!” 

 

 

เสิ่นจิ้งเฉินนั่งคุยสารทุกข์สุกดิบกับซย่าเสี่ยวมั่วอย่างใจเย็น ได้ยินเสียงจากด้านในก็ไม่ขยับเขยื้อนแม้แต่นิด 

 

 

“พวกพี่ไม่ถูกกันเหรอ ทำไมไม่สนใจเขาเลยล่ะ” ซย่าเสี่ยวมั่วได้ยินเสียงโอดครวญราวกับหมูโดนเชือดก็มุมปากกระตุก 

 

 

“วันนี้เช้าเขาบอกว่าเห็นหน้าฉันแล้วอยากจะอ้วก” ผู้ชายใบหน้าอ่อนหวาน ท่าทางทรงภูมิอย่างเสิ่นจิ้งเฉินจ้องซย่าเสี่ยวมั่วอย่างตั้งอกตั้งใจแล้วบอกเล่าคำพูดเมื่อเช้านี้ของเหยียนเค่ออีกครั้ง 

 

 

เอาเถอะ สมน้ำหน้าแล้วล่ะ ซย่าเสี่ยวมั่วก็อดซ้ำเติมไม่ได้เช่นกัน 

 

 

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 238 ของขวัญ 

 

 

เมื่อซย่าเสี่ยวมั่วและเสิ่นจิ้งเฉินเข้ามา เหยียนเค่อก็กำลังติดกระดุมชุดผู้ป่วยของตนอย่างน้อยอกน้อยใจอยู่พอดี 

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วเห็นอกแกร่งของเขาแล้ว ก็แอบเบือนสายตาหนี หุ่นดีขนาดนั้นเลยเหรอเนี่ย…นึกไปถึงสวีอิ๋งอิ๋ง แล้วก็อดทอดถอนใจไม่ได้ ทำไมรู้สึกเหมือนเห็นดอกไม้งามเสียบอยู่บนปุ๋ยคอกอย่างไรอย่างนั้น 

 

 

“ซย่าเสี่ยวมั่วเธอไม่มีอะไรจะพูดกับฉันเลยเหรอ” เหยียนเค่อจ้องคนเหม่อลอยอยู่ข้างเตียงของตน 

 

 

ความคิดของซย่าเสี่ยวมั่วถูกขัด เอ่ยปากตอบโดยไม่รู้ตัว “ขอให้นายโชคดี อายุยืนหมื่นปีนะ” 

 

 

เมื่อดึงสติกลับมาได้เธอก็ไม่รู้ว่าเมื่อกี้เธอเผลอพูดอะไรออกไป แต่สีหน้าของเหยียนเค่อก็ดูประหลาดยิ่งกว่าเดิม 

 

 

ฉินจานและอีกสองคนกลั้นขำ ไม่มีใครเข้ามาแก้หน้าให้เลยสักคน 

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วกระแอม “หมายถึง…ขอให้นายหายเร็วๆ” 

 

 

“แล้วมีอะไรอีก?” เหยียนเค่อมองสายตาที่เบี่ยงหลบ ไม่มองมาที่ตนแล้วก็เริ่มโมโหขึ้นมาอย่างประหลาด 

 

 

“แล้ว…” ซย่าเสี่ยวมั่วพูดตามแล้วมองเขาอย่างงุนงง “แล้วมีอะไรอีกล่ะ?” 

 

 

เหยียนเค่อก็ไม่ได้คาดหวังว่าเธอจะพูดอะไรสวยหรูออกมาหรอก หยิบกล่องกำมะหยี่สีแดงใต้หมอนออกมาโยน “ฉันให้” 

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วยกมือขึ้นรับไว้ ร้อง “เฮ้ย” อย่างตื่นตกใจ 

 

 

เหยียนเค่อพกมันติดตัวไว้ว่าจะให้เธอตั้งแต่วันหมั้นสวีรั่วชีแล้ว แต่เพราะตอนนั้นรีบร้อนเกินไป แถมในใจยังโมโหที่เธอกับหลี่หมิงฉวีไปเดินใกล้ชิดกันอีกจึงลืมไป ตอนแรกนึกว่าจะไม่ได้ให้แล้วซะอีก ให้เธอตอนนี้ก็ประจวบเหมาะพอดี 

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วเก็บมันใส่กระเป๋าเสื้อ “ขอบคุณนะ” 

 

 

“ชิ” เหยียนเค่อเบะปากอย่างไม่สบอารมณ์ 

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วจินตนาการสิ่งที่เขาคิดในใจได้ทั้งหมด ถ้าตรงนี้ไม่มีคนอยู่ละก็คนขี้เก๊กอย่าง 

 

 

เหยียนเค่อต้องอาละวาดแน่นอน 

 

 

เหยียนเค่อรู้สึกหงุดหงิดอยู่ในใจ เธอไม่แม้แต่จะดูมันเลย และไม่รู้ด้วยว่าชอบหรือไม่ชอบ ถ้าไม่ชอบละก็เธอตายแน่! 

 

 

เพียงแต่เพราะว่ามีคนอยู่ที่นี่เขาจึงทำอะไรมากไม่ได้ ทำได้เพียงเอาคำที่อยากพูดเก็บไว้ในใจ 

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วเห็นสีหน้าของเขาก็รู้แล้วว่าเขาไม่พอใจกับปฏิกิริยาของตนเองจึงเอ่ยขึ้น “ฉันชอบมาก ขอบคุณนะ” 

 

 

ไม่รู้ว่าควรจะเติมคำอะไรข้างหน้าคำว่า ‘ฉันชอบมาก’ หรือเปล่า 

 

 

หัวใจของเหยียนเค่อรู้สึกดีขึ้นมาหน่อย เชิดหน้าอย่างขัดเขิน “ก็ฉันเป็นคนให้นี่นะ” 

 

 

ฉินจานขัดขึ้นอย่างไม่จริงจังนัก “นายรู้ไหมว่ากระเป๋าที่ซื้อให้ฉันกับสวีอิ๋งอิ๋งมันเหมือนกันน่ะ” 

 

 

“เธอไปถามเซ่าหมิงฟ่านละกัน ฉันไม่ได้เป็นคนซื้อสักหน่อย” เหยียนเค่อตอบกลับราวกับว่ามันเป็นเรื่องปกติ 

 

 

“อ๋อ” ฉินจานยิ้มบางๆ “แล้วนายรู้ไหมว่าให้อะไรซย่าเสี่ยวมั่ว” 

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วลูบกล่องกำมะหยี่ในกระเป๋าของตนเอง รู้สึกหดหู่ในใจ ที่แท้เขาก็ไม่ได้เป็นคนซื้อเองหรอกหรือเนี่ย 

 

 

เหยียนเค่อมองฉินจานปราดหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยเสียงแข็ง “ทำไมฉันต้องบอกเธอด้วย” แต่ก็กลัวว่า 

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วจะคิดมากจึงเอ่ยเสริม “ฉันไม่สนใจพวกกระเป๋า ก็เลยให้คนอื่นไปซื้อให้ นอกนั้นฉันเป็นคนซื้อเอง” 

 

 

ฉินจานกระอักเลือด ใครจะรู้ว่าของขวัญที่ให้คนอื่นล้วนเป็นกระเป๋าทั้งหมด 

 

 

เหยียนเค่อลำพองใจ นอกจากของขวัญของซย่าเสี่ยวมั่วที่เขาเป็นคนเลือกเองแล้ว นอกนั้นล้วนเป็นของที่ผู้ช่วยพิเศษของเขาเป็นคนซื้อทั้งหมด 

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วได้ยินเขาอธิบายก็รู้สึกดีขึ้นมาหน่อย นึกไปถึงหลี่หมิงฉวี ก็ถามเสิ่นจิ้งเฉิน “ฉันต้องไปเยี่ยมหลี่หมิงฉวีหน่อยไหม” 

 

 

เสิ่นจิ้งเฉินยังไม่ทันพูดอะไร เหยียนเค่อก็โวยวายขึ้นมาก่อน “ห้ามไป! ไม่ว่าจะหลี่หยาง หลี่กังหรือว่าหลี่ซวงเจียงก็ตาม คนสกุลหลี่เลวหมดทุกคน!” 

 

 

“เอ่อ…” จู่ๆ ก็รู้สึกตลกจนอยากจะหัวเราะออกมา ซย่าเสี่ยวมั่วพยักหน้า “เข้าใจแล้ว” 

 

 

เสิ่นจิ้งเฉินเองก็ไม่เห็นงามด้วย “ต่อไปอยู่ห่างๆ พวกนั้นหน่อย คนของเฉิงซีเลวทุกคน” 

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วพยักหน้าต่อ “ค่ะ” 

 

 

หลังจากโดนแต่ละคนผลัดกันพูดล้างสมองว่าพวกของหลี่หมิงฉวีขี้ขลาดแค่ไหน กระจอกเพียงใดแล้ว ความรู้สึกเป็นมิตรกับหลี่หมิงฉวีในฐานะเพื่อนนักเรียนที่มีอยู่เพียงน้อยนิดของซย่าเสี่ยวมั่วต่างก็สลายหายไปจนหมด