ตอนที่ 239 สร้อยข้อมือ / ตอนที่ 240 สวมเขา

เช่าท่านประธานมาปิ๊งรัก

ตอนที่ 239 สร้อยข้อมือ 

 

 

ทุกครั้งที่เหยียนเค่อจะพูดอะไรกับซย่าเสี่ยวมั่วสักหน่อยก็โดนคนพูดขัดขึ้นตลอด สุดท้ายจึงไล่พวกเขาออกไปให้หมด “พวกเธอกลับไปเถอะ ฉันจะนอน” 

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วพยักหน้าอย่างสบายอกสบายใจ “งั้นนายพักผ่อนเยอะๆ พวกเราไปก่อนนะ” ก่อนจะเดินนำออกไป 

 

 

เหยียนเค่อดึงผ้าห่มมาคลุมโปง ไม่อยากเห็นแผ่นหลังบอบบางนั่น คลุมตัวเองอยู่ในนั้น เก็บงำความโมโหเอาไว้ในใจ 

 

 

เสิ่นจิ้งเฉินเดินไปส่งพวกเธอกลับ แต่ก็สั่งกำชับซย่าเสี่ยวมั่วอีกครั้งอย่างไม่วางใจ “ระวังตัวหน่อยนะ อยู่ให้ห่างจากพวกเฉิงซีหน่อย” 

 

 

“ได้ค่ะ พูดมากจนจะเป็นแม่อยู่แล้ว” 

 

 

“แล้วที่ฉันพูดมากขนาดนี้เพื่อใครกันล่ะ” เสิ่นจิ้งเฉินที่โดนบ่นจิ้มกะโหลกเธอ “ทำตัวดีๆ ถ้าฉันกลับเมืองหลวงถึงเธออยากฟังฉันบ่นก็ไม่ได้ฟังแล้วนะ” 

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วดึงแขนเขามาคล้องไว้ “แล้วเมื่อไรพี่จะกลับมาอีกล่ะ ให้ฉันไปส่งไหม” 

 

 

“เอาสิ เดี๋ยวถึงวันนั้นแล้วฉันจะบอกล่วงหน้านะ” เสิ่นจิ้งเฉินยิ่งมองน้องสาวตัวเองก็ยิ่งชอบใจ ไม่ว่าไปไหนก็อยากจะพาไปด้วย “เธอกลับเมืองหลวงไปกับฉันไหมล่ะ จะพาเธอไปดูที่ทำงานของฉันกับมั่วหลี” 

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วได้รับการชื่นชอบขนาดนี้ก็ดีใจ ยิ้มจนตาหยีเป็นขีดเดียว “เอาสิ ฉันอยากไปแน่นอน แต่ช่วงนี้เพิ่งเซ็นสัญญาไป รอให้ฉันมีวันหยุดก่อน จะรีบไปหาพวกพี่ทันทีเลย” 

 

 

“อื้ม” เสิ่นจิ้งเฉินลูบหัวเธออีกสองสามทีจึงจะปล่อยตัวไป 

 

 

ฉินจานเห็นท่าทางของพวกเขาสองคนก็ซุบซิบ “พวกเธอสองคนคงไม่ได้คบกันจริงๆ หรอกใช่ไหม” 

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วส่ายหัว ใช้ประโยคหนึ่งสรุปความสัมพันธ์ของเธอกับเสิ่นจิ้งเฉิน “ถึงเพิ่งเจอกันไม่นานแต่ก็เหมือนเพื่อนสนิทเลยล่ะ” 

 

 

ฉินจานถอนหายใจยาวเหยียด “เฮ้อ เธอรู้ไหมว่าเพื่อนสนิทผู้ชายทุกคนคือตัวสำรองน่ะ แบบนี้ไม่ดีเอาเสียเลย” 

 

 

“ฉันก็อยากให้เขามาเป็นแฟนฉันเหมือนกัน แต่ว่าเป็นไปไม่ได้” ซย่าเสี่ยวมั่วอารมณ์ดี โอบไหล่เธอแล้วเดินออกไปด้านนอก “ไปกันเถอะๆ อย่าใส่ใจเรื่องของฉันเลย” 

 

 

ซูอี้มารับทั้งสองคนด้วยตัวเอง ก่อนจะไปส่งซย่าเสี่ยวมั่วถึงหน้าบ้าน 

 

 

ทุกครั้งซย่าเสี่ยวมั่วต้องเห็นสองสามีภรรยานี่โชว์สวีตกันจนไม่อยากขึ้นรถแล้ว “คราวหน้าถ้าไปในที่ที่มีพวกเธอสองคนอยู่ด้วย ฉันไม่ไปแล้วนะ” 

 

 

ฉินจานไม่สำนึกสักนิด หาช่องโหว่ในคำพูดนั้นแล้วเหน็บแนมเธอ “แล้วงานแต่งของเธอ เธอจะไม่ไปเหรอ” 

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วแสร้งปาดน้ำตา “ก็พวกเธอสองคนสวีตกันจนฉันจะเป็นเบาหวานอยู่แล้วนี่นา” 

 

 

ตอนซย่าเสี่ยวมั่วจะลงจากรถ ฉินจานก็ชะโงกหัวมากวักมือเรียกเธอเข้าไปใกล้ “ต่อไปถ้าเธอมีเรื่องอะไร ถ้าไม่สะดวกหาคนอื่นก็มาหาซูอี้ได้นะ” 

 

 

ซูอี้เห็นภรรยาตัวเองยิ้มอย่างมีความสุขเช่นนั้นก็เห็นซย่าเสี่ยวมั่วเป็นเพื่อนด้วย จึงตอบรับ “มาหาฉันได้ทุกเรื่องเลยนะ ไม่ต้องเกรงใจ” 

 

 

“ขอบคุณนะ” ซย่าเสี่ยวมั่วรับเบอร์โทรศัพท์ที่เขียนด้วยมือแล้วลงจากรถ ย่อตัวแล้วโบกมือลา 

 

 

ฉินจาน “กลับดีๆ ล่ะ” 

 

 

ที่บ้านไม่มีใครอยู่อีกแล้ว ซย่าเสี่ยวมั่วเอากระดาษใส่ในกระเป๋าเสื้อก็สัมผัสเข้ากับกล่องใบนั้น ใช้เล็บเขี่ยกำมะหยี่นุ่มนิ่มด้านบนเบาๆ หันตัวเดินขึ้นห้องตัวเองแล้วจึงโยนกล่องใบนั้นลงบนเตียง 

 

 

เธอสะกดความอยากเปิดกล่องนั้นไว้ก่อนจะไปเปลี่ยนเสื้อผ้า จึงมานั่งที่เตียงแล้วคว้ากล่องใบนั้นขึ้นมา 

 

 

วางอยู่ในมือ ครุ่นคิดอยู่นานจึงสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะค่อยๆ เปิดกล่องออก 

 

 

ด้านในกล่องเป็นสร้อยข้อมือเพชรรูปกลีบดอกไม้ เหมือนกับดอกไม้ที่ปลิดปลิว ขนาดเล็กใหญ่เรียงร้อยเข้าด้วยกัน หกกลีบต่อหนึ่งกลุ่ม ในส่วนตรงปลายตะขอยังแขวนเพชรไว้อีกเม็ดหนึ่ง 

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วชอบมาก ชอบมากจริงๆ หลังจากสวมให้ตัวเองแล้วก็ชูข้อมืออย่างตื่นเต้นดีใจ มองดูแสงสะท้อนแยงตาของเพชรภายใต้แสงอาทิตย์แล้วหัวใจก็เหมือนกลีบดอกไม้ที่ปลิดปลิวนั้น ล่องลอยไปตามสายลม อิสระและเบิกบานใจ 

 

 

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 240 สวมเขา 

 

 

เป็นครั้งแรกที่ซย่าเสี่ยวมั่ว @ เหยียนเค่อ โพสต์รูปตัวเองสวมสร้อยข้อมือนั้น [ฉันชอบมากจริงๆ ขอบคุณนะ] 

 

 

คนที่กำลังหาเรื่องเสิ่นจิ้งเฉินอยู่ ได้รับข้อความก็ดีใจจนลืมว่าตัวเองเจ็บโหนกคิ้วอยู่ พอยิ้มก็เจ็บกล้ามเนื้อหางตาจนต้องสะดุ้ง 

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วได้รับข้อความตอบกลับจากเขา [ก็ถือว่ายังพอมีจิตสำนึกอยู่บ้าง] 

 

 

หลังจากคุณแม่ซย่าเลิกงานกลับมาบ้านแล้วก็พบลูกสาวตัวเองนั่งอยู่บนโซฟายกแขนขึ้นมาดูข้อมือตัวเอง 

 

 

“แกไปโดนกระตุ้นมาจากไหนฮะ อย่างกับคนบ้า” 

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วให้แม่ดูสร้อยข้อมือก่อนจะอวด “สวยไหมแม่” 

 

 

คุณแม่ซย่าจับมือของเธอมามองดูอย่างตั้งอกตั้งใจ ก่อนจะมองอย่างเคลือบแคลงสงสัย “ทำไมแกถึงยอมเสียเงินซื้อสร้อยข้อมือที่แพงขนาดนี้ให้ตัวเองล่ะ” 

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วเก็บมือกลับ ยิ้มแป้นราวกับดอกไม้บาน “เพื่อนให้น่ะ หนูชอบมากเลย” 

 

 

คุณแม่ซย่าเองก็ไม่พูดอะไรมาก “แกรับของแพงขนาดนี้มาก็อย่าลืมให้กลับบ้างล่ะ” 

 

 

“อื้ม!” ซย่าเสี่ยวมั่วตอบลากเสียงยาว ก่อนจะเข้าครัวไปทำอาหาร 

 

 

“วันอาทิตย์นี้แกต้องไปนัดดูตัวนะ” 

 

 

“ฮะ? ฮือ…” ซย่าเสี่ยวมั่วเสียงเปลี่ยนทันที ทำได้เพียงยอมรับความเป็นจริงข้อนี้ “เข้าใจแล้วค่ะ” 

 

 

“ทำไมจู่ๆ ก็ว่าง่ายขนาดนี้ล่ะ” คุณแม่ซย่านึกว่าเธอจะต่อต้านเสียอีก นึกไม่ถึงว่าจะตอบรับอย่างว่านอนสอนง่ายเช่นนี้ 

 

 

“ก็ความจริงมันโหดร้ายนี่นา หนูจะทำยังไงได้อีก” ซย่าเสี่ยวมั่วก็ไม่สนใจแล้ว อย่างไรเสียก็คงไม่สำเร็จ ทำตามใจแม่ตัวเองก็พอ 

 

 

เธอตัดสินใจจะเป็นโสดตลอดชาติ แล้วไปใช้ชีวิตอยู่กับพี่ชายของตน 

 

 

คุณแม่ซย่าไม่รู้ว่าเธอคิดอย่างไรกันแน่ แต่ในเมื่อรับปากแล้วก็ดี อย่างไรเสีย ‘การเริ่มต้นที่ดีคือครึ่งหนึ่งของความสำเร็จ’ 

 

 

เหยียนเค่อกำลังนอนแผ่หราอยู่บนเตียง บีบน้ำแข็งเล่นอย่างเบื่อหน่าย ผู้ช่วยหวังเป็นตัวแทนของพนักงานมาเยี่ยมเขา 

 

 

“คุณจะมาทำไม” เหยียนเค่อไม่พอใจกับผู้ชายทุกคนที่มาเยี่ยม 

 

 

ผู้ช่วยหวังเอาของที่พวกพี่สาวในแต่ละแผนกให้มาวางไว้บนเตียงของเหยียนเค่อ “บอสครับ บอสเข้าโรงพยาบาลทีก็รู้หมดเลยว่าสาวๆ บริษัทเราชอบท่านขนาดไหน” 

 

 

เหยียนเค่อมองของกองนั้นแล้วบีบก้อนน้ำแข็งเล่นต่อ “ชอบผมขนาดไหนกันล่ะ?” 

 

 

ผู้ช่วยหวังหยิบเอาผลงานแฮนด์เมดของลูกสาวผู้จัดการแผนกบัญชีให้เหยียนเค่อ ก่อนจะเอ่ยแนะนำ “นี่คือความรักที่เด็กสาวอายุห้าขวบมอบให้ท่านครับ” 

 

 

เอาเถอะ เด็กน้อยให้กระดาษพับแฮนด์เมดรูปหมา แถมหมาตัวนั้นยังดูเหมือนกำลังแลบลิ้นและน้ำลายไหลอีกต่างหาก 

 

 

เหยียนเค่อประทับใจในตัวสาวน้อยคนนั้น รับมาแล้วดึงลิ้นหมาเล่นด้วยท่าทางสนอกสนใจ “ก็ไม่เลว ต่อไปต้องมีลูกสาวเสียแล้ว ช่างรู้ใจจริงๆ” 

 

 

“เธอให้ผมฝากบอกท่านว่า ถ้าท่านไม่ได้เสียโฉมเธอก็ยินดีที่จะเลี้ยงดูท่านครับ เพราะพ่อเธอรวย” 

 

 

เหยียนเค่ออดขำไม่ได้ “ถูกต้อง เธอพูดถูก” 

 

 

ผู้ช่วยหวังเห็นว่าเขาอารมณ์ดีจึงพูดเข้าประเด็นหลัก “ช่วงนี้เหยียนกรุ๊ปกำลังร่วมมือกับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของบ้านตระกูลสวี สวีอิ๋งอิ๋งเข้าไปที่เหยียนกรุ๊ปหลายครั้ง แต่ล้วนเดินจากลานจอดรถเข้าไปในห้องทำงานของประธานเหยียนกรุ๊ป ปกติแล้ว…” ผู้ช่วยหวังลังเล 

 

 

“ปกติแล้วอะไรครับ?” เหยียนเค่อกำลังจับน้องหมาแยกร่างแล้วพับเป็นรูปทรงอย่างอื่น 

 

 

ผู้ช่วยหวังรู้สึกว่าการพูดออกไปช่างยากเย็นนัก ไม่ว่าอย่างไรเธอก็เป็นภรรยาของเจ้านาย พินิจพิเคราะห์อย่างดีแล้วแต่ก็หาคำมาแทนไม่ได้จริงๆ “อยู่ที่นั่นหนึ่งวันครับ” 

 

 

เหยียนเค่อขำพรืด เสิ่นจิ้งเฉินเองก็กลอกตาแล้วส่งเสียงหัวเราะ 

 

 

“พี่ใหญ่นายนี่โคตรสุดยอดเลย” 

 

 

“ฉันก็ว่างั้น” เหยียนเค่อยิ้มร้าย ก่อนจะถาม “ประธานเซ่ารู้เรื่องนี้หรือเปล่า” 

 

 

“รู้ครับ” ผู้ช่วยหวังปาดเหงื่อ ประธานเซ่านั่งหัวเราะอยู่ในห้องทำงานทั้งวัน “ประธานเซ่าให้ผมมาบอกท่าน” 

 

 

“ชิ” เหยียนเค่อรู้ว่าเซ่าหมิงฟ่านไม่ได้หวังดี แต่เขาก็ไม่ได้สนใจผู้หญิงคนนี้ จะไปมั่วกับใครก็ไป เขาไม่ได้รู้สึกเหมือนโดนสวมเขาเลยสักนิด 

 

 

“ให้ประธานเซ่ารับผิดชอบงานต่ออีกสองสามวันแล้วกัน ผมออกจากโรงพยาบาลแล้วจะไปหลบอยู่ที่ฮุยเถิงสักหน่อย” 

 

 

ผู้ช่วยหวังชินเสียแล้วกับการที่เขาจะไปบริษัทสาขาย่อยตามใจตัวเองเช่นนี้ แต่ตอนนี้ยังดีกว่าเมื่อก่อนที่มีเซ่าหมิงฟ่านคอยบัญชาการงานอยู่ เขาจึงไม่มีความเห็นอะไร พยักหน้าก่อนจะถือเอกสารที่เหยียนเค่อเซ็นเรียบร้อยแล้วออกมา ไม่ไปรบกวนการ ‘พักฟื้น’ ของเขาอีก