ตอนที่ 609 ตราอยู่ในกำมือ

Apocalypse Meltdown โลกาวินาศล่มสลาย

ระหว่างการจลาจลทั้งหมดที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ ชูฮันยืนอยู่บนเหนือประตูค่ายเพื่อสังเกตการณ์ทั้งหมด  ณ จุดนี้เขาสามารถมองเห็นภาพมุมกว้างได้ทั้งหมด ภาพของคนหลายหมื่นคนด้านล่าง

 

มองไปที่ภาพตอนนี้ที่ชินหยวนนำกองกำลังของเขามาที่ประตูทางออก หัวใจของชูฮันรู้สึกดีใจอย่างมาก เจ้าชินหยวนนี้ให้ความร่วมมือได้ดีจริงๆ ไม่เพียงแต่จะพาเหล่าทหารผ่านศึกมาให้เขาจากค่ายเจียนอี๋ แต่ยังเอาอาวุธของแผนกโลจิสติกส์มาอีกด้วย

 

มองไปที่ภาพหลูอี๋ที่กำลังกระอักเลือดอยู่ในอก ชูฮันก็ยิ่งรู้สึกพอใจเข้าไปอีก หลูอี๋น้อยเอ๋ย…แม้แต่ตวนเจียงเหว่ยที่แกร่งกล้ายังไม่กล้าจะริเริ่มต่อกรกับค่ายเขี้ยวหมาป่าของเขาเลย แล้วแกที่เป็นแค่ค่ายเล็กๆกลับปีกกล้าขาแข็ง แกนี่มันเด็กน้อยจริงๆ?

 

ฮ่า ฮ่า ฮ่า!

 

แกไม่ต้องเอาของขวัญมามอบให้ฉัน เพราะฉันจะมาเอามันด้วยตัวเอง

 

ขอบคุณ!

 

เมื่อเห็นว่าทีมความลับของพระเจ้าและกุ้งเสือดำภายใต้การปลอมตัวเริ่มวิ่งนำไปทางที่ตั้งของค่ายเขี้ยวหมาป่า ชูฮันก็รู้ว่าภารกิจแรกได้สำเร็จสมบูรณ์แล้ว ต่อมามันก็แค่ต้องรอให้ท้ังสามทีมทำภารกิจทั้งหมดให้เรียบร้อยอย่างครบถ้วนแล้วไปเจอกันที่จุดนัดพบ

 

ชูฮันหมุนตัวกลับมา พร้อมกับรอยยิ้มกว้าง ตบเข้าที่ไหล่ของทหารยามที่ถูกมัดนอนอยู่ข้างเท้าเขา ชูฮันแก้เชือกมัดและเศษผ้าเน่าเหม็นที่ยัดไว้ในปากออกให้

 

อย่างเหนือความคาดหมาย ผู้ชายคนนี้ไม่คิดจะส่งเสียงร้องเลย ไม่แม้แต่จะกล้าขยับตัวใดๆทั้งนั้นด้วยซ้ำ เขามองมาที่ชูฮันด้วยความประหลาดใจและหวาดกลัวเหมือนกับกระต่ายน้อย

 

ชูฮันเพียงแค่แสยะยิ้ม “ไว้เจอกันใหม่”

 

เขาจะกลับไปที่ค่ายเขี้ยวหมาป่า

 

ชูฮันหมุนตัวอย่างสวยงามและกระโดดลงจากหอสังเกตการณ์ ความสูงแค่นี้เป็นเรื่องกล้วยๆสำหรับศักยภาพทางร่างกายที่วิวัฒนาการระยะ 4 ของเขา วินาทีต่อมาชูฮันก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย

 

หลังจากนั้นพักหนึ่ง นายทหารที่ถูกชูฮันแก้มัดให้แล้วบนหอสังเกตการณ์ ซึ่งก่อนหน้านี้นิ่งค้างเพราะกำลังช็อคก็รีบตะโกนทันที “อ๊ากกกกก! เขาหนีไปแล้ว วิ่งเร็ว! ฉันรู้ว่าเขาคือใคร! เร็วเข้าเร็ว! ฉันมีข่าวด่วนต้องรายงานท่านพลโทหลูอี๋!”

 

หลูอี๋ที่ได้ยินเสียงแหกปากของนายทหารบนหอสังเกตการณ์ก็เงยหน้าขึ้นมองและส่งยิ้มให้ “สายไปแล้ว”

 

การจลาจลภายในค่ายเจียนอี๋จบลงอย่างรวดเร็วราวกับสายฟ้าฟาด ตั้งแต่เริ่มของการระเบิดอย่างรุนแรงที่เหนือการควบคุมจนไม่สามารถหยุดยั้งได้ซึ่งใช้เวลาทั้งหมดเพียงแค่หนึ่งวันครึ่งเท่านั้น ซึ่งในตอนนี้หลูอี๋มีแค่หนทางเดียวที่จะสามารถแก้ไขครั้งสุดท้ายนั้น

 

สร้างมั่นใจให้กับผู้คน จัดกองทัพใหม่ ซ่อมประตูค่าย

 

สำหรับความรับผิดชอบ หลูอี๋คำนวณที่มาของปัญหาทุกอย่างไปให้เหลียงชูซินทั้งหมด ครั้งนี้เขารู้ถึงอำนาจและพลังของชูฮันแล้ว ภายในขอบเขตของเมืองอันลู เขาไม่สามารถต่อกรกับชูฮันได้

 

ลักษณะนิสัยราวกับโจรของชูฮันในการจลาจลครั้งนี้ได้สร้างความประทับใจอย่างลึกซึ้งให้กับหลูอี๋

 

“มัดตัวเหลียงชูซิน และส่งเขาขึ้นเฮลิคอปเตอร์ไป เมื่อฉันเขียนจดหมายเสร็จ ฉันจะส่งทั้งสองอย่างไปที่ซางจิง!” ในฐานะผู้นำสูงสุดของค่ายเจียนอี๋เขาจำเป็นต้องจัดการปัญหาอันดับแรกก่อน

 

“ครับ!” เหล่าเจ้าหน้าที่ระดับสูงของค่ายตอบรับกันอย่างพร้อมเพรียง

 

ครั้งนี้การโจมตีมันใหญ่เกินไป และชูฮันก็ไม่ได้ทิ้งใครไว้เบื้องหลังเลย กลับกันชูฮันใช้ช่องว่างการจัดการที่ผิดพลาดของค่ายเจียนอี๋เพื่อกวนน้ำให้ขุ่น ปั่นสถานการณ์ให้มันปะทุขึ้น

 

ในจังหวะที่หลูอี๋กำลังเปิดลิ้นชัดและวางแผนจะเขียนตดหมายฉบับใหม่ ทันใดนั้นมือของเขาก็ค้างกลางอากาศ ตามมาเสียงที่แผดดังสนั่นจนหน้าอกแทบจะระเบิด

 

“ตราของกูหายไปไหน?!!!”

 

———–

 

ในตอนนี้ ชูฮันอยู่ในเขตชานเมืองของอันลู นั่งอยู่บนพื้นหญ้ากำลังกินบาร์บีคิว ทีมกุ้งเสือดำและนักฆ่าขนนกกลับมาแล้ว แต่ทีมความลับของพระเจ้ายังต้องวิ่งนำฝูงชนไปทางค่ายเขี้ยวหมาป่าก่อนถึงจะกลับมาได้

 

สำหรับครั้งนี้ ชูฮันค่อนข้างพอใจกับการปฏิบัติภารกิจของทั้งสามทีมพอสมควร ดังนั้นตอนนี้เขาจึงปล่อยให้ทุกคนได้มีเวลาพักผ่อนและเพลิดเพลินไปกับอาหารท่ามกลางกองไฟ พวกเขาติดอยู่ในภายค่ายเจียนอี๋กันหลายวัน โดยเฉพาะทีมนักฆ่าขนนกที่พึ่งจะได้ออกมาวันนี้เอง พวกเขาลิงโลดราวกับลิง วิ่งเล่นสนุกสนานกัน

 

อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญก็คือทีมนักฆ่าขนนกสามารถเข้าใจภารกิจลับที่ซ่อนอยู่ในคำพูดของเขาได้ แม้กระทั่งสามารถควบคุมตัวเองได้เพื่อให้อยู่ในที่ขังต่อไปทั้งๆที่สามารถจะหนีออกมาได้ มันทำให้ชูฮันรู้สึกโล่งใจและพอใจอย่างมากที่ทีมนักฆ่าขนนกสร้างความอดทนให้ตัวเองได้แล้ว เพราะพวกเขาคือส่วนสำคัญสำหรับกองทัพของชูฮัน

 

ทั้งสามทีมโตขึ้นด้วยความเร็วที่เกินจะจินตนาการ

 

สำหรับพลโทหลูอี๋ที่ถูกทีมนักฆ่าขนนกขโมยตราตำแหน่งไป ก็กำลังเดือดดาล หัวฟัดหัวเหวี่ยงเพราะรู้ตัวแล้วว่าตกอยู่ในกำมือของชูฮัน

 

“หัวหน้าครับ มีบางอย่างเกิดขึ้น” ทันใดนั้นเสียงของซูเฟิงก็ขัดขึ้นมา ซูเฟิงที่มองเห็นได้ในระยะไกลเตือนชูฮัน จากนั้นชูฮันก็เริ่มเห็นภาพหลี่บี๋เฟิงที่ยืนพยุงชายคนหนึ่ง

 

หลังจากกวาดตามองทั่ว ชูฮันก็เอามือแตะคางอย่างขบคิดมันเกิดอะไรขึ้น?

 

พ้ะ!

 

หลี่บี๋เฟิงโยนชายคนที่พยุงมาลงที่พื้น และโยกหัวไหล่เพื่อคลายอาการเมื่อย สีหน้าดุดันและบูดบึ้ง “ไอ้นี้มันตามเรามา ผมสงสัยว่าหลูอี๋น่าจะส่งมันมา ผมเกือบจะฆ่ามันไปแล้วครับหัวหน้า แต่มันยังพูดได้อยู่ หัวหน้าถามมันได้เลยครับ ถ้ามันไม่ตอบผมจะฆ่ามันเอง!”

 

สำหรับรูปแบบการทำงานของหลี่บี๋เฟิง ชูฮันได้แต่ยกยิ้มมุมปาก และยกมือขึ้นเป็นสัญญาณห้ามหลี่บี๋เฟิง ชูฮันมองไปที่ผู้ชายที่นอนอยู่ที่พื้น หน้าตาบวมเป่งและช้ำเลือด ฟันข้างหน้าหายไปสามซี่

 

“ฮืออออ!” ทันทีที่ชายคนนั้นเห็นชูฮัน น้ำตามากมายก็ไหลพรั่งพรูออกมาไม่หยุด

 

“ฟู่ ~” ชูฮันเกือบจะพ่นน้ำออกปากอย่างตกใจจัด “เหมิงชีเหว่ย?”

 

นี่มันเหมิงชีเหว่ยหนิ? แม้ว่าหลี่บี๋เฟิงจะทำให้สภาพของเหมิงชีเหว่ยดูไม่ได้แต่ชูฮันก็จำได้ทันทีที่มอง เขามองไปที่สภาพปัจจุบันอันน่าสงสารของเหมิงชีเหว่ยแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจท่ามกลางความเงียบ โชคร้ายที่เหมิงชีเหว่ยต้องมาเจอกับหลี่บี๋เฟิงอย่างนี้

 

แต่…

 

“ตามฉันมาทำไม?” ชูฮันมองด้วยสายตาที่อธิบายไม่ถูก

 

“ฮือ ฮือ ฮือ!”

ยิ่งได้ยินคำถามของชูฮัน เหมิงชีเหว่ยก็ยิ่งร้องไห้หนักขึ้นไปอีก

 

“ให้เขาพักผ่อนก่อน” ชูฮันหัวเราะออกมาอย่างไม่รักษาท่าทาง โดยไม่สนว่าเหมิงชีเหว่ยกำลังมองอยู่