ตอนที่ 610 กองกำลังใต้ดิน

Apocalypse Meltdown โลกาวินาศล่มสลาย

“ฉันแค่ แค่คิดว่าจะไปกับน้องชายไง” เหมิงชีเหว่ยที่ตื่นขึ้นหลังจากได้พักผ่อนแล้ว ก็พูดขึ้นกับชูฮัน

 

ชูฮันเหลือบมอบ อดไม่ได้ที่จะสงสัย “ตามฉัน?”

 

“โอ้ ไม่ ไม่ ฉันจะเปลี่ยนความคิด” เหมิงชีเหว่ยทำท่าทางปฏิเสธ “นายคือชูฮันงั้นเหรอ?”

 

“ใช่” ชูฮันพยักหน้ารับและยอมรับโดยตรง “วายร้ายตัวใหญ่ชูฮัน”

 

“เฮ้~ ฉันรู้น่า” ตาของเหมิงชีเหว่ยเบิกกว้าง เขารีบเข้ามาประชิดชูฮัน

 

พ้ะ!

ซูเฟิงไม่ลังเลที่จะขัดเหมิงชีเหว่ยทันที “เว้นระยะห่างด้วย นั่งให้ดีๆ อย่าหัวเราะ!”

 

“ครับ ครับ” เหมิงชีเหว่ยตกใจอีกครั้ง หลังจากกลืนน้ำอายอึกใหญ่ลงคอ เขาก็มองชูฮันอีกครั้ง “ฉัน ฉันเองก็อยากเป็นวายร้ายเหมือนกัน นายให้ฉันเข้าร่วมด้วยได้มั้ย?”

 

ชูฮันเงียบไปชั่วครู่ จะบอกว่าการมาของเหมิงชีเหว่ยนั้นเป็นเรื่องที่ดีกับเขาก็ว่าได้ ผู้ชายคนนี้ไม่ใช่มนุษย์สายพันธุ์ใหม่ แต่จากประสบการณ์ที่ผ่านมาของเขา เห็นได้ชัดว่าโชคดีของผู้ชายคนนี้นั้นสูงเสียดฟ้า มันน่าทึ่งที่เขาเคยอยู่ในสิบอันดับแรกของรายชื่อ!

 

“ฉันเป็นพลเอก ไม่ใช่บคนร้าย” ชูฮันตอบอย่างตรงๆ

 

อะไรน่ะ?

 

เหมิงชีเหว่ยตะลึง “แต่ต้องมีข้อยกเว้นพิเศษ นายก็น่าจะจำได้ นายเข้าไปในค่าย ถามคำถามฉันมากมาย ฉันช่วยวางรากฐานสำหรับแผนการของนาย ฉันยังมีประโยชน์ใช่มั้ยหรือไม่ใช่?”

 

“นายต้องการเข้าร่วมกับฉัน?” ชูฮันมองอย่างจริงจัง ทั้งๆที่ความจริงในใจของชูฮันกำลังหัวเราะอย่างหนัก ไอ้ราชาแห่งโชคดีนี้ในชาตินี้พยายามจะเข้าร่วมกับเขา นี้มันรู้สึกดีชะมัด!

 

“ไม่ได้เหรอ?” เหมิงชีเหว่ยอ่านใจของชูฮันไม่ออกเลย เขาคิดว่าอีกฝ่ายไม่เต็มใจ จึงรีบพูดขึ้น “ฉันไม่ใช่คนดี แต่ทุกคนในโลกนี้ก็ไม่มีใครดีเต็มร้อยเหมือนกัน ในโลกาวินาศมันจะมีระบบกฏหมายและความยุติธรรมที่แท้จริงได้ยังไง? เพราะงั้นฉันยินดีจะทำงานให้ท่านพลเอก”

 

พอเหมิงชีเหว่ยพูดออกมา ซูเฟิงและเสี่ยวเคินที่มีวิสัยทัศน์และความคิดมากที่สุดในจุดนี้ก็ตะลึง ต้องบอกว่าที่เหมิงชีเหว่ยพูดนั้นถูกต้องแล้ว มันไม่มีความยุติธรรมที่แท้จริงในโลกนี้ ทุกอย่างเชื่อมโยงกับผลประโยชน์ทั้งนั้น แต่พลเอกชูฮันไม่ใช่ ในทำนองเดียวกันชูฮันจำเป็นต้องรักษาภาพลักษณ์ของเขาเอาไว้ และเหมิงชีเหว่ยก็ทราบดี ซึ่งมันทำให้ทุกคนประหลาดใจมาก

 

แม้แต่ชูฮันที่ได้ฟังก็ไม่แปลกใจ มันไม่ใช่เรื่องบังเอิญที่เหมิงชีเหว่ยจะประสบความสำเร็จในรุ่นต่อไป ความคิดของผู้ชายคนนี้ก้าวหน้ามาก และในทำนองเดียวกันชูฮันก็มีความคิดที่จะจัดตั้งกองกำลังใต้ดิน ที่นอกเหนือจากกองทัพเขี้ยวหมาป่าอันไร้เทียมทาน มันจะเป็นกองกำลังใต้ดินที่รวมเข้ากับแผนกข่าวกรองลับ

 

นี่คือความคิดที่ก่อตัวขึ้นเมื่อตอนที่ค่ายเจียนอี๋กำลังตกอยู่ในความวุ่นวาย ทีมความลับของพระเจ้ามีความสามารถจริงๆ แต่พวกเขาเป็นทีมไม่สามารถแยกตัวออกมาจากกองทัพเขี้ยวหมาป่าได้ และหลายๆอย่างไม่สามารถทำสำเร็จโดยฝีมือของพวกเขาเองคนเดียว ความสามารถของพวกเขายังไม่เพียงพอ มันยังมีข้อจำกัดเกินไป

 

หากสำหรับทีมกุ้งเสือดำ ชูฮันมีไอเดียอื่นในหัว มันเป็นไปไม่ได้ที่ทีมกุ้งเสือดำจะคอยยืนอยู่เบื้องหลังทีมความลับของพระเจ้าไปตลอด ซึ่งมันไม่ยุติธรรมกับทีมกุ้งเสือดำเองด้วยและยังเป็นการจำกัดขอบเขตในการพัฒนาของพวกเขา

 

ครั้งนี้ ภารกิจในการสร้างจลาจลของค่ายเจียนอี๋สำเร็จเรียบร้อย นอกเหนือจากจะได้ความช่วยเหลือจากทีมกุ้งเสือดำแล้ว พวกเขายังต้องพึ่งฝูงชนจำนวนมากที่อยู่ในค่ายเจียนอี๋อีกด้วย

 

ทั้งพวกผู้ลี้ภัย ชาวบ้าน ความคิดเห็นของผู้คน

 

ชูฮันจ้องเหมิงชีเหว่ยที่หน้าตาบวมช้ำจนน่าตลก แววตาสีดำล้ำลึก นิ้วเคาะลงที่หัวเข่า คนที่คุ้นเคยกับชูฮันดีจะรู้ว่านี่คือท่าที่กำลังใช้ความคิดในหัวด้วยความเร็วสูงอยู่ของชูฮัน

 

ซูเฟิงเป็นคนแรกที่มีปฏิกิริยา เขาพาทีมนักฆ่าขนนกและทีมกุ้งเสือดำออกไปไกลหลายสิบเมตร ปล่อยพื้นที่อิสระให้แก่ชูฮันและเหมิงชีเหว่ย ไม่ว่าทั้งสองคนจะพูดคุยอะไรกัน ซูเฟิงรู้ว่านี้ไม่ใช่สิ่งที่สมาชิกทั้งสองทีมนี้ควรได้ยิน

 

สำหรับปฏิกิริยาของซูเฟิงและการเชื่อฟังของทหารของชูฮัน ทำให้เหมิงชีเหว่ยรู้สึกประหลาดใจอย่างมาก ความกลัวและประหลาดใจที่มีต่อชูฮันพุ่งขึ้นสูงทันที ทหารพวกนี้ได้รับการฝึกฝนอย่างหนัก เต็มไปด้วยความสามารถและเชื่อฟังอย่างสมบูรณ์แบบ

 

ในที่สุด หลังจากห้ามนาทีเต็มๆของความเงียบ นิ้วของชูฮันก็หยุดเคาะ ตาจ้องเขม็งไปที่เหมิงชีเหว่ย “ก่อนอื่น นายทำอะไรได้บ้าง?”

 

เมื่อได้ยินคำถามของชูฮัน เหมิงชีเหว่ยก็ดีใจอย่างมาก หัวใจเต้นรัว เขารีบตอบทันที “ที่ค่ายเจียนอี๋ ฉันมีกลุ่มพี่น้องอยู่ แม้พวกเขาทั้งหมดจะเป็นผู้ลี้ภัยแต่พวกเขาแข็งแรงมาก ถ้ามันไม่ติดอะไร เราสามารถใช้งานพวกเขาได้ นายอยากจะรู้อะไรฉันสามารถให้พวกเขาสืบได้หมด”

 

เหมิงชีเหว่ยกำลังพูดค่ายเจียนอี๋ แต่สิ่งชูฮันกำลังคิดอยู่คือทั้งจีน

 

“นายต้องการอะไร?” ไม่เปิดเผยตรงๆ ชูฮันถามเพียงแค่คำถามพื้นฐาน และะผลประโยชน์เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้คนตัดสินใจทำอะไร

 

“ฉันมีแฟน…”

 

“แค่ก! แค่ก!” ชูฮันสำลึกน้ำลายตัวเองทันที เขาไม่คิดว่าคำขอของเหมิงชีเหว่ยจะเป็นเรื่องแบบนี้

 

เมื่อได้เห็นปฏิกิริยาของชูฮัน เหมิงชีเหว่ยก็มีท่าทางหงุดหงิด “ฟังฉันหน่อยได้มั้ย?”

 

“พูดมาสิ” ชูฮันยิ้มเยาะและส่งชิ้นเนื้อแห้งให้เหมิงชีเหว่ย “กินไปพูดไป”

 

“ดีเลย ฉันหิวจะตายอยุ่แล้ว” เหมิงชีเหว่ยคว้าอาหารมาทันที ตามมาด้วยการเล่าเรื่องกว่าครึ่งชั่วโมง

 

เหมิงชีเหว่ยมีแฟนสาว ผู้หญิงคนนั้นทรยศเหมิงชีเหว่ยเพื่อการอยู่รอดเมื่อโลกาวินาศปะทุออกมา และฆ่าพ่อแม่ของเหมิงชีเหว่ย เหมิงชีเหว่ยต้องการแก้แค้นแต่ไม่สามารถทำได้เพราะตอนนี้ผู้หญิงคนนั้นอยู่กับคนที่แข็งแกร่งมาก แถมตอนนี้เธอยังเป็นวิวัฒนาการระยะ 3

 

“เพราะงั้นนายก็เลยคิดว่าฉันจะช่วยนายแก้แค้นได้?” ชูฮันชี้ประเด็นสำคัญ

 

“ใช่!” เหมิงชีเหว่ยตอบอย่างมุ่งมั่น “ความเกลียดชังนี้ไม่ใช่วิถีของสุภาพบุรุษ แม้ว่าฉันจะไม่ใช่สุภาพบุรุษ แต่พ่อแม่ของฉันเลี้ยงฉันขึ้นมาจนโต และในโลกาวินาศเพื่อที่จะให้ได้มีกิน พวกเขาทำงานอย่างหนัก แต่ผู้หญิงคนนั้นกลับทำแบบนี้ได้ลง ฉันไม่สามารถปล่อยเธอไปได้!”

 

“น่าสังเวชเกินไป ผู้หญิงคนนั้นคือใครกัน?” ฝ่านตรงข้ามคือใคร ชูฮันต้องการจะรู้ก่อน

 

“จงไค” เหมิงชีเหว่ยเค้นคำออกมา

 

ชูฮันต้องเหมิงชีเหว่ยโดยไม่พูดอะไรอยู่เป็นเวลานาน และหลังจากเงียบอยู่เป็นเวลานาน…

 

แม่งเอ๊ย ไอ้หัวหอก!