ตอนที่ 394 อวี้จื้อ ข้าอยู่เป็นเพื่อนเจ้าได้ไม่นานนักแล้ว / ตอนที่ 395 โอกาสทำความดีความชอบชดใช้ความผิด

ชายาหยุดเย้าข้าเสียทีเถิด

ตอนที่ 394 อวี้จื้อ ข้าอยู่เป็นเพื่อนเจ้าได้ไม่นานนักแล้ว 

 

 

เขายื่นมือออกไป ครั้นมั่วชิงมองเห็นเส้นสีดำในมือของของมู่หรงนี่อวิ๋นแล้ว สีหน้าพลันเปลี่ยนทันที 

 

 

“คุณชายมู่หรง เส้นสีดำนี้ปรากฏขึ้นเมื่อใด” 

 

 

“สองชั่วยามก่อนนี้ มั่วชิง เจ้าคงรู้ใช่หรือไม่ว่านี่คืออะไร” 

 

 

“หากมีเส้นปรากฏขึ้นเช่นนี้ นั่นหมายความว่าโดนพิษดอกอวี้จี ดอกไม้ชนิดนี้ที่สำนักอู๋จี๋ปลูกไว้หนึ่งแปลงเล็กๆ น้ำของมันมีพิษร้ายแรง เมื่อใดเผลอโดนเข้าไม่ถึงสองชั่วยามก็จะตาย ซ้ำบนฝ่ามือจะมีเส้นสีดำเด่นชัดหนึ่งเส้น 

 

 

เส้นสีดำที่มือคุณชายมู่หรงยังไม่เด่นชัดมาก ตำแหน่งอยู่ที่ฝ่ามือเท่านั้น โดนพิษไม่แรง คงเป็นเพราะยาที่ชุนเหนียงกินมีดอกอวี้จี จึงทำให้คุณชายมู่หรงได้รับพิษมาด้วย” 

 

 

มู่หรงนี่อวิ๋นซักต่อ 

 

 

“เช่นนั้นแสดงว่ามีทางรอดใช่หรือไม่” 

 

 

มั่วชิงส่ายหน้าด้วยความเสียใจและเสียดาย 

 

 

“ถึงแม้คุณชายมู่หรงจะโดนพิษไม่แรงมาก แต่บนมือมีเส้นสีดำปรากฏแล้ว เมื่อเวลาล่วงเลยไป เส้นสีดำนี้ก็จะค่อยๆ ขยายออก 

 

 

เมื่อทั้งฝ่ามือถูกเส้นสีดำกลบจนมิด ก็ถึงจุดจบของชีวิต ดอกอวี้จีมีพิษร้ายแรงมาก หากกินแมลงจิ่วเซียงจะสามารถชะลอการขยายตัวของเส้นสีดำได้ แต่ก็ยังคงหยุดยั้งไว้ไม่ได้” 

 

 

มู่หรงนี่อวิ๋นเข้าใจความหมายของมั่วชิง ความหมายของมั่วชิงคือตนหมดทางรอดแล้ว ตอนที่มั่วชิงยังไม่มา เขายังกอดความคิดว่าจะมีโชคช่วย ตอนนี้มั่วชิงได้พิสูจน์ความจริงแล้ว เขากลับมีท่าทีสงบลง ถามว่า 

 

 

“ข้ายังมีเวลาอีกเท่าไร” 

 

 

“ตามปกติ น่าจะประมาณห้าปีเจ้าค่ะ หากกินแมลงจิ่วเซียง สามารถยืดเวลาได้อีกครึ่งปีถึงหนึ่งปี” 

 

 

มู่หรงนี่อวิ๋นยิ้มออกมา 

 

 

“นานกว่าที่ข้าคิดเอาไว้พอสมควร ข้านึกว่าตนเองจะเหลือเวลาอีกแค่เดือนสองเดือน 

 

 

มั่วชิง เจ้าต้องรับปากข้าเรื่องหนึ่ง เรื่องนี้บอกหลิงอวี้จื้อไม่ได้ หากนางรู้แล้ว ใจนางต้องอยู่ไม่สุขแน่ ข้าไม่อยากให้นางกังวลไม่มีความสุข เจ้าก็ถือเสียว่าคืนนี้ไม่ได้มาที่นี่” 

 

 

“คุณชายมู่หรง ท่านต้องการปิดบังคุณหนูจริงๆ หรือ” 

 

 

มั่วชิงรู้ว่ามู่หรงนี่อวิ๋นมีใจให้หลิงอวี้จื้อ เพียงแต่หลิงอวี้จื้อมีเซียวเหยี่ยนอยู่ข้างกายแล้ว 

 

 

นางไม่ใช่คนพูดมากมาตั้งแต่ไหนแต่ไร ตอนนี้เห็นมู่หรงนี่อวิ๋นนึกถึงหลิงอวี้จื้อไปเสียทุกเรื่อง ใจนางก็รู้สึกซาบซึ้ง มู่หรงนี่อวิ๋นไม่เหมือนกับที่นางจินตนาการเอาไว้ เขาเป็นบุตรชายจากชนชั้นสูงที่ยึดมั่นความรักและภักดี ทำให้มุมมองเดิมของนางเปลี่ยนไปมากเช่นกัน 

 

 

“บอกนางก็รังแต่จะทำให้นางรู้สึกผิด อวี้จื้อควรจะร่าเริงแจ่มใส ข้าไม่อยากเห็นนางขมวดคิ้ว คนเราเกิดมามีชีวิตเดียว ใครก็มีวันนี้กันทั้งนั้น ข้าแค่ไปเร็วกว่าคนอื่นหน่อยก็เท่านั้น 

 

 

นับว่าท่านเทวดายังกรุณาข้า ยังเหลือเวลาให้ข้าอีกสักหน่อย ไม่ได้ให้ข้ารีบไปพบยมบาลทันที ข้าจะทุ่มเทกำลังทั้งหมดหาแมลงจิ่วเซียง ไม่ทิ้งโอกาสที่จะได้มีชีวิตต่ออีกสักวัน เรื่องนี้ถือว่าเป็นความลับระหว่างเรา เจ้าต้องรับปากข้านะ” 

 

 

มั่วชิงเห็นว่ามู่หรงนี่อวิ๋นตัดสินใจแล้ว จึงพยักหน้ารับปาก และจำเรื่องแมลงจิ่วเซียงเอาไว้ในใจ หากมีโอกาสหาแมลงจิ่วเซียงเจอ นางจะช่วยเอามาให้มู่หรงนี่อวิ๋น ถือว่าช่วยตอบแทนบุญคุณมู่หรงนี่อวิ๋นแทนหลิงอวี้จื้อ 

 

 

มู่หรงนี่อวิ๋นมีสีหน้าผ่อนคลาย ยิ้มพลางพูดว่า 

 

 

“เรื่องนี้ตกลงกันแล้วนะ มั่วชิง เจ้ากลับไปก่อนเถิด! เกรงว่าหลิงอวี้จื้อจะตามหาเจ้า ข้าไม่มีอะไรแล้ว” 

 

 

มู่หรงนี่อวิ๋นกลัวที่สุดว่าตนเองจะถูกพิษนักรบไร้ชีพ ภาพของหลิงอวี้หรงยังคงติดอยู่ในหัวไม่ไปไหน เขาไม่มีทางจินตนาการว่าตนเองกลายเป็นเช่นนั้น ตายไปไม่ว่า ยังทิ้งภาพติดตาไว้ให้หลิงอวี้จื้ออีก 

 

 

“คุณชายมู่หรง รีบพักผ่อนเถิดเจ้าค่ะ วางใจได้ ท่านมิได้โดนพิษปลุกเสก” 

 

 

มั่วชิงพูดจบก็ออกไปจากห้องของมู่หรงนี่อวิ๋น มู่หรงนี่อวิ๋นนอนลงไปบนเตียงใหม่ แบมืออีกครั้ง มองเส้นดำบนมือ 

 

 

อวี้จื้อ ข้าอยู่เป็นเพื่อนเจ้าได้ไม่นานนักแล้ว ก่อนข้าไปไม่แน่ว่ายังพอได้เห็นลูกของเจ้าเกิดมา อย่างนั้น ข้าก็คงไปได้อย่างสบายใจ  

 

 

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 395 โอกาสทำความดีความชอบชดใช้ความผิด 

 

 

ณ สำนักอู๋จี๋ 

 

 

เฟิงอิ๋นคุกเข่ากับพื้น เจียงสือโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ ก่อนหน้านี้สะเพร่าถูกเซียวเหยี่ยนหลอก ทำได้เพียงมองเซียวเหยี่ยนออกจากเขาอวิ๋นเฟิงไปต่อหน้าต่อตา 

 

 

พวกเซียวเหยี่ยนออกไปจากสำนักอู๋จี๋แล้ว นางไม่มีทางบีบเซียวเหยี่ยนได้อีก ในเมื่อข้างกายเซียวเหยี่ยนยังมีกองทัพทหารที่ฝึกฝนมาอย่างดีอีกสองร้อยกว่าคน แม้ว่านางจะส่งมือดีจากสำนักอู๋จี๋ไป ก็ทำอะไรเซียวเหยี่ยนไม่ได้ 

 

 

ตอนนี้นางรู้มาว่ามีกองทัพคนและม้าทัพใหญ่มุ่งหน้ามาทางทิศของภูเขาอวิ๋นเฟิง อีกสองวันก็จะถึงตีนเขาอวิ๋นเฟิงแล้ว 

 

 

นางรู้ว่าตอนนี้สำนักอู๋จี๋อยู่ในสถานการณ์ล่อแหลม เซียวเหยี่ยนไม่คิดจะปล่อยสำนักอู๋จี๋ ประกอบกับนางรู้แล้วว่าสร้อยข้อมือหายไป หากเดาไม่ผิด สร้อยข้อมือคงอยู่ในมือเซียวเหยี่ยน 

 

 

ตอนนี้นางกับเซียวเหยี่ยนมาถึงจุดที่ต้องมีใครตายกันไปข้างหนึ่ง 

 

 

“ท่านอาจารย์โปรดอภัย ศิษย์เอาสมุนไพรเซียนหลินจือให้ชุนเหนียงแล้ว แต่นึกไม่ถึงว่าชุนเหนียงจะกินสมุนไพรเซียนหลินจือเสียเอง” 

 

 

เฟิงอิ๋นก้มหน้า ที่จริงตอนที่นางไปหาชุนเหนียงก็เข้าใจการตัดสินใจของชุนเหนียงแล้ว นางก็ไม่อยากให้เซียวเหยี่ยนตาย ถึงได้บอกเป็นนัยว่าถึงอย่างไรชุนเหนียงก็หนีไม่พ้น ตายแล้วไม่ต้องเหลืออัฐิเอาไว้ นึกไม่ถึงว่าเพลิงที่ชุนเหนียงก่อจะไม่ได้ไหม้ตนเองกลายเป็นเถ้าถ่าน 

 

 

ยังดีที่เซียวเหยี่ยนไม่เป็นอะไร มิเช่นนั้นที่นางเพียรพยายามอย่างหนักคงเสียเปล่า 

 

 

เจียงสือมีสีหน้าโมโห 

 

 

“ชุนเหนียงรักตัวกลัวตายมาตลอด แม้แต่นางก็ยังกล้าทรยศข้า เซียวเหยี่ยนมันเก่งกาจจริง นึกไม่ถึงว่าจะทำให้ชุนเหนียงเป็นห่วงเขาขนาดนี้ ต่อให้ตนเองตายก็ไม่ยอมเอาสมุนไพรเซียนหลินจือให้เซียวเหยี่ยน” 

 

 

“ก่อนนี้ชุนเหนียงไปเยี่ยมเซียวเหยี่ยนเป็นประจำ ไม่แน่อาจจะมีใจให้เซียวเหยี่ยน ถึงได้ยอมตายเพื่อเขา” 

 

 

เจียงสือจ้องเฟิงอิ๋นเขม็ง 

 

 

“ชุนเหนียงมีใจ้ให้เซียวเหยี่ยน แล้วเจ้าเล่า” 

 

 

“ศิษย์ยอมแพ้เรื่องเซียวเหยี่ยนไปโดยสิ้นเชิงแล้ว ไม่คิดถึงเขาอีกแล้ว ก่อนหน้านี้ศิษย์หน้ามืดตามัว ถึงได้เอาสมุนไพรเซียนหลินจือไปช่วยเซียวเหยี่ยน 

 

 

นึกไม่ถึง เขาไม่เพียงแต่ไม่แสดงความขอบคุณศิษย์ ยังไล่ให้ศิษย์ออกไปทันที ศิษย์มองคนผิดเอง เซียวเหยี่ยนไม่ควรค่าให้ศิษย์ไปทำอย่างนี้ อาจารย์โปรดอภัยศิษย์ด้วย เรื่องนี้ศิษย์ผิดไปแล้ว” 

 

 

เฟิงอิ๋นพูดจบก็โขกศีรษะอย่างแรง น้ำเสียงเจือความสำนึกผิด 

 

 

เจียงสือไม่พูดอะไร ห้องทั้งห้องเงียบสงัด นอกจากเสียงหายใจ ในห้องก็ไม่มีเสียงใดอีก จู่ๆ บรรยากาศก็ลดลงถึงจุดเยือกแข็ง ทำให้รู้สึกย่ำแย่อย่างยิ่ง สาวใช้ที่อยู่ข้างๆ รู้ว่าเจียงสืออารมณ์ไม่ดี แต่ละคนพากันก้มหน้า อยากจะกลายเป็นมนุษย์ล่องหนเสียเดี๋ยวนั้น 

 

 

เมื่อเจียงสือไม่พูดอะไร ในใจเฟิงอิ๋นก็ตุ้มๆ ต่อมๆ นางไม่รู้ว่าเจียงสือจะจัดการนางอย่างไร จะบอกว่าไม่กลัวก็โกหก เพียงแต่ตอนนี้นางไม่มีวิธีอื่นใดแล้ว ได้แต่รอ 

 

 

“เจ้าสำนึกผิดแล้วจริงๆ หรือ” 

 

 

“ก่อนหน้านี้ศิษย์ดื้อดึงไม่ยอมรับผิด ท่านอาจารย์โปรดอภัยศิษย์ด้วย ต่อไปศิษย์จะกตัญญูแทนคุณอาจารย์อย่างดี ไม่คิดเรื่องอื่นอีกแล้ว” 

 

 

เฟิงอิ๋นรับผิดอย่างจริงใจ หวังหว่าเจียงสือจะยอมปล่อยนางสักครั้ง 

 

 

“เซียวซู่ก็ไม่ใช่จะมีดีอะไร แล้วลูกชายเขาจะไปมีดีได้อย่างไร 

 

 

เฟิงอิ๋น เจ้าเป็นศิษย์รักของอาจารย์ เพื่อจะอบรมบ่มเพาะเจ้า ข้าทุ่มเทแรงกายแรงใจมาหลายปี กับเจ้า อาจารย์หวังไว้สูงมาก หากเจ้ารู้ผิดแล้ว อาจารย์ก็จะให้โอกาสเจ้าทำความดีความชอบชดใช้ความผิด” 

 

 

“ท่านอาจารย์จะสั่งการอะไรเจ้าคะ” 

 

 

เฟิงอิ๋นสอบถามอย่างเคารพนอบน้อม 

 

 

“อาจารย์ได้ข่าวมาว่า ทัพใหญ่ของเซียวเหยี่ยนจะมาถึงเขาอวิ๋นเฟิงในไม่ช้านี้ สำนักอู๋จี๋หลบหนีได้ยากแล้ว พวกเราต้องรีบออกไปจากเขาอวิ๋นเฟิง ก่อนไป พวกเราต้องกำจัดเซียวเหยี่ยนทิ้ง” 

 

 

เจียงสือแทบจะขบเขี้ยวเคี้ยวฟันขณะพูด เห็นได้ชัดว่าเกลียดเซียวเหยี่ยนเข้ากระดูกดำ 

 

 

ถึงแม้นางจะรู้ข่าวแล้ว สามารถหนีภัยครั้งนี้ไปก่อนได้ แต่เช่นนั้นสำนักอู๋จี๋ก็จะถึงจุดจบ ทุ่มเทอย่างหนักมาตั้งหลายปี ไม่ง่ายเลยกว่าจะก่อตั้งสำนักอู๋จี๋ขึ้นมาใหม่ ทำให้สำนักอู๋จี๋มีวันนี้ได้ ตอนนี้จะพังทลายอีกครั้งด้วยน้ำมือของลูกชายของเซียวซู่