DC บทที่ 340: งูเจ้าเล่ห์

 

หลังจากที่กลับไปยังห้องวีไอพี หวังฟูจีก็ตรงไปที่หวังชูเหรินซึ่งขมวดคิ้วแนบแน่น

 

“น-น้องสาว ข้ารู้ว่าเจ้าโกรธเรื่องหวังชิชงแต่–”

 

“เจ้าคิดว่าข้ามิพอใจกับลูกชายไร้ประโยชน์ของเจ้ารึ” หวังชูเหรินตัดบทเขาทันควัน

 

“นี่เพราะว่าเจ้าเป็นพี่ชายในสายเลือดของข้า ข้าจึงจักขอเตือนเจ้าไว้ตอนนี้ว่าถ้าเจ้าล่วงเกินซูหยาง ต่อให้เป็นข้าก็มิอาจจะช่วยเหลือเจ้าได้”

 

“ซ-ซูหยางรึ เจ้ากำลังพูดถึงเจ้าเด็กโอหังข้างล่างนั้นรึ เขาจะสามารถทำ…”

 

เผี๊ยะ

 

หวังชูเหรินสะบัดมือฟาดไปบนใบหน้าหวังฟูจีโดยไม่ยั้งมือ จนทำให้เกิดเสียงดังฟาดดังไปทั่วห้อง

 

คนอื่นๆต่างพากันมองดูพวกเขาด้วยท่าทางงงงันกันอยู่บ้าง ในเมื่อไม่มีใครในหมู่พวกเขาคาดว่าหวังชูเหรินจะไร้ความปรานีแม้กระทั่งกับคนในตระกูลของตนเอง

 

“ข้าจักมิเตือนเจ้าอีก”

 

หวังชูเหรินหันกายตรงไปหาเจ้าซี ซึ่งมองดูเธอด้วยสายตาสนอกสนใจ

 

“ท่านเจ้า ข้าขออภัยที่จักต้องขอตัวไปก่อนตอนนี้”

 

“ก่อนเจ้าไป ข้าใคร่ถามว่าเจ้ารู้เด็กหนุ่มข้างล่างนั่นด้วยรึ” เจ้าซีกล่าว “ดูเหมือนว่าเจ้ารู้จักเขาเป็นอย่างดี”

 

“…”

 

หลังจากเงียบไปชั่วขณะ หวังชูเหรินก็กล่าวว่า “ใช่ ท่านเจ้า”

 

“เจ้าคงมิถือที่จะบอกข้าเกี่ยวกับเรื่องเขาสักเล็กน้อย”

 

“เราได้ทำธุรกิจกันในอดีตและตอนนี้ และตอนนี้พวกเราได้สนับสนุนนิกายของพวกเขาด้วยเม็ดยาของพวกเรา” เธอกล่าว

 

เจ้าซีสังเกตเห็นว่าหวังชูเหรินตอบมาอย่างคลุมเครือ แต่เขาไม่ต้องการที่จะตรวจสอบเพิ่มเติมจึงแค่พยักหน้า

 

“เจ้าไปเถอะ” เขากล่าวหลังจากนั้น

 

หวังชูเหรินคำนับก่อนจากไป

 

ในเวลานั้นในมุมอื่นของห้องวีไอพี สองคนได้จ้องเขม็งมองไปยังนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัย

 

“พวกนั้นคือนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัยรึ”

 

“ถูกต้องแล้วผู้นำนิกาย”

 

“ฮึ่ม เจ้าพวกที่ดูอ่อนแอเช่นนั้นเหตุใดจึงได้รับการปกป้องจากคนที่เป็นผู้ยิ่งใหญ่เช่นนั้น ผู้อาวุโสท่านนั้นได้เห็นอะไรที่มีค่าในตัวพวกนั้นรึ”

 

ผู้นำนิกายของนิกายล้านอสรพิษ ฟูกวาน แค่นหายใจเย็นชาขณะที่เขาจ้องมองไปยังนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัยด้วยแววตาฆ่าฟัน

 

“ท่านผู้นำนิกาย แม้ว่าเรามิอาจจะทำอะไรก่อนหน้านี้เนื่องจากเซียนคนนั้นที่ผู้อาวุโสวานพูดถึง เราก็ยังสามารถจัดการกับพวกเขาก่อนที่จะกลับไปยังที่นั่น ว่าไปแล้วข้ายังคิดสงสัยว่าเซียนคนนั้นจะตามพวกเขามาตลอดทางถึงที่นี่หรือไม่” คนคนหนึ่งข้างฟูกวานกล่าว “ยิ่งไปกว่านั้น ผู้นำนิกายของพวกเขาก็อยู่ที่นี่ ถ้าเราจัดการกับเธอ นิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัยจักต้องล่มลงด้วยตนเอง”

 

“นั่นเป็นความคิดที่ไม่เลว แต่จะเป็นอย่างไรถ้าเซียนนั่นตัดสินใจล้างแค้นและสร้างปัญหาให้กับเรา” ฟูกวานถาม

 

“เราเพียงแค่ผลักความรับผิดชอบไปที่คนอื่น หากปราศจากหลักฐานต่อให้เป็นเซียนก็มิอาจแตะต้องพวกเราโดยไม่เสื่อมเสียชื่อเสียง และในเวลาที่เหมาะสมที่เจ้าหนุ่มคนนั้นเพิ่งล่วงเกินตระกูลหวัง พวกเราสามารถใช้พวกเขาเป็นเครื่องปกปิดได้”

 

“ฮ่าฮ่าฮ่า…” ฟูกวานหัวเราะด้วยเสียงต่ำ “เจ้าช่างเป็นงูเจ้าเล่ห์ ผู้อาวุโสเหริน”

 

“ขอบคุณที่ชมเชย ท่านผู้นำนิกาย”

 

“ข้าจักปล่อยให้เจ้าจัดการเรื่องนี้ ผู้อาวุโสสูงสุด อย่าทำพลาดล่ะ” ฟูกวานกล่าวกับเขา

 

“มันใจได้เลย ท่านผู้นำนิกาย พวกเขาจักต้องสาบสูญไปจากโลกนี้และมิมีใครจักได้เบาะแส…”

 

ขณะที่นิกายล้านอสรพิษมองล่วงหน้าไปถึงการตายของนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัย ในมุมอื่นภายในห้องวีไอพี หญิงสาวสวยสี่คนก็สนทนากันเกี่ยวกับนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัยเช่นกัน

 

“นั่นรึ ซูหยาง พี่ชายของซูหยิน…”

 

เจ้าสำนักของสำนักหงส์สวรรค์ ไป่ลี่ฮัว มองไปที่ซูหยางด้วยความสนใจเป็นที่สุด

 

“ซูหยินมิได้โอ้อวดแต่อย่างไรเมื่อเธอพูดว่าเขาเป็นชายที่รูปหล่อที่สุดในโลกนี้… อย่างน้อยข้ามิเคยเห็นใครที่ดูดีกว่าเขา”

 

ผู้อาวุโสข้างกายไป่ลี่ฮัวหัวเราะคิกคัก

 

“จริงแล้วถ้าสำนักหงส์สวรรค์มิได้เป็นสำนักที่มีแต่หญิงเท่านั้น ข้าคงจะยินดีเป็นอย่างยิ่งในการเชิญเขามาเข้าร่วมกับพวกเรา” ไป่ลี่ฮัวกล่าว

 

“นั่นใช่ผู้นำนิกายของนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัยด้านหลังเขา ข้าต้องชื่นชมในพรสวรรค์ของเธอ  ไม่ง่ายนักที่จะยังรักษาตนให้ดูอ่อนเยาว์และสวยในวัยนั้น เธอดูมิแตกต่างจากคนที่ยังอยู่ในวัยยี่สิบ”

 

“เจ้าอิจฉาละสิ”

 

“หรือว่าเจ้าไม่”

 

“บางทีเราควรจะขอคำแนะนำจากเธอหลังจากงานประมูลและจะได้นำซูหยินกลับคืนมาข้างกาย”

 

“เอาล่ะ เงียบได้ละ การประมูลกำลังจะเริ่มแล้ว”

 

ในเวลานี้หวังชูเหรินได้ปรากฏตัวขึ้นบนเวทีโดยมีคนนับร้อยที่หลงไหลไปกับรูปร่างอันทรงเสน่ห์และใบหน้าสวยงามของเธอ

 

“ข้าต้องขออภัยสำหรับความล่าช้า เพื่อมิให้ยุ่งยาก พวกเรามาเริ่มการประมูลในเมืองหิมะร่วงสำหรับปีนี้กันเถอะ”

 

ทั้งห้องพากันกระหึ่มไปด้วยความตื่นเต้นจากผู้คน

 

“ข้าเฝ้ารอการนี้มานาน”

 

“ท่านช่างดูสวยงามมากในวันนี้ ผู้อาวุโสหวัง”

 

“ข้ารักเจ้า นางฟ้าหวัง”

 

ผู้คนดูเหมือนจะตื่นเต้นกับการได้เห็นหวังชูเหรินเสียยิ่งกว่าการประมูล

 

หวังชูเหรินคงรอยยิ้มอันสดใสบนใบหน้าเธอไว้และให้สัญญาณสาวสวยคนอื่นอีกสองคนขึ้นมาบนเวที

 

ผู้ช่วยสาวสวยสองคนพากันผลักโต๊ะเลื่อนสีแดงคลุมด้วยผ้าคลุมหนาขึ้นมาบนเวที

 

“ก่อนที่ข้าจะประกาศวัตถุชิ้นแรก ข้าจักขออธิบายกฏพื้นฐานสำหรับการประมูลในวันนี้ก่อน”

 

หวังชูเหรินยกนิ้วสามนิ้วและเริ่มนับพวกมัน

 

“อันดับแรกถ้าท่านต้องการจะประมูลวัตถุชิ้นใด ท่านต้องประมูลอย่างต่ำหนึ่งร้อยหินวิญญาณของราคาปัจจุบันของสินค้าชิ้นนั้น ถ้าวัตถุชิ้นนั้นมีราคามากกว่าหนึ่งแสนหินวิญญาณเช่นนั้นราคาประมูลต่ำสุดจะเพิ่มเป็นหนึ่งพันก้อนหินวิญญาณ ถ้ามันราคาเกินหนึ่งล้านหินวิญญาณเช่นนั้นมันจักเพิ่มเป็นหนึ่งหมื่นก้อนหินวิญญาณ”

 

“อันดับที่สอง เงินจักต้องจ่ายเต็มหลังจากที่ชนะประมูลและสิ่งของจะส่งให้ท่านทันทีหลังจากที่จ่ายแล้ว แต่ถ้าท่านต้องการรับของหลังจากการประมูล ก็สามารถทำเช่นนั้นได้”

 

“และสุดท้าย ท่านสามารถใช้สมบัติอื่นแทนหินวิญญาณได้ และนิกายดอกบัวเพลิงก็จักประมูลมันตรงนั้นเพื่อเปลี่ยนเป็นหินวิญญาณ และมูลค่าของมันก็จักขึ้นกับผลลัพธ์สุดท้าย และสำหรับผู้ที่ประมูลกับสมบัติชิ้นนั้นท่านสามารถใช้ได้เพียงแค่หินวิญญาณ”

 

“จากที่กล่าวไปแล้วนั้น ต่อไปนี้ข้าจักขอนำเสนอวัตถุชิ้นแรกในการประมูลในวันนี้ สมบัติวิญญาณระดับปฐพีที่มีคุณสมบัติในการปกป้อง ระฆังพิษม่วง”