สิงหาจิบชาอย่างเงียบๆ“ตอนนี้ตระกูลอนันต์ธชัยไม่ได้เหมือนเมื่อยี่สิบปีก่อนแล้ว ตระกูลอนันต์ธชัยในตอนนั้นถือได้ว่ามีอำนาจและบารมีเรียกลมเรียกฝนได้ ตอนนี้คุณหญิงมัทนาล่วงลับไปแล้ว ตาวิทย์ก็เอาแต่เศร้าเสียใจ อีกอย่างเขาก็ลาออกจากตำแหน่งมานานแล้ว หากเขาคิดจะเล่นงานฉันเพราะเรื่องของสุนันท์ และหากเรื่องนี้แพร่สะพัดออกไป ที่เสียหายก็น่าจะชื่อเสียงของเขามากกว่า ตระกูลอนันต์ธชัยในวันนี้ไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว”
ได้ยินดังนั้น หยาดฝนก็ไม่ได้พูดอะไร ฟังที่เขาพูดมา ก็พอฟังออกว่าเขาตัดสินใจแล้ว และจะไม่เปลี่ยนแปลงมัน
“คนอย่างฉันสิงหาก็ไม่ใช่คนใจจืดใจดำ อนาคตก็ย่อมต้องดูแลตระกูลอนันต์ธชัยอยู่แล้ว ไม่ให้มาเป็นขี้ปากใครได้หรอก ”
“ไม่ว่ายังไง ฉันก็จะยังต้องเจอ ความไม่สงบสุขในตระกูลสิริไพบูรณ์ในอนาคต”หยาดฝนพูดออกไปเพียงเท่านี้
ทั้งสองคนยังคงคุยกันอยู่ ประตูของห้องหนังสือก็ถูกเปิดออก สุนันท์เดินเข้ามา พูดด้วยรอยยิ้ม“หยาดฝนก็อยู่เหรอ ฉันกับพี่เธอจะไปคอนโดของออกัส เธอจะไปด้วยกันไหม ?”
อาการของหยาดฝนเปลี่ยนไป พยักหน้าให้“ได้ค่ะ อยู่บ้านคนเดียวก็น่าเบื่อเหมือนกัน ”
อีกด้านหนึ่ง
ทำงานได้เพียงสามชั่วโมง จากนั้นออกัสก็หนีงาน!
ในตอนนี้ เขานอนอยู่บนโซฟา ขาที่เรียวยาวไขว่ห้างกัน และขาเล็กๆของซารางก็อ้าออก นั่งคร่อมที่ท้องของเขาเอาไว้ กำลังดู《การ์ตูนบูนี่แบร์》อยู่ เมื่อเห็นตอนที่มันสนุก ก็กระโดดหย่องๆขึ้นที่ท้องของเขา
ออกัสร้องครวญ มือใหญ่ตีไปที่ก้นเล็กๆอย่างรักใคร่
เชอร์รีนอยู่ในครัว ในห้องครัวมีผักกองพะเนิน ทั้งมะเขือยาว เห็ด ไก่ และดอกหอม
เธอกับซารางและพ่อแม่ของเธอกำลังเดินกันอยู่ที่ซูเปอร์มาร์เก็ต ก็ได้รับสายจากชายหนุ่ม ทั้งบ่น และทั้งต่อว่า ร้องจะให้เธอทำอาหารให้กิน
จนปัญญา เธอจึงต้องโกหกพ่อแม่ของเธอ แล้วพาซารางมาด้วย แต่กลับพบว่าชายหนุ่มที่หนีงานมากำลังนอนเอกเขนกอยู่บนโซฟา บนโต๊ะกาแฟมีผักอยู่กองพะเนิน
หม้อหุงข้าวกำลังหุงข้าวอยู่ จากนั้นเธอก็กำลังผัดมะเขือยาวอย่างคล่องแคล่ว ไก่ผัดเผ็ด และผัดดอกหอมใส่หมู
หัวหมุนอยู่สักพัก จู่ๆก็ถูกรวบกอดจากทางด้านหลัง เธอสะดุ้ง จากนั้นก็ผ่อนคลายร่างกาย ที่บ้านหลังนี้นอกจากเขาแล้ว จะเป็นใครไปได้อีก ?
“หอมจัง……”คางของเขาวางลงบนไหล่ของเธอ ริมฝีปากที่เร่าร้อนทาบทับไปยังลำคอที่ขาวเนียนระหง ขบเม้มจนเป็นรอยแดง
ด้วยความอ่อนไหว ร่างกายของเชอร์รีนถึงกับสั่นสะท้าน“ อย่าเพิ่งกวน คุณออกไปรอข้างนอกก่อน กับข้าวใกล้จะเสร็จแล้ว”
“ผมจะรอคุณอยู่ตรงนี้ เป็นเพื่อนคุณ……” น้ำเสียงออกัสทุ้มต่ำ โอบเธอไว้แน่น มือใหญ่ล้วงเข้าไปใต้เสื้อของเธอ แล้วลูบวนๆที่ท้องและรอบสะดือของเธอ ทำเธอแขนขาอ่อนแรงหดตัวเกร็ง
“ออกัส คุณออกไปเดี๋ยวนี้เลยนะ ซารางยังอยู่ที่ห้องนั่งเล่น!” เธอใช้ศอกกระทุ้งไปที่หน้าท้องของเขา ใบหน้าเห่อร้อน
เรื่องที่เกิดขึ้นกลางดึกเมื่อครั้งนั้น ทำเธอใบหน้าร้อนผ่าว หากให้ซารางมาเห็นอีก เธอต้องอับอายอีกแน่ๆ !
“ซารางกำลังดู《การ์ตูนบูนี่แบร์》อยู่ คุณใส่ผ้ากันเปื้อนสีขาวแล้วดูสวยมากจริงๆ มันเติมเต็มความต้องการของผมได้เป็นอย่างดี หากข้างในไม่ใส่เสื้อผ้า เปลือยเปล่า จะยิ่งดีมาก……”
น้ำเสียงของเขาลุ่มลึก ทั้งแหบ และแห้ง ทำเอาคนฟังถึงกับหัวใจเต้นแรง
โดยไม่รู้ตัว เชอร์รีนหอบหายใจถี่ ออกัสก็เริ่มมัวเมา ร่างของเขาแนบชิดไปกับเธอ เบียดเสียดเข้าหากัน เพื่อแสวงหาความต้องการ
จากนั้น ในช่วงจังหวะนี้เอง เสียงกรุ่นโกรธก็ดังขึ้นมา “นี่พวกแกกำลังทำอะไรกัน ?”
เสียงที่ทั้งแหลมและสูง ราวกับจะบาดแก้วหูคน ที่ตรงประตูห้องครัว สุนันท์ สิงหาและหยาดฝนยืนอยู่ตรงนั้น……
ภาพตรงหน้า ในมุมที่คนทั้งสามยืนอยู่ เห็นทุกอย่างได้อย่างชัดเจน……
สีหน้าของทั้งสามคนเต็มไปด้วยความตกใจที่ยากจะอธิบายเป็นคำพูด นอกจากนี้ก็ยังแตกต่าง และหลากหลายความรู้สึก
ใบหน้าที่งดงามของสุนันท์ไม่ได้เก็บซ่อนอารมณ์โกรธที่รุนแรงแต่อย่างใด ถลึงตาจ้องมองเชอร์รีน
นังแพศยา หน้าไม่อาย!
คิ้วขมวดกันแน่น สิงหาเหลือบมองออกัส จากนั้นก็หันมองหยาดฝนที่อยู่ข้างๆ
ในส่วนท่าทีของหยาดฝน ก็ย่อมต้องดูแย่มาก ความผิดพลาดที่บริสุทธิ์ มือที่วางอยู่ข้างลำตัวจิกเข้ากับฝ่ามือแน่น ร่างกายสั่นไหว สะท้านขึ้นเล็กน้อย ราวกับถูกน้ำเย็นสองถังเทราดลงมาจากศีรษะ แขนและขาชาวาบไปทั้งตัว
และปฏิกิริยาของออกัสก็เร็วมากเช่นกัน ไม่ได้หันหลังกลับ ดวงตาที่ลุ่มลึกขยับเคลื่อนไหวเล็กน้อย มือใหญ่ละออกจากยอดอก และสวมเสื้อชั้นในให้เธออย่างรวดเร็ว ดึงมือออกมาจากชายเสื้อของเธอ
และในเวลาเดียวกัน หัวใจของเชอร์รีนก็ยังคงเต้นรัวเร็วไม่หยุด เสียงนั้นมันฟังคุ้นหูมาก หากไม่ใช่สุนันท์ แล้วจะเป็นใคร?
เดินก้าวเข้ามา สุนันท์ยืนอยู่ตรงหน้าของเชอร์รีน แม้แต่คำพูดที่พูดออกมาก็เต็มไปด้วยความกรุ่นโกรธ“เธอนี่มันช่างน่ารังเกียจจริงๆ !”
สมกับเป็นผู้หญิงเจ้าเล่ห์จริงๆ ต่อหน้าอีกอย่าง ลับหลังก็อีกอย่าง ต่อหน้าคนอื่นก็พูดอยู่ปาวๆว่าไม่มีอะไรกับออกัส ถือเนื้อถือตัว แต่ลับหลังก็มายั่วยวนออกัส ช่างไร้ยางอายจริงๆ!
“แม่ พอได้แล้ว!”คิ้วของออกัสขมวดแน่น น้ำเสียงที่ทุ้มต่ำเห็นชัดว่าเริ่มจะไม่พอใจแล้ว ตระกองกอดเชอร์รีนไว้ในอ้อมแขนต่อหน้าทุกคน
ได้ยินดังนั้น อารมณ์โกรธที่มีในใจของสุนันท์ก็เพิ่มมากขึ้น พูดเสียงสูง และชัดเจน“ออกัส นี่แกกำลังปกป้องเธอเหรอ ?”
“ครับ เธอเป็นผู้หญิงของผม และเป็นแม่ของลูกสาวผมด้วย ปกป้องเธอก็เป็นเรื่องที่สมควรอยู่แล้ว ”เหยียดริมฝีปาก เขาพูดมันอย่างชัดถ้อยชัดคำ
สีหน้าของหยาดฝนก็เปลี่ยนไป จากนั้นการประชดประชันและเย็นชาก็พลุ่งพล่านขึ้น แล้วเธอล่ะ เธอเป็นอะไรกัน?
มือของเขาโอบไหล่ของเธอแน่น แต่กลับไม่รู้สึกอึดอัด มันอบอุ่น ในใจของเชอร์รีนตอนนี้รู้สึกสงบ ต่อให้กำลังเผชิญหน้าอยู่กับสุนันท์และหยาดฝนก็ตาม
เธอมองสุนันท์อย่างเงียบๆ ไม่พูดอะไรสักคำ
สุนันท์โมโหจนหายใจติดขัด “ฉันเป็นแม่ของแกนะ เลี้ยงดูแกมาตั้งแต่เล็ก ตอนนี้แกออกหน้าปกป้องเธอต่อหน้าฉัน แล้วฉันเป็นตัวอะไร?”
“ตราบใดที่แม่สงบสติอารมณ์ ไม่พูดจาอะไรที่มันน่าเกลียด ผมก็ไม่จำเป็นต้องปกป้อง ไม่ใช่เหรอครับ ? ”
“พูดจาน่าเกลียด? ต่อให้ฉันจะพูดจาน่าเกลียดยังไงมันก็เป็นเพราะเธอทำตัวเองทั้งนั้น สมน้ำหน้า!” ในที่สุด ความโกรธที่อยู่ในใจของสุนันท์ก็ถูกปลุกเร้า“ออกัส หรือแกลืมไปแล้วเหรอว่าเมื่อสี่ปีก่อนเธอผลักฉันตกบันไดยังไง แล้วผลักหยาดฝนตกหน้าผายังไง ผู้หญิงที่ร้ายกาจแบบเธอ แกยังจะปกป้องเธออีก!แล้วแกเอาฉันไปไว้ที่ไหน?”
“นั้นเป็นเพราะแม่อคติกับเธอมากเกินไป เธอไม่ได้เป็นอย่างที่แม่คิด นิสัยและการปฏิบัติตัวของเธอ ผมรู้ดี และเข้าใจดีกว่าใคร ความสามารถในการอ่านคนของผม จุดนี้ไม่จำเป็นต้องสงสัย!”
เขาหรี่ตาลง แม้จะพูดเสียงเบา และเรียบนิ่ง แต่ก็เด็ดเดี่ยวพออย่างไม่ต้องตั้งคำถาม
“งั้นยกตัวอย่าง ถ้าวันนั้นคนที่ห้อยโหนอยู่ที่ริมหน้าผาเป็นแม่ที่กำลังตั้งท้องอยู่สามเดือน มือหนึ่งจับหน้าผาไว้ อีกมือหนึ่งก็ดึงรั้งหยาดฝนเอาไว้ แม่คิดว่าแม่จะอยู่ในสภาพแบบนั้นได้นานแค่ไหน ?
อีกอย่าง หากเธอต้องการให้หยาดฝนตายจริงๆ ทำไมตอนที่หยาดฝนร่วงตกลงไปเธอต้องใช้แรงทั้งหมดที่มีดึงรั้งเขาเอาไว้ด้วย ? การกระทำแบบนี้ไม่ดูจะเกินความจำเป็นไปหน่อยเหรอครับ ? ”