ต้องเป็นยัยบ้านั้นแน่ที่ใช้แอบใช้วิธีลอบกัดกับออกัส ไม่อย่างนั้น ออกัสจะกลายเป็นแบบนี้ไปได้ยังไงกัน?
ดวงตาคู่นั้นเหมือนถูกปกคลุมไปด้วยความมืดมน จนไม่สามารถเห็นอะไรได้อย่างชัดเจน เขาหลงกลยัยบ้านั้นไปหมดแล้ว!
สุนันท์ไม่ได้ยินคำพูดใดๆ เลย ความโกรธถูกอัดแน่นอยู่ในอกของเธอ ไม่หายไปไหน “ทิ้งเรื่องพวกนี้เอาไว้ก่อน รอยแผลเป็นบนใบหน้าของหยาดฝนก็เป็นเพราะแก แต่แกกลับทำแบบนี้กับเธอเหรอ”
ในเวลานี้ หัวใจของหยาดฝนเจ็บปวดมาก ราวกับว่ามีมีดที่แหลมคมฟันเข้ามาเรื่อยๆ จนเละไปหมด
เขาก้าวไปข้างหน้า สิงหาจับไหล่ของเธอและถอนหายใจออกเบาๆ
“สำหรับหยาดฝนแล้ว ผมรู้สึกผิดต่อเธอ แต่ความรู้สึกผิดเหล่านั้นมันไม่ใช่ความรัก ผมจะพยายามทำให้ดีที่สุดเพื่อชดเชยให้กับเธอ โดยใช้วิธีการอื่น” หลังจากที่สายตาของเขาจับจ้องไปยังหยาดฝน เขามองไปที่สุนันท์อย่างแน่วแน่และกล่าวว่า
“แต่ ฉันจะไม่เห็นด้วยกับเธอ และฉันจะไม่เห็นด้วยกับเธอตลอดไป และเธอก็อย่าหวังว่าจะได้เข้าไปในตระกูลสิริไพบูรณ์อีก เว้นแต่ว่าฉันจะตาย!” สุนันท์ตบโต๊ะและพูดอย่างเฉียบขาด
“ผมต้องการเธอ…” หลังจากนั้นไม่นาน ออกัสก็พูดประโยคหนึ่งออกมา และจากนั้นก็พูดซ้ำอีกครั้งต่อหน้าทั้งสามคน “ปมต้องการเธอจริงๆ!”
ทุกคำพูดที่เขาได้พูดออกมา มันเหมือนว่าเขาได้โรยเกลือลงบนบาดแผลของหยาดฝน แผลนั้นเน่าเปื่อย เละเทะ และก็เจ็บปวดเหลือเกิน!
“แม่ครับ แม่เป็นผู้ใหญ่ผมก็เลยให้ความเคารพ! แต่ว่าเรื่องของความรู้สึกมันบังคับกันไม่ได้ นี่เป็นเรื่องของผม ไม่มีใครตัดสินใจแทนผมได้…”
เชอร์รีนเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย เธอมองไปยังใบหน้าที่หล่อเหลาที่เป็นเหมือนประติมากรรมของเขา หัวใจของเธอเต้นแรงและอ่อนระทวย
ที่จริงแล้ว ตอนที่เขาจริงจังขึ้นมา เขาก็จริงจังได้ไม่น้อยไปกว่าใครเลย
“เหอะเหอะ…” หยาดฝนหัวเราะอย่างประชดประชัน ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยหมอกหนา เธอหันหลังกลับ และเดินตรงออกไปยังข้างนอกของคอนโด
เมื่อเห็นสิ่งนี้ สุนันท์ก็รีบเรียกเธอ “หยาดฝน หยาดฝน!”
ตั้งแต่เริ่มต้นจนจบ ดูเหมือนหยาดฝนจะไม่ได้ยินเธอ และเธอก็ก้าวเท้าเร็วขึ้น เธอสะดุดเล็กน้อยก่อนจะวิ่งออกไป
“ตอนนี้เธอพอใจแล้วใช่ไหม ตอนนี้ในใจของเธอคงจะมีความสุขเหมือนดอกไม้ที่กำลังเบ่งบานใช่ไหม” สุนันท์จ้องไปที่เชอร์รีนอย่างเย็นชา “ผู้หญิงอย่างเธอ ฉันจะคอยดูว่าสุดท้ายแล้วเธอจะเป็นยังไง!”
ดวงตาของเชอร์รีนขยับไปมา แต่เธอยังคงเงียบ และไม่ได้พูดอะไรออกมา
เมื่อพูดจบ เธอก็วิ่งไล่ตามร่างของหยาดฝนไป สิงหาไม่ได้จากไปไหน เขายังอยู่ที่เดิม ดวงตาของเขาเคร่งขรึม “ออกัส แกไม่ควรทำกับหยาดฝนแบบนี้”
ทั้งคู่สบสายตากัน ออกัสจ้องไปที่เขาและพูดว่า “ผมรู้ว่าควรทำยังไงถึงจะเป็นผลดีต่อเธอมากที่สุด”
“แต่สิ่งที่ดีที่สุดของแกอาจจะไม่ใช่สิ่งที่เธอต้องการ”
“ผมไม่สามารถให้สิ่งที่เธอต้องการได้ มันเป็นความจริง…”
“สำหรับเรื่องของเธอแล้ว ฉันก็ไม่เห็นด้วยเหมือนกัน อีกอย่าง แกกลายเป็นคนที่ไร้หัวใจตั้งแต่ตอนไหนกัน?” สีหน้าของสิงหาดูจริงจังมาก
ออกัสเลิกคิ้วที่หล่อเหลา ริมฝีปากบางกระตุก ก่อนที่คำพูดเหล่านั้นจะออกมา “พ่อครับ การที่ไม่สามารถให้ในสิ่งที่หยาดฝนต้องการได้ นี่เรียกว่าไร้หัวใจเหรอครับ ถ้าเป็นแบบนั้น ความหมายของคำว่าไร้หัวใจในความรู้สึกของคุณพ่อมันคงจะตื้นเกินไป ผมรู้ดีว่าตัวผมกำลังทำอะไรอยู่”
“บางทีในใจแกอาจจะไม่ได้รู้สึกแบบนั้น แต่ในใจของฉันมันรู้สึกแบบนั้น ลองดูความสัมพันธ์ของแกกับหยาดฝนเมื่อสี่ปีก่อน แล้วดูตอนนี้สิ แกจะให้ฉันพูดอะไรอีก”
สิงหาพ่นลมหายใจหนักๆ ออกจากจมูกของเขา ดวงตาที่ไม่พอใจของเขากวาดมองไปที่เชอร์รีน ก่อนที่เขาจะจากไป
ในห้องครัวกลับมาเงียบสงบอีกครั้ง มีเพียงเสียงหายใจระหว่างพวกเขาทั้งสองคนที่สลับไปมา
สายตาของออกัสจับจ้องไปยังร่างที่ในอ้อมแขนของเขา ในความสับสนก็ยังมีความรู้สึกกังวลแอบแฝงอยู่ เขากลัวว่าคำพูดเหล่านั้นเมื่อครู่นี้จะทำร้ายเธอ “เป็นอะไรไหม?”
“ทำไมเหรอ?” เชอร์รีนก็เงยหน้าขึ้นมองเขาเช่นกัน
“คุณไม่จำเป็นต้องฟังสิ่งที่พวกเขาพูด และคุณไม่จำเป็นต้องใส่ใจ เข้าใจไหม?”
“ฉันรู้” เธอยกยิ้มปากขึ้นแล้วส่ายหัว “ฉันไม่ใส่ใจเลยจริงๆ”
คนในตระกูลสิริไพบูรณ์ นอกจากเลอแปงและหัวหน้ามัทนาแล้ว ทุกๆ คนก็ไม่ต้องการพบเธอ เธอรู้เรื่องนี้ดีตั้งแต่เมื่อสี่ปีก่อน
ที่สำคัญ ตอนที่เธอตกลงว่าจะกลับมาคบกับเขาอีกครั้งเธอ สถานการณ์แบบนี้ เธอก็เคยคาดหมายและเตรียมพร้อมสำหรับเรื่องนี้ไว้แล้ว เพราะสุนันท์ก็เกลียดเธอมากๆ
มือใหญ่ของเขากระชับขึ้นในทันที และวินาทีต่อมาเชอร์รีนก็เข้าไปอยู่ในอ้อมอกที่แสนอบอุ่นของเขา เขาปล่อยให้ร่างกายของเธอทับอยู่บนตัวเขา และชายผู้นั้นก็มองดูเธอด้วยสายตาที่ลึกซึ้ง “ทิ้งปัญหาเหล่านั้นไว้ให้ผม ผมจะจัดการกับเอง ไม่ต้องคิดมาก มันต้องใช้ความพยายามและก็วุ่นวายมาก ถ้าตีนกาขึ้นอีกล่ะ ฮิฮิ…”
เธอยิ้ม ในขณะที่เธอกำลังจะพูด ทันใดนั้นชายคนนั้นก็โน้มตัวลงมาจูบเธออย่างลึกซึ้ง
แต่ ในเวลานั้น ก็มีเสียงสวมรองเท้าแตะที่กำลังเดินเข้ามาดังขึ้น ซารางยืนอยู่ที่ประตูห้องครัว เธอขยี้ตา “หม่ามี๊คะ หนูหลับไปนานมากๆ ตอนนี้หิวแล้ว ข้าวยังไม่สุกอีกเหรอ?”
“หม่ามี๊ หม่ามี๊กับแด๊ดดี้ทำอะไรกัน” ซารางเดินไปข้างหน้า
“ซาราง!” เชอร์รีนเรียกเธอทันที “เท้าของหม่ามี๊พลิกน่ะ แด๊ดดี้กำลังช่วยหม่ามี๊ดูอยู่ ซารางช่วยไปหยิบขวดน้ำจากในตู้เย็นให้หม่ามี๊หน่อยได้ไหม”
ซารางพยักหน้า ก่อนที่เธอจะหันหลังแล้วเดินเข้าไปในห้องครัว หลังจากนั้นเชอร์รีนก็รีบผลักออกัสออก “เร็วเข้า!”
ทั้งสองคนรีบจัดระเบียบตัวเอง ท่าทีของพวกเขาดูจนตรอกมากๆ
“ครั้งที่สองแล้วนะ…” ออกัสดูอ่อนแอ น้ำเสียงของเขาสั่นเครือและแหบแห้ง “ถ้าลูกสาวของเรายังชอบพุ่งเข้ามาแบบนี้อีก ไม่ช้าก็เร็วผมคงจะทนไม่ไหวก็เพราะเธอ…”
ใบหน้าที่แดงก่ำของเชอร์รีนยังไม่จางหาย เธอบีบเนื้อนุ่มๆ รอบเอวของเขา “ยังจะโทษเธออีก คุณช่วยมองดูสถานที่และสถานการณ์หน่อยไม่ได้เหรอ!”
เขาโอบกอดเธอ “ตอนที่เธอเข้ามามันถูกจังหวะจริงๆ เมื่อกี้ตอนที่พ่อแม่ของผมเข้ามาผมไม่ได้ยินเสียงของเธอเลย พวกเราเพิ่งจะจูบกันอย่างดูดดื่ม เธอก็เข้ามาได้ถูกจับหวะจริงๆ เธอนี่เป็นตัวขัดลาบของผมจริงๆ เลย!”
“เลิกพูดมากได้แล้ว รีบไปทำความสะอาดเถอะ ตัวขัดลาบหิวแล้ว” เธอยิ้มแล้วผลักเขาออกจากครัว
ออกัสไม่พอใจ เขาเอนตัวลง และจูบริมฝีปากสีแดงของเธออยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเดินออกจากห้องครัว
ตอนที้นำจานออกจากห้องครัว เชอร์รีนได้ยินเสียงกรีดร้องของซารางอย่างชัดเจนจากในห้องน้ำ เห็นได้ชัดว่ามีชายคนหนึ่งกำลังทำความสะอาด
เธอหันศีรษะไปด้านข้างเล็กน้อย เธอเห็นออกัสโยนร่างเล็กของซารางขึ้นไปบนอากาศ ก่อนที่จะปล่อยร่างนั้นตกลงมา
วันนี้คำพูดของสุนันท์และสิงหาไม่มีผลกระทบต่อเธอเลย!
เมื่อก่อน เธอไม่ได้คิดที่จะคบกับเขา ดังนั้น เธอจึงไม่จำเป็นต้องเกรงใจกับคำพูดที่หยาบคายของสุนันท์ แน่นอนว่าเธอก็โต้กลับอย่างไร้ซึ่งความปราณี และเธอไม่จำเป็นต้องทนกับข้อกล่าวหาของเธอ
ตอนนี้ ในใจเธอได้คิดไว้ว่าจะคบกับเขาอีกครั้ง และสุนันท์ก็เป็นแม่ของเขา เธอสามารถอดทนได้ในระดับหนึ่ง และเธอไม่ต้องการให้เขาเป็นคนกลางที่แสนจะอึดอัด
แต่ ความอดทนนั้นก็จะมีอยู่จำกัดเช่นกัน เธอไม่ต้องการให้เขาอึดอัด แต่นี่ก็ไม่ได้หมายความว่าเชอร์รีนจะสามารถดูหมิ่นเธอได้