ตอนที่ 337

The Strongest Hokage

“แล้วเราจะทำยังไงต่อ?”

ไนโตะ มองไปที่ คุชินะ อย่างแน่วแน่แล้วพูดว่า “ไม่ต้องทำอะไร เธอกลับไปที่หมู่บ้านก่อน ฉันจะทำความสะอาดที่นี่ก่อนแล้วจะกลับไปให้เร็วที่สุด”

คุชินะ พยักหน้าเบา ๆ

โคนัน ที่อยู่ข้าง ๆ รู้สึกอิจฉาเล็กน้อยที่ ไนโตะ เป็นห่วงเรื่องความปลอดภัยของ คุชินะ แต่รอยยิ้มก็ยังไม่หายไปจากใบหน้าของเธอ เธอดีใจที่ คุชินะ ปลอดภัย ดังนั้นเธอจึงอดไม่ได้ที่จะยิ้มให้กับ ไนโตะ

ฟึบ!

ไนโตะ ปล่อยมือของ คุชินะ จากนั้นเขาก็เคลื่อนที่ชั่วพริบตาไปยังทิศทางที่ทั้ง 2 คนชี้ว่า นางาโตะ หนีไปทางนั้น

นางาโตะ ที่ถูกบังคับให้ออกจากสนามรบก่อนการมาถึงของ ไนโตะ ใช้ความเร็วเต็มที่ในการหนีไป แต่เขาก็ยังคงพยายามซ่อนจักระและจิตสังหารของเขา

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าเขาจะรู้สึกได้ถึงจิตสังหารของ นางาโตะ แต่ ไนโตะ ก็ไม่พบ นางาโตะ เลย แม้ว่าเขาจะตามมาจนถึงชายแดนของ แคว้นแห่งฝน แล้วก็ตาม

ไนโตะ ยืนอยู่บนขอบของ แคว้นแห่งฝน เขามองไปรอบ ๆ แล้วส่ายหัวเล็กน้อย

ดูเหมือนว่าการต่อสู้กับ มาดาระ จะยาวนานเกินไปหน่อยจนทำให้ นางาโตะ หนีไปได้

อย่างไรก็ตาม นางาโตะ ก็ไม่สามารถซ่อนตัวตลอดไปได้ เขาจะต้องปรากฏตัวออกมาอีกครั้งไม่วันใดก็วันหนึ่ง

และถึงแม้ว่า นางาโตะ จะซ่อนตัวอยู่ตลอดไป แต่เมื่อถึงจุดหนึ่งขอบเขตของ สัมผัสพิเศษ ของ ไนโตะ ก็จะสามารถมองเห็นได้ทั่วทั้งโลก!

แต่ตอนนี้ นางาโตะ จากไปแล้วและ ไนโตะ ก็ล้มเลิกการค้นหาแล้วหันกลับไปที่ แคว้นแห่งไฟ อีกครั้งและมุ่งหน้าสู่สนามรบในแนวหน้าของ คุโมะ อย่างแม่นยำ

เนื่องจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้กะทันหันเป็นอย่างมาก ไนโตะ จึงรีบกลับไปที่ หมู่บ้านอาเมะ ด้วยความเร็วเต็มที่โดยไม่สนใจสิ่งอื่น และทำให้เขาพลาดสิ่งหนึ่งไปนั้นคือ เซ็ตสึ และ โอบิโตะ

3 หาง ถูกจับได้แล้ว เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นต่างไปจากในการ์ตูน แต่อย่างไรก็ตาม มาดาระ ก็ยังคงลงเอยด้วยการลักพาตัว โอบิโตะ ไป

แน่นอนว่า โอบิโตะ ไม่ใช่สิ่งสุดท้ายที่ ไนโตะ คิด สิ่งที่เขาต้องการตามหาจริง ๆ ก็คือ เซ็ตสึดำ คนคนนี้ยังไม่เคยปรากฏตัวออกมาเลยตั้งแต่เริ่มต้น และ ไนโตะ ก็ไม่รู้ว่าตอนนี้กำลังทำอะไรอยู่

ในการ์ตูน แม้ว่า มาดาระ จะคิดว่าเขาเป็นคนที่สร้าง เซ็ตสึ ขึ้นมา แต่จริง ๆ แล้ว เซ็ตสึ เป็นลูกชายคนที่ 3 ของ คางูยะ และเป็นน้องชายของ ฮาโกโรโมะ สงครามทั้งหมดในโลกนินจาทั้งหมดเกิดขึ้นเพราะ เซ็ตสึ จุดประสงค์คือเพื่อเพิ่มพลังของ ฮาชิรามะ กับ มาดาระ และเพื่อปลุก เนตรสังสาระ จากนั้นก็คืนชีพให้ คางูยะ ในที่สุด

มาดาระ คิดว่าทุกอย่างเป็นไปตามแผนของเขา แต่จริง ๆ แล้ว เซ็ตสึ ได้คำนวณทุกอย่างเอาไว้แล้ว นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไม ไนโตะ ถึงพูดกับ มาดาระ ว่าท่านแพ้แล้ว

ด้วยความเร็วเต็มที่ ไนโตะ ได้ข้าม แคว้นแห่งฝน และไปถึง แคว้นแห่งไฟ อันกว้างใหญ่ จากนั้นก็มาถึงสนามรบระหว่าง โคโนฮะ กับ คุโมะ

ในเวลานี้สงครามได้มาถึงช่วงท้ายแล้ว คุโมะ พ่ายแพ้ไปในที่สุด ไนโตะ ไม่สนใจ นินจาคุโมะ ที่กำลังวิ่งหนีอย่างหัวซุกหัวซุน สิ่งที่เขาสนใจก็คือตามหาร่องรอยของ โอบิโตะ

แต่ก็เป็นที่น่าเสียดายที่หลังจากที่เขารีบกลับมาที่นี่อย่างรวดเร็วแค่ไหนเขาก็ไม่พบร่องรอยใด ๆ ของ โอบิโตะ หรือ เซ็ตสึ เลย

“ช่างมันเถอะ”

เป็นอีกครั้งที่ ไนโตะ ไม่พบเป้าหมายของเขา

ไนโตะ เบื่อที่จะเล่นเกมซ่อนหากับคนเหล่านี้ที่ชอบอยู่ในความมืดแล้ว

ไม่ว่าแผนของพวกเขาจะเป็นอย่างไร ตราบเท่าที่พวกเขากล้าที่จะปรากฏตัว ไนโตะ ก็จะอยู่ที่นั่นเพื่อทำลายพวกเขา!

การวางแผนทั้งหมดของพวกเขาจะไร้ประโยชน์เมื่อต้องอำนาจกับอำนาจที่แท้จริง!

………….

ที่สุดขอบโลก

มีเงายืนอยู่ตรงนั้นอย่างสบาย ๆ ในความมืด

“ชายคนนั้นรู้ได้ยังไง?”

เซ็ตสึ พูดออกมาเบา ๆ ขณะคิด ตั้งแต่เริ่มต้นเขารู้สึกแปลก ๆ เกี่ยวกับ ไนโตะ และให้ความสนใจกับ ไนโตะ มากขึ้นทุกวัน ๆ

ครั้งหนึ่งเขาเคยคิดที่จะจัดการกับสิ่งต่าง ๆ เพื่อดึง ไนโตะ มาอยู่ข้าง ๆ แต่เขาก็ล้มเลิกความคิดทันทีเขารู้ว่า ไนโตะ อันตรายแค่ไหน เขารู้สึกว่า ไนโตะ อันตรายยิ่งกว่า มาดาระ เสียอีก

ในขณะที่พลังของ ไนโตะ แข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ เซ็ตสึ ก็ยิ่งไม่สบายใจเกี่ยวกับเขามากขึ้นเช่นกัน และมีความไม่แน่ใจมากขึ้นว่าจะสามารถกำจัด ไนโตะ ได้หรือไม่

มีช่วงเวลาหนึ่งที่เขาสามารถฆ่า ไนโตะ ได้ แต่เขาก็ล้มเหลวและปล่อยให้ ไนโตะ เติบโตขึ้นมาได้ขนาดนี้ จนตอนนี้แม้จะได้รับความช่วยเหลือจาก เทวรูปมารนอกรีต แต่ มาดาระ ก็ไม่สามารถหยุด ไนโตะ ได้

เซ็ตสึ อยู่มาตั้งแต่ยุคของ ฮาโกโรโมะ เขาได้เห็นทุกสิ่งทุกอย่างและบันทึกประวัติศาสตร์ของโลกนี้ แต่เขาไม่เคยเห็นอะไรที่มีความสามารถที่เหมือนของ ไนโตะ เลย

พลังของ ไนโตะ ดูเหมือนจะไม่มีอยู่บนโลกนี้ มันพิเศษและทำให้เขาประหลาดใจทุกครั้ง

โชคดีที่ในที่สุดเขาก็พา มาดาระ มาถูกทาง

“สิ่งต่อไปที่ต้องทำคือแสดงให้ โอบิโตะ เห็นถึงพรสวรรค์ของ นางาโตะ แต่ฉันต้องระวัง ต้องไม่ให้พวกเขาเจอเรา ไม่อย่างนั้นสิ่งต่าง ๆ อาจผิดพลาดได้…”

ช่วงเวลาที่ เซ็ตสึ นึกถึง ไนโตะ อีกครั้ง ความหวาดหวั่นก็ระเบิดขึ้นในใจของ เซ็ตสึ อีกครั้ง

ในฐานะลูกชายคนที่ 3 ของ คางุยะ ความแข็งแกร่งของ ไนโตะ ไม่เพียงพอที่จะทำให้เขากลัวได้ แม้ว่า ไนโตะ จะแข็งแกร่งขึ้นกว่านี้ 2 เท่าเขาก็ไม่กลัว แต่ความลึกลับรอบตัวของ ไนโตะ นั้นแหละคือสิ่งที่เขากลัว

ทุกสิ่งในโลกนี้ปรากฏชัดในใจของเขา รวมถึง มาดาระ ก็ด้วยเช่นกัน มีเพีนงแค่ ไนโตะ เท่านั้นที่เขาไม่รู้อะไรเลยซึ่งทำให้เขากลัวที่จะเข้าใกล้ ไนโตะ

“มันไม่สำคัญว่าใครจะจับ สัตว์หาง ทั้งหมดได้ ตราบใดที่ 10 หาง ปรากฏตัวขึ้นมา ทุกอย่างก็จะเป็นไปตามแผน…”

เซ็ตสึ ไม่ได้พูดออกมานานและเอาแต่คิดเรื่องนี้

หลังจากนั้นไม่นานเขาก็ดูเหมือนว่าจะทำใจได้ จากนั้นร่างกายของเขาก็ค่อย ๆ จมลงสู่พื้นและหายไป

……

ข่าวความพ่ายแพ้ของ หมู่บ้านคุโมะ กระจายไปทั่วโลก แต่คราวนี้มันไม่ได้ทำให้เกิดความตกใจมากเหมือนแต่ก่อน เพราะก่อนหน้านี้ ไนโตะ ก็เคยเอาชนะหมู่บ้านใหญ่ 3 แห่งมาแล้ว

ข่าวนี้เป็นข่าวที่ทำให้ผู้คนหวาดกลัวอย่างมากที่จะพูดถึงมัน!

สิ่งที่น่าแปลกใจสำหรับผู้คน ณ จุดนี้คือเหตุใดหมู่บ้านใหญ่จึงต้องการต่อสู้กับ ไนโตะ!

สถานการณ์ในโลกทำให้ทุกคนตื่นตระหนก แต่อย่างไรก็ตามข่าวอื่น ๆ ก็ถูกกลบด้วยข่าวนี้ทันที!

แม้แต่หมู่บ้านใหญ่ทั้ง 4 และ โคโนฮะ , ซารุโทบิ , ดันโซ และคนอื่น ๆ ก็รู้สึกหวาดกลัวกับข่าวนี้

ข่าวนั้นก็คือข่าวที่ว่า เนตรสังสาระ ได้ปรากฏตัวขึ้นมาอีกครั้งในโลกนี้ มันอาจทำให้เกิด มหาสงครามโลกนินจาครั้งที่ 4 ได้ และเมื่อพวกเขาได้ยินมาว่า มาดาระ ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นคู่แข่งของ เทพเจ้าแห่งนินจา ได้ปรากฏตัวอีกครั้ง ทั้งโลกก็ตกอยู่ในความสับสนวุ่นวาย!

โดยเฉพาะผู้ที่เคยอยู่ในยุคนั้นอย่าง ซารุโทบิ และ โอโนกิ จะรู้ดีว่า มาดาระ เป็นผู้ชายแบบไหนและแข็งแกร่งแค่ไหน!

ไม่มีใครรู้ว่า มาดาระ แกล้งตายและซ่อนตัวอยู่ในความมืดจนถึงตอนนี้ ซึ่งทำให้ทุกคนถามคำถามเดียวกันว่า ‘เขากำลังวางแผนอะไรอยู่?’

แต่ก่อนที่พวกเขาจะคิดหาคำตอบได้ พวกเขาก็ได้ยินข่าวใหม่ว่าตอนนี้ มาดาระ อยู่นอก หมู่บ้านอาเมะ และได้เปิดสงครามโลกนินจาขึ้นมาใหม่หลังจากที่ ไนโตะ ได้จบมันลงไปแล้ว

ซึ่งสร้างความตกใจให้กับทุกคนอีกครั้ง

ผู้ที่ได้เห็นการต่อสู้นั้นไม่สามารถแปลเป็นคำพูดได้ บรรดาผู้ที่เห็นสนามรบหลังจากนั้นไม่สามารถเข้าใจได้ว่าการต่อสู้แบบใดที่สามารถเปลี่ยนสภาพพื้นดินและสภาพอากาศได้ขนาดนี้!

ในช่วงเวลาหนึ่งโลกทั้งโลกดูเหมือนจะอยู่ในความสับสนวุ่นวาย!