บทที่ 442 แข่งฉิน ให้ความสำคัญกำศัตรูทางด้านกลยุทธ์

นางสนมแพทย์อัจฉริยะ

นางสนมแพทย์อัจฉริยะ บทที่ 442 แข่งฉิน ให้ความสำคัญกำศัตรูทางด้านกลยุทธ์
ลมพัดมาอย่างรื่นรมย์ ดวงอาทิตย์ส่องแสงสว่างจ้า ซึ่งเป็นวันที่เหมาะสำหรับการออกไปนอกบ้านอย่างมาก วันนี้เฟิ่งชิงเฉินเตรียมออกไปนอกบ้านเช่นกัน แต่สถานที่ที่นางจะออกไปเที่ยวนั้นพิเศษอย่างมาก นั่นก็คืออุทยานหลวงแห่งตงหลิง

เช้าตรู่ พระราชวังได้ส่งทหารมารับนางและซูหว่านไป โชคดีเฟิ่งชิงเฉินเตรียมพร้อมอย่างดี นางตื่นนอนก่อนรุ่งสาง และแต่งตัวแต่เช้า เมื่อขันทีมาเห็นเฟิ่งชิงเฉิน ก็ตกตะลึงอย่างมาก

วันนี้คุณหนูเฟิ่งงดงามมาก เขาไม่รู้ว่าฝีมือการเล่นฉินนั้นเป็นอย่างไร แต่ว่าความมีพลังนี้จะสามารถกดดันซูหว่านได้อย่างแน่นอน

“คุณหนูเฟิ่ง เชิญขอรับ…” หญิงงามเป็นที่รักของทุกคน แม้แต่ขันทีที่ไม่มีน้องชายของตนแล้ว ก็ยังอยากเอาใจเมื่อเห็นเฟิ่งชิงเฉินที่สวยงามเช่นนี้

“ขอบใจกงกงอย่างมาก” เฟิ่งชิงเฉินให้รางวัลเช่นเคยอย่างไม่ลังเล

เงินมีพอใจก็เพียงพอแล้ว แม้ว่านางจะรักเงิน แต่นางก็ไม่เคยโลภเงิน เงินนั้นหามาก็เพื่อใช้มัน ฉะนั้นเฟิ่งชิงเฉินใช้เงินอย่างใจกล้ามาก เวลาให้รางวัลก็ใจกว้างมากเช่นกัน

คนอื่นๆ เขาให้เศษเงินหลายตำลึง แต่นางให้ทีให้สิบตำลึง สำหรับขันทีในพระราชวัง นางให้เป็นธนบัตรเงินหนึ่งร้อยตำลึง

หลังจากได้รับเงินและอีกฝ่ายเป็นหญิงงานอีกด้วย ขันทีจึงตั้งใจประจบ และเมื่อเฟิ่งชิงเฉินขึ้นเกี๊ยวพระราชวังไป เขาก็เอ่ยเตือนราวกับติดตลกว่า “ที่อุทยานหลวงวันนี้มีผู้สูงศักดิ์มากมาย ทั้งจักรพรรดิ เสด็จอาเก้า องค์รัชทายาท ลั่วอ๋อง ฮองเฮา กุ้ยเฟย พระสนมเซียนนั่นแน่นอนอยู่แล้ว ส่วน องค์ชายสามแห่งแคว้นหนานหลิง องค์รัชทายาทแห่งแคว้นซีหลิงก็มาถึงแต่เช้าเช่นกัน แม้แต่คุณชายซีหยวนผู้ซึ่งมีชื่อเสียงโด่งดังเรื่องฉินอย่างมากก็มาเช่นกัน ส่วนไท่ฟู่ ไท่เป่า ไท่ซือก็ได้รับเชิญเป็นแขกสำคัญเช่นกันขอรับ”

เขาเน้นชื่อของสี่คนสุดท้ายอย่างหนัก เป็นการเตือนเฟิ่งชิงเฉินว่า สี่คนสุดท้ายมีคุณสมบัติที่จะตัดสินผลการแข่งในวันนี้

“ที่กงกงกล่าวมานั้นจริงยิ่งนัก มีแต่ผู้สูงศักดิ์เสียจริง” เฟิ่งชิงเฉินยิ้มและรับความหวังดีนี้เอาไว้ จากนั้นก็นั่งพร้อมกล่องฉินของตน

ดูเหมือนว่าวันนี้จะเป็นการแข่งขันที่ “ยุติธรรม” อย่างมาก คุณชายหยวนซีอยู่ที่นี่ เช่นนั้นก็ต้องแข่งเรื่องฝีมือการเล่นฉินอย่างจริงจัง

ต้องบอกว่าซูหว่านเป็นผู้หญิงที่ฉลาด ซูหว่านรู้ดีว่าเฟิ่งชิงเฉินไม่สามารถเอาชนะนางด้วยความสามารถตนได้

เฟิ่งชิงเฉินรู้จักคุณชายหยวนซี แต่ไม่มีใครรู้ว่านามสกุลของคุณชายหยวนซีคืออะไร บางคนกล่าวว่าเขามีนามสกุลชุย บางคนก็กล่าวว่าเขาเป็นทายาทของอดีตราชวงศ์ เมื่อเผชิญหน้ากับคำถามเช่นนี้ของผู้คน คุณชายหยวนซีไม่ยอมรับและไม่ปฏิเสธ

มีความคิดเห็นที่แตกต่างกันเกี่ยวกับตัวตนของคุณชายหยวนซี แต่ทุกคนก็แค่คาดเดา ไม่มีหลักฐานเลย แต่ทุกคนต่างก็คิดว่าคำกล่าวที่ว่าเป็นลูกหลานของตระกูลชุยนั้นสมเหตุผลมากกว่า หากเป็นทายาทของอดีตราชวงศ์จริงๆ จักรพรรดิแห่งสี่อาณาจักรคงจะฆ่าเขาไปนานแล้ว

ตัวตนของคุณชายหยวนซีเป็นเรื่องลึกลับ แต่ก็ไม่กระทบต่อความยกย่องชื่นชมที่ทุกคนมีต่อเขา คุณชายหยวนซีหล่อเหลา อบอุ่นสง่า และยังเล่นฉินได้ดีเยี่ยม

ฝีมือการละเล่นฉินของเขา ถูกจักรพรรดิแห่งสี่อาณาจักรและเจ้าเมืองเมืองจิ่วยกย่องว่าเป็นอันดับหนึ่งในใต้หล้านี้ แต่เขากลับบอกว่าตนนั้นเป็นเพียงที่สอง มีคนหนึ่งมีฝีมือเล่นฉินที่ดีเยี่ยมกว่าเขาเป็นร้อยเท่าพันเท่า ส่วนคนผู้นั้นเป็นใคร เขากลับไม่บอก.. …

คนธรรมดาเมื่อได้ยินว่าคุณชายหยวนซีมาร่วมงาน มักจะเสียความมั่นใจและฝีมือที่เคยมีแต่เดิม เพราะคุณชายหยวนซีเป็นถึงระดับเทพ การละเล่นฉินต่อหน้าเขานั้น ต้องมีความกล้าและความมั่นใจอย่างมาก

แม้แต่ซูหว่านที่มั่นใจอย่างมาก นางก็ลังเลอยู่นานก่อนจะยอมให้เชิญคุณชายหยวนซีมาเป็นกรรมการ ทักษะเปียโนของซูหว่านยังไม่ดีเท่าของคุณชายหยวนซีอย่างแน่นอน แต่ซูหว่านกังวลว่าคุณชายหยวนซีจะตัดสินฝีมือของนางอย่างไร้ปรานี ถึงเวลานั้นแม้ว่านางจะเอาชนะเฟิ่งชิงเฉินได้ ตนเองก็เสียหน้าเช่นกัน

แน่นอนว่าเรื่องแบบนี้มีสองด้าน หากคุณชายหยวนซีบอกว่าทักษะเปียโนของซูหว่านนั้นดีเยี่ยม เช่นนั้นซูหว่านก็จะมีชื่อเสียงโด่งดัง อย่างที่เฟิ่งชิงเฉินพูด หากว่าผลยังไม่ออกมา ทุกอย่างก็มีโอกาสครึ่งต่อครึ่ง……..

และสิ่งเหล่านี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเฟิ่งชิงเฉินเลย นางไม่ได้คิดว่าจะเสียหน้าต่อหน้าทุกคน การเล่นฉินอะไรนั่นมิใช่สิ่งสำคัญกระไร

เฟิ่งชิงเฉินอาศัยอยู่ไกลมาก ดังนั้นนางจึงเป็นคนสุดท้ายที่มาถึงงาน เฟิ่งชิงเฉินถือฉินเอาไว้และก้มหน้าลง ภายใต้การนำทางของนางกำนัล นางได้ถวายพระพรต่อจักรพรรดิ เมื่อตอนที่จักรพรรดิเห็นเสื้อผ้าที่เฟิ่งชิงเฉินสวมใส่ ท่านก็ขยับคิ้วเล็กน้อย คนที่รู้จักจักรพรรดิดีต่างก็ทราบว่า ท่านไม่พอใจกับแต่งกายของเฟิ่งชิงเฉิน

นางแต่งชุดดำทั้งตัว ดูไม่เด่นเท่าไหร่นัก เมื่อมองดูซูหว่าน นางใส่ชุดพระราชวังสีฟ้า ดูสดใสและงดงาม สง่าและอ่อนโยน นางได้แสดงความเป็นผู้ดีและความอ่อนโยนของหยิงสาวตระกูลซูออกมาให้ทุกคนได้เห็น ทำให้คนดูนั้นรู้สึกสลายใจ ฉะนั้นเมื่อเฟิ่งชิงเฉินเทียบกับซูหว่านจึงดูด้อยลงอย่างมาก

“ยืนขึ้นได้” ไม่พอใจก็ส่วนของเรื่องไม่พอใจ เวลานี้ไม่เหมาะที่จะกล่าวกระไรมากนัก แต่เมื่อเฟิ่งชิงเฉินยืนขึ้นท่านจึงพบว่า…………

ตนคิดผิดไป!

จักรพรรดิไม่คาดคิดว่าตนจะมีวันที่เข้าใจผิด ชุดดำทั้งตัวของเฟิ่งชิงเฉินมิได้เป็นดั่งที่ท่านคิด ชุดดำของเฟิ่งชิงเฉินนั้นมีความพิเศษซ่อนอยู่

เมื่อเฟิ่งชิงเฉินยืนขึ้น ลวดลายสีทองที่ไหลไปมาอยู่ชายแขนเสื้อและชายเสื้อก็ไหลไปมา ราวกับน้ำ และพิเศษเสียจนจักรพรรดิสามารถได้ยินเสียงของน้ำด้วยซ้ำ

ใช่แล้วมันเป็นลายน้ำ เมื่อชายเสื้อพลิ้วไหว ด้ายสีทองที่ริบหรี่นั้นก็จะไหลไปมาเหมือนสายน้ำ

เสื้อผ้านี้เป็นแบบที่เฟิ่งชิงเฉินสวมใส่อยู่ประจำ แขนเสื้อที่กว้างใหญ่ ชายเสื้อที่พลิ้วไหวไปมา และสิ่งที่สง่าและอดเยี่ยมที่สุดก็คือลายน้ำสีทองบนเสื้อผ้าของนาง และดอกบัวที่ปักด้วยไหมสีดำบนเข็มขัดสีทอง

ทั้งๆ ที่ใช้เส้นไหมสีดำธรรมดา แต่ดอกบัวนั้นกลับดูเหมือนจะมีชีวิต โดยอยู่บนเข็มขัดทีละดอกอย่างเหมือนจริง ต้องยอมรับว่างานปักนี้ยอดเยี่ยมอย่างมาก

แน่นอนว่าเสื้อผ้าที่ประณีต ต้องเป็นคนที่สามารถใส่ได้เท่านั้น จักรพรรดิเคยได้เห็นความดูดีและอ่อนโยนบนเสื้อสีแดงที่เฟิ่งชิงเฉินสวมใส่ ท่านคิดมาตลอดว่าสีที่เหมาะสมที่สุดสำหรับเฟิ่งชิงเฉินคือสีแดง แต่ไม่คิดว่าเพิ่งจะมารู้ในวันนี้ว่า สีที่สามารถเผยบุคลิกของเฟิ่งชิงเฉินที่สุดกลับเป็นสีดำ

ขณะคุกเข่าอยู่ที่นั่นยังไม่รู้สึกเช่นนี้ แต่เมื่อยืนขึ้น จึงพบว่าเฟิ่งชิงเฉินดูแตกต่างอย่างมาก ดูลึกลับ มีเกียรติ สง่างามและงดงาม ทำให้ผู้คนไม่กล้าจ้องมองนาง แววตาที่ดำมืด และใบหน้าที่ดูเชิดเหมือนกำลังบอกทุกคนให้ทราบว่า ราชินีที่แท้จริงเป็นอย่างไร

กุ้ยเฟยและพระสนมเซียนไม่เท่าไหร่ แต่ฮองเฮารับไม่ได้ เฟิ่งชิงเฉินเป็นเพียงสามัญชน จะดูมาพลังมากกว่าตนที่เป็นฮองเฮาได้อย่างไร นี่มันกระไรกัน? แต่ว่างานในวันนี้ไม่เหมาะที่นางจะโกรธเคือง ฉะนั้นนางจึงต้องกัดฟันอดทน

สีดำเป็นสีของเสื้อมังกรของจักรพรรดิในอดีตราชวงศ์ แต่ตอนนี้สี่อาณาจักรเห็นว่าสีดำนั้นดูมืดมนจึงเปลี่ยนไปใช้สีเหลืองสว่าง แต่เพิ่งมาพบวันนี้ว่า สีที่สามารถแสดงความสูงส่งออกมาได้ดีที่สุดคือสีดำ

ในแง่ของกลิ่นอายที่แสดงออกมานั้น เฟิ่งชิงเฉินชนะ

“วิเศษยิ่งขึ้นในทุกครั้ง เฟิ่งชิงเฉินเติบโตรวดเร็วอย่างมาก” ซีหลิงเทียนเหล่ยนึกถึงครั้งแรกที่ได้พบเฟิ่งชิงเฉิน ตอนนั้นนางยังคงเป็นผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ที่เมื่อเจอปัญหาก็เอาแต่ร้องไห้อยู่เลย แต่ในเวลาไม่ถึงปี ผู้หญิงตัวเล็กคนนี้กลับดูแข็งแกร่งและสะดุดตาเช่นนี้ ทำให้คนอื่นไม่กล้าที่จะจับจ้อง

สงสัยเสียจริงว่าลั่วอ๋องเคยเสียดายหรือไม่?

นี่คือเสียงในใจของชายทุกคนที่อยู่ตรงนั้น ดวงตาที่เรียวคมของหนานหลินจิ่นฝานมองไปที่ตงหลิงจื่อลั่วราวกับว่ากำลังยิ้ม และเผยรอยยิ้มที่ดูเยาะเย้ยออกมา

ตงหลิงจื่อลั่วหลบตาด้วยความอาย และทำเหมือนว่าไม่เห็น

เขา… เสียดายจริงๆ แต่มาเสียดายตอนนี้มันไม่มีประโยชน์แล้ว เฟิ่งชิงเฉินจะไม่แต่งงานกับเขา เหยาหวาจะแต่งงานกับจื่อชุน สุดท้ายเขาไม่เหลืออะไรเลย เขาคงเหลือเพียงคำแหน่งองค์รัชทายาทเท่านั้น………..

ออร่าของราชินีผู้ทรงพลังของเฟิ่งชิงเฉิน มิใช่สิ่งที่ดอกไม้สีฟ้าตัวน้อยอย่างซูหว่านจะเทียบได้ ซูหว่านรู้ตัวดี แต่นางเป็นเหมือนฮองเฮาที่ทำได้แค่อดทน และบอกตัวเองซ้ำๆ ว่าต้องใจเย็น ต้องใจเย็น……..

เฟิ่งชิงเฉินตั้งใจ ตั้งใจที่จะแสดงตนอย่างมีพลังเช่นนี้ เพื่อทำให้นางอารมณ์ไม่คงที่ ให้นางไม่สามารถที่บรรเลงฉินได้อย่างสงบ

คุณชายหยวนซีและไท่ซือ ไท่ฟู่ ไท่เป่าทั้งสี่คน แม้ว่าพวกเขาจะนั่งอยู่ตรงมุมห้อง แต่พวกเขาต่างก็เห็นภาพนี้ ทั้งสี่คนพยักหน้าให้กับเฟิ่งชิงเฉินด้วยความชื่นชม

วินาทีแรกดูถ่อมตน ต่อมาเผยพลังนั้นออกมาอย่างเต็มที่ สามารถควบคุมกลิ่นอายของตนได้อย่างดี สภาพจิตใจเช่นนี้เป็นสิ่งที่ไม่ว่าซูหว่านจะฝึกอีกกี่ปีก็ไม่สามารถเทียบได้ แม้แต่ฮองเฮาเองยังด้อยกว่าเล็กน้อย กลิ่นอายความน่าเกรงขามของฮองเฮาและซูหว่านนั้นสามารถเผยออกมาได้ แต่เก็บกลับไปมิได้

เฟิ่งชิงเฉินสังเกตเห็นแววตาของผู้ตัดสินทั้งสี่ ก่อนจะนั่งลงนางพยักหน้าเล็กน้อยต่อทั้งสี่เพื่อทักทาย สีหน้าของนางเย็นชาเย่อหยิ่ง นางถือฉินไว้และนั่งอยู่ที่ของตนโดยไม่ขยับ

แม้ว่านางจะอยากเห็นหน้าตาของคุณชายหยวนซีผู้โด่งดังไปทั่วหล้าด้วย แต่วันนี้นางจะมาในสายเย่อหยิ่ง ฉะนั้นนางจะต้องแสดงความผู้ดีหยิ่งยโสออกมาเต็มที่ มีเพียงเช่นนี้เท่านั้นที่จะสามารถสยบคนเหล่านี้เอาไว้ได้ ทำให้ทุกคำพูดของตนดูน่าเชื่อถือ

อย่าประเมินเสื้อผ้าที่นางสวมใส่ต่ำเกินไป แม้จะเป็นเพียงชุดสีดำที่เรียบง่าย แต่มีราคาแพงอย่างมาก ซูเหวินชิงกล่าวว่าเสื้อของนางถูกสร้างโดยช่างตัดเย็บยอดฝีมือทั้งสิบแปดคน ใช้เวลาในการทำกว่าสามเดือน

ไหมสีทองบนเสื้อผ้าเป็นไหมสีทองที่ทำมาจากทองคำ และหลอมทองเตานึ่งสามารถทำด้ายทองได้ไม่เกินสองหรือสามเส้นเท่านั้น

แม้ว่าจะยืมให้นางมาสวมใส่เพียงวันเดียว แต่การสวมเสื้อที่ราคาแพงเช่นนี้ เฟิ่งชิงเฉินไม่สบายใจอย่างมาก หากว่าทำพัง นางไม่มีปัญญาที่จะชดใช้ นางสวมเสื้อนี้หากพูดตามภาษาปัจจุบันเขากล่าวกันว่า ที่ใส่อยู่นั้นไม่ใช่เสื้อผ้า แต่คือความหรูหราดูแพงและโอ้อวด

เสด็จอาเก้าพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ ตามที่คาดไว้ มีเพียงเสื้อผ้าของราชวงศ์ก่อนหน้าเท่านั้นที่สามารถเผยความงดงามของเฟิ่งชิงเฉินออกมาได้ ไม่เสียดายที่เขาพยายามมากเช่นนี้ให้คนตัดเย็บเสื้อตัวนี้

น่าเสียดายที่วันนี้มิได้แข่งเสื้อผ้าที่สวมใส่ แต่แข่งการบรรเลงฉิน

หลังจากที่ซูหว่านและเฟิ่งชิงเฉินต่างก็นั่งลงแล้ว ไท่ฟู่สอบถามจักรพรรดิว่าสามารถเริ่มได้เลยหรือไม่ เพราะทุกคนงานยุ่ง ไม่มีเวลาที่จะมาเสียทิ้งไปกับเด็กหญิงเพียงสองคน

หลังจากได้รับอนุญาตจากจักรพรรดิแล้ว ไท่ฟู่ถามซูหว่านและเฟิ่งชิงเฉินด้วยรอยยิ้มว่า ” คุณหนูซูหว่าน คุณหนูชิงเฉิน ทั้งสองใครจะเริ่มก่อน?”

ซูหว่านกำลังจะบอกให้เฟิ่งชิงเฉินเริ่มก่อน แต่เฟิ่งชิงเฉินชิงนำหน้านางไปก่อน ” คนที่มาล้วนเป็นแขก คุณหนูซูหว่านเชิญเจ้าค่ะ”

“แขกจะตามความสะดวกของเจ้าภาพ ไม่ว่าอย่างไรคุณหนูชิงเฉินควรเริ่มก่อนเจ้าค่ะ” ซูหว่านมองจ้องไปที่ชิงเฉินอย่างแรง ผู้หญิงคนนี้ไม่มีความอับอาย เอ่ยปากก็กล่าวอย่างเด็ดขาดเช่นนี้

เฟิ่งชิงเฉินส่งสายตาที่ยั่วยวนไปและพูดว่า ” ทำไมรึ? หรือว่าคุณหนูซูหว่านกลัว? แต่การแข่งขันนี้คุณหนูซูหว่านเป็นคนเอ่ยเองว่าจะแข็งมิใช่หรือ?”

ทั้งที่รู้ว่าเฟิ่งชิงเฉินกำลังยั่วยุนาง แต่ซูหว่านก็หลงกลจนได้ “กลัวเจ้าหรือ? ชาติหน้าก็ไม่มีทางเป็นไปได้”

ซูหว่านลุกขึ้นพร้อมกับฉินในมือ และคำนับต่อจักรพรรดิและทางที่คุณขายหยวนซีนั่ง จากนั้นก็เดินไปที่จุดตั้งฉิน

นางกำนัลหยิบฉินออกมา ส่วนซูหว่านนั้นพยายามสงบใจตน ให้ใจเย็นและสงบมากที่สุด นางจะต้องบรรเลงบทเพลงที่สมบูรณ์ด้วยอารมณ์ตนที่สมบูรณ์มากที่สุด

วันนี้มีคุณชายหยวนซีมาด้วย นางต้องแสดงให้ดีเพื่อที่ให้เฟิ่งชิงเฉินเห็นว่าสตรีผู้สูงศักดิ์ผู้มีชื่อเสียงนั้นเป็นอย่างไร และสตรีผู้สูงศักดิ์ที่มีชื่อเสียงนั้นไม่ใช่แค่สวมเสื้อผ้าสวยหรูก็สามารถเป็นได้…