ตอนที่ 588 ความจริงแสนโหดร้าย

พลิกชะตาชายาสยบแค้น

ตอนที่ 588 ความจริงแสนโหดร้าย

อันหลิงเกอพยักหน้าแล้วพูดแทรกบทสนทนาของหญิงชราเพื่อมิให้อีกฝ่ายพูดเรื่องนี้ต่อหน้ามู่จวินฮาน หลังรอให้เดินมาถึงข้างหน้าต่างแล้วนางจึงได้เริ่มเอ่ยกับหญิงชราอีกครั้ง

“สิ่งที่ท่านยายกล่าวถึง อันหลิงเกอทราบดีเจ้าค่ะ”

“ถ้าเช่นนั้นเจ้าอยากแก้แค้นให้ฮูหยินหรือไม่ ? ไม่ไม่ไม่ คนตระกูลมู่ผิดใจด้วยไม่ได้โดยง่าย โดยเฉพาะมู่เหล่าหวางเฟยที่เป็นฆาตกรสังหารมารดาเจ้าเชียวนะ ! ”

“ท่านยายรู้ได้อย่างไรเจ้าคะ ? ”

อันหลิงเกอค่อนข้างแปลกใจเพราะมู่เหล่าหวางเฟยมิได้ฆ่าปิดปากพยานไปหมดแล้วหรือ ?

“เดิมทีตัวข้าเป็นสาวใช้ของฮูหยินในหอพิษกู่ หลังจากนั้นมารดาเจ้าก็ช่วยพาข้าออกมาจากหอพิษกู่ เจ้ารู้หรือไม่ว่าคนที่ฆ่านางก็คือมู่เหล่าหวางเฟยกับฮูหยินประมุขหอพิษกู่ ! ”

เปรี้ยง !

อันหลิงเกอรู้สึกเหมือนฟ้าผ่าอยู่เหนือศีรษะ

เป็นเช่นนี้ไปได้อย่างไร

ที่แท้พวกหนานกงหลิงเยว่ไม่ยอมบอกก็เพราะสาเหตุนี้หรือ

มารดาของพวกเขาก็เป็นฆาตกรสังหารท่านแม่เช่นกัน

ที่แท้ก็เป็นเยี่ยงนี้เอง ใต้หล้านี้มีเรื่องน่าขันถึงเพียงนี้อยู่ด้วย ?

กว่าที่นางจะผูกสัมพันธ์กับหอพิษกู่มิใช่เรื่องง่าย หรือเป็นสามีภรรยากับมู่จวินฮานก็เช่นเดียวกัน ทว่าตอนจบออกมาเป็นเช่นนี้เสียได้

แล้วต่อไปนางจะเผชิญหน้ากับพวกเขาได้เช่นไร ?

เดิมทีนางคิดว่ามีเพียงมู่เหล่าหวางเฟยก็ช่างเถิด นางไม่มีทางเอาเรื่องนี้มาเป็นสาเหตุให้แยกจากมู่จวินฮาน แต่ถ้าเป็นสหายเล่า ? หนานกงหลิงเยว่และฟางหลิงซู่จะเป็นสหายกับนางได้อีกหรือ ?

“เด็กน้อย ชีวิตของมารดาเจ้าขมขื่นยิ่งนัก ข้าคนนี้แค่หวังว่าเจ้าจะมีชีวิตที่ดีต่อไป หากท่านอ๋องมู่ดีต่อเจ้าก็จงซ่อนฐานะแท้จริงแล้วใช้ชีวิตอยู่กับเขาต่อไปเถิด”

อันหลิงเกอเห็นความหวังดีของอีกฝ่านแต่ก็ทำเพียงพยักให้ หญิงชราก็มิได้อยู่ต่อเพราะเดินออกไปจากโรงน้ำชาทันที

แม้อันหลิงเกอสามารถเผชิญหน้ากับคนตระกูลมู่ได้ แต่หญิงชราทำมิได้เพราะในอดีตฮูหยินใหญ่อันคือผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิตนางไว้ แต่ฮูหยินใหญ่อันต้องมาตายอย่างน่าอนาถ

ตอนนี้ต้าโจวเจริญรุ่งเรืองขึ้นแล้วมีผู้ใดยังจดจำได้บ้างว่าในอดีตเคยมีฮูหยินใหญ่อันผู้นี้อยู่ !

“เมื่อครู่หญิงชรากล่าวอันใดกับเจ้า ? แล้วเหตุใดจึงออกไปทั้งอย่างนั้น ? ”

ใบหน้าของมู่จวินฮานดูสงสัยอย่างปิดไม่มิด โดยเฉพาะได้รู้ว่าหญิงชราจากไปเพราะตัวตนของเขา ทำให้เขารู้สึกสงสัยกว่าเดิม

“ในอดีตท่านยายเคยเป็นคนของหอพิษกู่จึงเป็นธรรมดาที่จะกลัวเชื้อพระวงศ์หรือขุนนางเจ้าค่ะ”

อันหลิงเกอพูดเพื่อตัดบทและไม่มีความคิดจะเดินเล่นในตลาดอีกต่อไป

ที่แท้มารดาก็มิได้ตายเพราะมู่เหล่าหวางเฟยคนเดียว แต่หอพิษกู่ยังมีส่วนร่วมด้วย

นางก็เคยได้ยินหนานกงหลิงเยว่เอ่ยถึงบ้างว่าท่านแม่กับประมุขหอมีความเกี่ยวข้องกันบางอย่าง บางทีอาจเพราะเหตุนี้ท่านแม่จึงโดนพวกนางริษยา

หากมิได้เป็นเพราะฮูหยินหอพิษกู่จากไปแล้ว นางก็อยากไปถามเสียจริงว่าเหตุใดจึงทำกับท่านแม่เยี่ยงนี้

หากเอ่ยถึงคนทรยศก็ต้องเป็นบุรุษสิ เหตุใดต้องมาทำร้ายท่านแม่และพวกเขาแต่ละคนต่างมีบุตรกันทั้งนั้น เหตุใดมินึกถึงหัวอกคนเป็นแม่บ้างเล่า ?

เมื่อนึกถึงตรงนี้ อันหลิงเกอก็เร่งฝีเท้ากว่าเดิมจนทิ้งมู่จวินฮานรั้งท้าย ส่วนเขาอยู่ด้านหลังก็รู้ได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ หญิงชราคนนั้นต้องเอ่ยอันใดบางอย่างแน่นอน อารมณ์ของอันหลิงเกอจึงแปรปรวนเยี่ยงนี้

เมื่อกลับมาถึงจวนอ๋อง อันหลิงเกอก็ปิดประตูเรือนด้วยข้ออ้างว่าเหนื่อยล้า จากนั้นก็มิได้พบมู่จวินฮานอีก

“ไปสืบเรื่องจวนอ๋องกับหอพิษกู่ในอดีตมา หากพบพยานในเวลานั้นก็จงพามาหาข้าที่นี่ ! ”

เมื่ออยากเข้าใจอันหลิงเกอทั้งหมด เขาก็ต้องสืบหาความจริงให้กระจ่าง หากเกี่ยวข้องกับหมู่เฟยจริง เขาก็จะชดใช้ให้นางด้วยชีวิต !

หากมิได้เป็นเพราะหมู่เฟยอย่างที่กล่าวกันจริง เช่นนั้นเขาก็ควรทำให้ทั้งสองคนคุยกันให้เข้าใจ

หรือทุกอย่างนี้จะเป็นแค่เรื่องที่ถูกสร้างขึ้นมาและมิใช่เรื่องจริง

หมู่เฟยของเขาอ่อนโยนถึงเพียงนั้น ตอนยังแรกรุ่นก็มิน่าทำเรื่องพรรค์นั้นได้

เวลานี้มู่จวินฮานก็สับสนเหมือนกัน เพราะสำหรับเขาและอันหลิงเกอเรื่องนี้ถือเป็นอุปสรรคอย่างหนึ่ง

“เรียนท่านอ๋อง ถิงฟางเช่อเฟยมาขอพบขอรับ”

“ให้นางเข้ามา”

แม้มู่จวินฮานมิอยากพบทัวป๋าถิงฟางสักเท่าไร แต่พอนึกได้ว่าตอนนี้ดึกมากแล้ว ดังนั้นก็ให้นางเข้ามานั่งหน่อยจะเป็นไรไป หมู่เฟยจะได้มิไปพุ่งเป้าใส่อันหลิงเกอเพราะเขาโปรดปรานนางผู้เดียวอีก

“คารวะท่านอ๋องเจ้าค่ะ”

เห็นได้ชัดว่าทัวป๋าถิงฟางมีความสุขสุด ๆ วันนี้นางพยายามอ้างถึงคำพูดของมู่เหล่าหวางเฟยเพื่อจะได้มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับมู่จวินฮานบ้าง หากมีบุตรได้สักคนแล้วเรื่องทุกอย่างก็คงไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป

“ลุกขึ้น”

“ท่านอ๋อง เชี่ยเซินมาฝนหมึกให้ท่านเจ้าค่ะ”

ทัวป๋าถิงฟางเข้ามานั่งข้างกายมู่จวินฮานที่ไม่หันมามองแม้แต่น้อย

นางรู้สึกผิดหวังแต่มิยอมแพ้เพราะยังนั่งอยู่ข้างกายมู่จวินฮานต่อไปเช่นนั้นจนมิรู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไรแล้ว

“เด็กเด็ก ดึกมากแล้ว ส่งเช่อเฟยกลับเรือนได้”

ทัวป๋าถิงฟางหลงเข้าใจผิดว่าตนจะมีความหวังขึ้นมาบ้าง แต่คาดมิถึงว่าเขาจะส่งนางกลับไปเสียดื้อ ๆ จึงจำใจต้องยอมแพ้

“ท่านอ๋อง ! ” ก่อนออกไป ทัวป๋าถิงฟางก็ยังเอ่ยปากเรียกเขาอีกครั้ง

“ยังมีเรื่องอันใดอีก ? ” มู่จวินฮานมิเงยหน้าแม้แต่น้อยและเอ่ยถามเบา ๆ เท่านั้น

“เชี่ยเซินไม่รู้ว่าเหตุใดท่านจึงทำเยี่ยงนี้ เชี่ยเซินรู้ว่าด้อยกว่าพี่หญิงหนึ่งขั้นแต่ก็มีหน้าที่เหมือนกันจึงหวังว่าท่านอ๋องจะเมตตาบ้าง เชี่ยเซินก็เป็นอนุของท่านอ๋อง ไม่อยากโดนทอดทิ้งเจ้าค่ะ ! ”

กว่าทัวป๋าถิงฟางจะดึงความกล้าออกมาได้สักครั้งมิใช่เรื่องง่าย แต่กลับทำให้มู่จวินฮานได้เห็นท่าทางขององค์หญิงแห่งแคว้นชิงเยว่ในปีนั้นอีกครั้ง

“เช่นนั้นหรือ ? ”

เมื่อได้ยินเสียงมู่จวินฮานตอบกลับ ทัวป๋าถิงฟางก็รีบก้มหน้าลงทันที นางมิเคยเห็นมู่จวินฮานโกรธเพียงนี้มาก่อน มิรู้ว่าโมโหจริงหรือทำเพื่อเตือนนางกันแน่ ?

ทัวป๋าถิงฟางอ่านใจมู่จวินฮานมิออกจึงไม่กล้าพูดออกมาชั่วขณะ

“เอาเถิด เจ้าเข้าใจคำว่าสงบสุขไว้ก็พอ หากอยากอยู่ในจวนอ๋องแห่งนี้ต่อไปสิ่งที่ห้ามลืมที่สุดคือสงบ ทำตัวให้ดีและรู้จักหน้าที่ของตน ! เข้าใจหรือไม่ ! ”

ทัวป๋าถิงฟางรู้ว่าการที่มู่จวินฮานยังยอมอธิบายให้ฟัง นั่นหมายถึงเขายังมิได้ใจร้ายกับนางเกินไป ยังยอมให้นางอยู่ต่อ

“ขอบพระคุณท่านอ๋องที่ชี้แนะ ถิงฟางเข้าใจแล้วเจ้าค่ะ”

หลังกล่าวจบ นางก็มิทำตัวอวดฉลาดอีกและรีบออกไปทันที

“เหตุใดท่านอ๋องทำกับถิงฟางเช่อเฟยเช่นนั้นขอรับ ในเมื่อเรียกให้นางเข้ามาแต่สั่งสอนเช่นนี้ก็เกรงว่าทางฝั่งมู่เหล่าหวางเฟยจะรู้ในมิช้าขอรับ”

ชิงเฟิงรู้สึกกังวลแทนมู่จวินฮานเพราะหากมู่เหล่าหวางเฟยมาสร้างความลำบากให้มู่จวินฮานกับอันหลิงเกออีก เขาก็กลัวเจ้านายคิดหนักกว่าเดิม

“การสั่งสอนเมื่อครู่ถือเป็นน้ำใจครั้งสุดท้ายที่ข้ามีต่อนาง นางจะเข้าใจเอง ดังนั้นนางไม่มีทางเอาเรื่องนี้ไปฟ้องหมู่เฟยแน่นอน”

มู่จวินฮานเงยหน้ามองชิงเฟิง ยากที่สุดในใต้หล้านี้คือการเดาใจสตรี แต่สิ่งที่ยากกว่าคือการเดาใจสตรีทุกนาง

สำหรับมู่จวินฮานแล้ว สตรีที่เขาอ่านมิออกเพียงคนเดียวก็คืออันหลิงเกอ

“ท่านอ๋องปราดเปรื่องยิ่งนักขอรับ”

ชิงเฟิงนับถือกลยุทธ์อันปราดเปรื่องของมู่จวินฮานมาโดยตลอด คาดมิถึงว่าอีกฝ่ายจัดการปัญหาในเรือนหลังได้อย่างมีระเบียบ

บุรุษล้วนหวาดกลัวเรือนหลังลุกเป็นไฟ แต่มู่จวินฮานสยบคนเหล่านี้ได้อยู่หมัด คงเหลือเพียงอุปสรรคระหว่างมู่เหล่าหวางเฟยกับพระชายาเท่านั้น เพราะนี่ถือเป็นปัญหาใหญ่ที่สุดแล้ว

อย่างไรก็ตาม แม้มู่จวินฮานมิเคยคิดยุ่งเกี่ยวเรื่องระหว่างอันหลิงเกอกับหมู่เฟยมาก่อน แต่ก็ต้องยุ่งเกี่ยวเพื่อความสงบสุขของเขาและอันหลิงเกอ