ตอนที่ 589 ความวุ่นวายของเรือนหลัง

พลิกชะตาชายาสยบแค้น

ตอนที่ 589 ความวุ่นวายของเรือนหลัง

ตอนนี้มู่จวินฮานเริ่มมองออกแล้วว่าอันหลิงเกอต้องรู้อันใดบางอย่างถึงได้หวาดระแวงหมู่เฟยเยี่ยงนี้

และการโดนบีบบังคับให้ออกจากจวนในครั้งนั้นก็น่าจะมีสาเหตุมาจากหมู่เฟยด้วย

ในเมื่อหมู่เฟยทำร้ายอันหลิงเกอก่อน ตัวเขาก็มิขอให้อันหลิงเกอยกโทษให้หมู่เฟย

เพียงแต่ปมที่อยู่ในใจ วันหน้าเขาจะค่อย ๆ แก้มันเอง

“เรียนท่านอ๋อง นี่เป็นจดหมายที่เผ่าปิงชวนส่งมาโดยบอกว่าฟางซู่ซู่กู่เหนียงได้เป็นฮูหยินใหญ่ของประมุขเผ่าปิงชวนแล้วกำลังกดศีรษะอนุคนอื่นขอรับ”

“หืม ? นางเป็นสตรีแกร่งเพียงนั้นเชียวหรือ ? ” ดูเหมือนเขาจะเลือกถูกคนแล้ว

“ส่วนอีกเรื่องคือเผ่าปิงชวนรับคนของหอพิษกู่เข้าไปในชนเผ่าตามที่คาดเอาไว้ขอรับ” ดูเหมือนฟางซู่ซู่จักเป็นประโยชน์ต่อท่านอ๋องแล้ว

“ท่านอ๋องเตรียมจัดการเยี่ยงไรขอรับ ? ”

ตอนนี้ต้องปิดบังเกอเอ๋อเสียก่อน สำหรับหอพิษกู่แล้ว เกอเอ๋อคงมีความผูกพันบางอย่างด้วย หากบอกเรื่องนี้กับนางตามตรงก็เกรงว่านางจะมิยอมรับ

“รอจังหวะก่อน พวกหอพิษกู่เพิ่งไปถึงก็น่าจะซ่อนตัวก่อน จงติดต่อกับสายลับต่อไป”

“ขอรับ”

พอคิดว่าหอพิษกู่สามารถทรยศราชสำนักและไปพึ่งพาเผ่าปิงชวน เดิมทีขุมกำลังอยู่ที่ต้าโจวแต่ตอนนี้ถูกบีบบังคับให้ย้ายไปที่เผ่าปิงชวน พวกเขาคงสูญเสียไปมิน้อยเลย

ดังนั้นช่วงสองสามปีนี้ก็มิน่าออกมาก่อความวุ่นวายอีก เพียงแต่วันหน้าก็ยังเป็นตัวอันตรายอยู่ดี

สำหรับมู่จวินฮานแล้ว เหล่าขุนนางที่โดนหอพิษกู่สังหารแม้มิใช่บุคคลสำคัญแต่ก็นำมาซึ่งความหวาดกลัวในใจผู้คน นอกจากนี้ถ้าหอกู่พิษยังทำอย่างเปิดเผยต่อไป มีขุนนางล้มตายบ่อยครั้ง ราชสำนักก็ต้องสั่นคลอนแน่นอน

ดังนั้นการกำจัดหอพิษกู่เป็นสิ่งที่เขาต้องทำ

“ข้าจะไปเรือนพระชายา”

“ท่านอ๋องจะบอกเรื่องนี้กับพระชายาจริงหรือขอรับ ? ” ชิงเฟิงเอ่ยถามเพราะคิดว่ามิถูกต้อง

“ข้าจะไปมีความสุขกับพระชายา เจ้าก็จักตามไปด้วยหรือ ? ”

มู่จวินฮานหันมามองและคำพูดของเขาก็ทำให้ชิงเฟิงหูแดง

“ไม่ไม่ไม่ บ่าวมิกล้าขอรับ”

ชิงเฟิงตอบพลางคิดในใจว่าท่านอ๋องเปลี่ยนเป็นคนขี้เล่นตั้งแต่เมื่อไร

พอเห็นมู่จวินฮานเดินออกไปสองสามก้าว ชิงเฟิงก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกแต่แล้วท่านอ๋องก็หันกลับมามองอีกครั้งทำให้ชิงเฟิงต้องสูดหายใจเข้าลึก

“หรือจะบอกว่าเจ้าคิดถึงปี้จูแล้วหรือ ? ”

เดิมทีมู่จวินฮานแค่อยากล้อเล่น แต่นึกมิถึงว่าชิงเฟิงจะหน้าแดงขึ้นกว่าเดิม ทำให้เขาแอบบ่นว่าหมดสนุกทันที

“บ่าวมิกล้าขอรับ” ชิงเฟิงก้มหน้าลง พอเงยหน้าขึ้นมาอีกครั้งมู่จวินฮานก็จากไปตั้งนานแล้ว

เฮ้อ โชคดีที่ท่านอ๋องออกไปแล้ว มิเช่นนั้นเขาต้องขายหน้าเป็นแน่

ทว่าพอมานึกแล้วเขาเองก็มิได้พบปี้จูมาหลายวัน แต่น่าเสียดายที่ตอนนี้ท่านอ๋องไปหาพระชายาแล้ว เขาก็อยากตามไปหาเด็กคนนั้นด้วย

“ท่านมาแล้วหรือเจ้าคะ”

ดูเหมือนอันหลิงเกอรู้ว่าคืนนี้เขาจะมาหาจึงมิเพียงชงชาไว้แต่ยังเตรียมขนมพร้อมสรรพ ทั้งยังเป็นขนมที่เขาชอบทานทั้งหมดด้วย

“ของพวกนี้เจ้าทำเองหรือ ? ”

มู่จวินฮานทานไปพลางถามไปด้วย อันหลิงเกอมิได้ตอบทว่ายื่นน้ำชาให้เขาดื่มแทน

“ลำบากเกอเอ๋อแล้ว”

เขามิเคยคาดคิดมาก่อนว่าคุณหนูใหญ่แห่งจวนโหวผู้มีชื่อเสียงจะลงมือทำขนมให้ทาน

ความรักและความใส่ใจเช่นนี้ มู่จวินฮานต้องจดจำไปทั้งชาติ

“ได้ยินว่าเมื่อครู่ทัวป๋าถิงฟางไปหาท่านหรือเจ้าคะ ? ” น้ำเสียงของอันหลิงเกอมีความหึงหวงอย่างเห็นได้ชัด

เป็นธรรมดาที่มู่จวินฮานจะฟังออก เขาจึงคลี่ยิ้มแล้วโอบเอวนางเบา ๆ

“หึงข้าหรือ ? ”

“มิใช่สักหน่อยเจ้าค่ะ”

ท่าทางงุ่นง่านของอันหลิงเกอทำให้มู่จวินฮานชอบใจมิน้อย เขาดึงมือนางมาจับแล้วให้นางนั่งบนตักของเขา

“ข้าก็มาหาเกอเอ๋ออยู่นี่ เจ้าคิดว่าเช่นไรล่ะ ? ”

อันหลิงเกอมิได้กล่าวอันใด นางย่อมรู้ดีอยู่แล้วว่ามู่จวินฮานมิได้คิดอันใดกับทัวป๋าถิงฟาง แม้ตอนนี้ในใจมีความสุขแต่ก็ไม่แสดงออกมา

“นี่ก็ดึกแล้ว เกอเอ๋อเห็นใจข้าหน่อยเถิด มานอนกับข้าดีหรือไม่ ? ” อันหลิงเกอหน้าแดงแต่ก็มิได้ปฏิเสธ

พูดดีว่านอนด้วยกัน แต่นางมิได้นอนทั้งคืน

เช้าวันรุ่งขึ้น ในจวนมีข่าวแพร่ไปทั่วว่ามู่เหล่าหวางเฟยป่วยหนัก

ในสายตาของอันหลิงเกอคือในเมื่อมู่เหล่าหวางเฟยมิอยากออกจากจวนแล้วแสร้งป่วยก็ว่าไปอย่าง แต่ก็ไม่จำเป็นต้องทำให้ป่วยหนักจริง ๆ อันหลิงเกอยังมิรู้ว่านี่ก็เป็นกับดักอีกอย่างที่มู่เหล่าหวางเฟยเตรียมไว้ให้นาง

“เหล่าหวางเฟย บ่าวเปลี่ยนหมอหลวงให้ท่านดีหรือไม่เจ้าคะ” ฟางจูเอ่ยถามเพราะเป็นห่วง

“มิต้อง เรียกพระชายามา นางรู้วิชาแพทย์ก็ให้รักษาข้าแล้วกัน”

ฟางจูเข้าใจความหมายของมู่เหล่าหวางเฟย เพียงคิดว่าตอนนี้อีกฝ่ายป่วยจนมีสภาพเยี่ยงนี้แล้ว สิ่งที่ควรคิดเป็นอย่างแรกมิควรเป็นอันหลิงเกอ

“แต่…”

“ไม่มีแต่อันใดทั้งนั้น รีบไป”

มู่เหล่าหวางเฟยรู้ว่าขอแค่กำจัดอันหลิงเกอได้ นางก็จะอยู่ในจวนอ๋องแห่งนี้ได้อย่างสงบสุข มิอย่างนั้นอันหลิงเกอก็จะกลายเป็นตัวปัญหาตลอดไป

“เจ้าค่ะ”

ฟางจูตอบรับอย่างปวดใจเพราะท้ายที่สุดร่างกายของมู่เหล่าหวางเฟยสำคัญ และนางก็เข้าใจว่าหากมิใช่อันหลิงเกอแล้ว มู่เหล่าหวางเฟยมิสามารถรักษาอาการป่วยได้โดยง่าย

“พระชายามาแล้วเจ้าค่ะ” ทันใดนั้นดวงตาของมู่เหล่าหวางเฟยก็เป็นประกาย

“ท่านอ๋องก็มาด้วยเจ้าค่ะ”

ฟางจูเอ่ยขึ้นมาอีกครั้งเบา ๆ เพราะนึกมิถึงว่าท่านอ๋องจะเริ่มหวาดระแวงมู่เหล่าหวางเฟยจนมิปล่อยให้อยู่กับพระชายาตามลำพัง

“ได้ยินว่าหมู่เฟยป่วยหนัก ลูกจึงพาเกอเอ๋อมาเยี่ยมขอรับ”

เห็นได้ชัดว่านางเป็นคนเรียกอันหลิงเกอมาหา แต่ถูกมู่จวินฮานพูดเปลี่ยนความหมายไปเสียได้

“ลำบากจวินฮานแล้ว”

จากนั้นมู่เหล่าหวางเฟยก็ได้แต่คลี่ยิ้ม นางยื่นมือออกไปเพื่อส่งสัญญาณให้อันหลิงเกอมาจับชีพจร

อันหลิงเกอมิได้ปฏิเสธ เพราะอย่างน้อยนางก็มีความเชื่อมั่นอย่างหนึ่งว่าหากมู่เหล่าหวางเฟยคิดทำร้าย นางก็สามารถแก้ไขสถานการณ์ได้เป็นอย่างดี

เป็นอย่างที่คิดเพราะเมื่อจับชีพจรของมู่เหล่าหวางเฟยแล้ว นางถึงพบว่าอีกฝ่ายโดนพิษ

ดูจากอาการในตอนนี้ก็เป็นการจงใจสร้างขึ้นมา

เหมือนว่ามู่เหล่าหวางเฟยอยากใช้ยาพิษนี้มากำจัดนาง

แต่ขณะที่อันหลิงเกอกำลังตรวจอาการและเขียนใบสั่งยานั้น นางก็พบว่าชีพจรของมู่เหล่าหวางเฟยมีบางอย่างที่แปลกไปอย่างกะทันหัน

ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้เอง !

ในอดีตมู่เหล่าหวางเฟยดื่มยาพิษที่ฮ่องเต้ประทานให้มาโดยตลอด แม้เจ็บปวดแต่ก็กดมันไว้ ดูเหมือนวิธีที่ใช้กดยาพิษในตอนนี้ก็คือใช้พิษอีกชนิดมาต้าน

หากเป็นเยี่ยงนี้พิษที่นางค้นพบก็คือพิษที่มู่เหล่าหวางเฟยใช้กดพิษอีกตัวในยามปกติและหากนางแก้พิษนี้ได้ก็จะทำให้อาการเดิมของมู่เหล่าหวางเฟยกลับมากำเริบอีกครั้ง แน่นอนว่าอาการป่วยก็จะแย่กว่าเดิม

ที่แท้กับดักของมู่เหล่าหวางเฟยก็อยู่ตรงนี้เอง !

เมื่อนึกได้ดังนั้นอันหลิงเกอก็คลี่ยิ้ม โชคดีที่นางเผื่อใจจับชีพจรนานไปอีกเล็กน้อย

มิเช่นนั้นคงติดกับมู่เหล่าหวางเฟยเข้าแล้ว

“หมู่เฟยนอนลงเจ้าค่ะ ลูกจะฝังเข็มให้”

มู่เหล่าหวางเฟยมิได้ปฏิเสธ นางเพียงรอให้อาการเก่าของตนกำเริบเพราะอยากดูว่าอันหลิงเกอจะอธิบายเยี่ยงไร ?

หากเป็นผู้อื่นก็ย่อมเข้าใจได้ แต่เพราะนางและอันหลิงเกอมีความแค้นต่อกัน ทุกสิ่งที่อันหลิงเกอทำไปทั้งหมด ผู้อื่นก็จะเห็นเป็นเจตนาร้าย เมื่อถึงเวลานั้นจวินฮานก็จะมิยอมเชื่อคำพูดของอันหลิงเกออย่างแน่นอน

อันหลิงเกอมองมู่เหล่าหวางเฟยที่กำลังนอนอยู่บนเตียงแล้วอดถอนหายใจออกมามิได้ เพื่อจัดการกับนางแล้วสตรีคนนี้ถึงขั้นมิสนอันใด แม้มู่เหล่าหวางเฟยรู้ว่าหากพิษเก่ากำเริบขึ้นเมื่อไรก็อาจรักษามิได้แม้แต่ชีวิต หมายความว่ามู่เหล่าหวางเฟยเกลียดนางและมารดาเพียงนี้เชียวหรือ ?

หรือจะบอกว่าเดิมทีก็ไม่คิดอยู่ร่วมแผ่นดินเดียวกับพวกนางอยู่แล้ว ?