ตอนที่ 250 ตัวประกันผู้หยิ่งผยอง

ปาฏิหาริย์รัก เทพธิดาจำแลง

ถังซีฝังเข็มให้เฉียวอวี่ซินหลังจากนวดให้นาง เธอรักษาให้เฉียวอวี่ซินเสร็จก็หกโมงเย็นแล้ว หลังจากบอกลาเฉียวอวี่ซิน เธอก็ปฏิเสธอาห้าที่เสนอจะไปส่งเธอกลับบ้าน “คุณควรอยู่เฝ้าที่นี่ คอยดูแลความปลอดภัยให้คุณป้าดีกว่า ฉันคิดว่าผู้ชายคนนั้นไม่ล้มเลิกความตั้งใจง่ายๆ หรอก ฉันกลัวว่าคุณป้าเฉียวคนเดียวอาจรับมือไม่ได้”

 

 

อาห้าคิดอยู่ครู่หนึ่ง นายน้อยสั่งให้เขาอยู่ที่นี่คอยปกป้องคุณท่าน และเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีอันตรายใดๆ เข้าใกล้นางได้ คุณหนูเซียวคงกลับบ้านเองได้ไม่มีปัญหาอะไร เขาจึงกล่าวว่า “ตกลงครับ ระหว่างทางระวังตัวด้วยนะครับ คุณหนูเซียว”

 

 

เฉียวเหลียงซื้อที่ดินผืนนี้ในเขตชานเมืองและสร้างบ้านพักที่นี่ การเดินทางเข้าออกจึงไม่สะดวกนัก ถังซีต้องเดินไปไกลพอสมควร กว่าจะไปถึงบริเวณบ้านพักอาศัยที่มีรถบัส อย่างไรก็ตามก่อนที่เธอจะเดินไปถึงบริเวณที่มีบ้านพักอาศัยก็มีรถคันหนึ่งมาจอดลงตรงหน้าเธอ

 

 

ถังซีหยุด เหลือบมองไปที่รถซึ่งจู่ๆ ก็มาจอดตรงหน้า แล้วยิ้ม ทันใดนั้นประตูรถก็เปิดออก ชายคนหนึ่งลงจากรถ ถังซีมองชายที่หน้าคุ้นๆ ผู้นี้และเลิกคิ้ว “ประธานลู่ คุณรอฉันอยู่ตรงนี้หรือ” เธอมั่นใจว่าลู่กวงสยงต้องมีเจตนาชั่วร้ายซ่อนอยู่แน่ๆ ที่มารออยู่ตรงนี้ เขาอยากได้ข้อมูลเกี่ยวกับคุณป้าเฉียวจากเธอ หรือจะจับเธอเป็นตัวประกันเพื่อขู่เฉียวเหลียง เพราะเขาล่วงรู้ความสัมพันธ์ของเธอกับเฉียวเหลียง

 

 

ลู่กวงสยงเกลียดสีหน้าสงบนิ่งและมั่นใจบนใบหน้าถังซี เขาหรี่ตาลงและถามอย่างขัดเคือง “เธอไม่กลัวเหรอ”

 

 

ถังซียิ้ม เงยหน้าขึ้นมองลู่กวงสยง “ในเมื่อคุณยังไม่กลัว แล้วทำไมฉันต้องกลัวด้วย แต่ฉันอยากเตือนคุณก่อนนะ คุณลู่ คุณแน่ใจแล้วหรือว่าจะรับผลที่ตามมาจากการลักพาตัวฉันได้”

 

 

ทันใดนั้นโทรศัพท์ของเธอก็ดังขึ้น ลู่กวงสยงพุ่งเข้ามาจะคว้าโทรศัพท์ แต่เธอรีบก้าวถอยหลังแล้วรับสาย “ฮัลโหล พี่เหยา” เธอชี้หน้าลู่กวงสยง เตือนไม่ให้เขาขยับเข้ามา หากเขากล้าคว้าโทรศัพท์ของเธอ เธอจะตะโกนเข้าไปขอความช่วยเหลือ

 

 

ด้วยรู้ดีว่าถังซีเป็นเด็กฉลาด ลู่กวงสยงจึงไม่กล้าทำอะไรหุนหันพลันแล่น เขาเฝ้ามองเธอพูดโทรศัพท์อย่างระมัดระวัง

 

 

เป็นอย่างที่เขาคาดไว้ ถังซีไม่ได้ขอความช่วยเหลือหรือส่งสัญญาณใดๆ กับอีกฝ่าย

 

 

เซียวเหยาถามว่า “เธออยู่ที่ไหน พี่จะไปรับ”

 

 

ถังซีเลิกคิ้ว “พี่บอกว่ากำลังจะไปต่างประเทศไม่ใช่เหรอ ฉันคิดว่าพี่อยู่บนเครื่องบินแล้วเสียอีก”

 

 

“ภารกิจถูกยกเลิก พี่ไปรับเธอที่โรงเรียน แต่เธอไม่ได้อยู่ที่นั่น เพื่อนร่วมชั้นของเธอบอกว่าเธอออกมาตั้งแต่ตอนเที่ยง เธออยู่ที่ไหนพี่จะไปรับ”

 

 

“ฉันมาเยี่ยมคุณป้าเฉียวค่ะ ตอนนี้กำลังเดินทางกลับบ้าน พี่ไม่ต้องมารับหรอกค่ะ”

 

 

เซียวเหยากล่าวว่า “มาทานอาหารค่ำด้วยกันที่บ้านสิคืนนี้”

 

 

ถังซีส่งเสียงตอบรับจากลำคอ แล้วกล่าวลาก่อนจะวางสายโทรศัพท์ ลู่กวงสยงถามอย่างเยือกเย็น “เธอคุยโทรศัพท์กับใคร”

 

 

ถังซีเก็บโทรศัพท์ลงในกระเป๋าเป้สะพายหลัง ก่อนเงยหน้าขึ้นมองลู่กวงสยงที่เฝ้ามองอย่างระแวดระวัง เธอยิ้มและเลิกคิ้ว “ในเมื่อคุณกลัวว่าฉันจะบอกกับคนอื่น ทำไมคุณไม่ไปส่งฉันที่บ้านเฉยๆ ล่ะ จะได้สบายใจกันทุกฝ่าย”

 

 

ลู่กวงสยงหน้าบึ้ง จ้องมองเธอเขม็งอย่างเย็นชา และตะคอกอย่างแรง “ส่งเธอกลับบ้านงั้นเหรอ! บริษัทฉันกำลังจะพังพินาศ! ในเมื่อเฉียวเหลียงยืนยันที่จะทำลายบริษัทที่ฉันหวงแหนที่สุด ฉันก็จะทำลายแฟนมัน! ฉันจะดูซิว่ามันจะเลือกทำลายฉันหรือช่วยแฟนมัน!”

 

 

ถังซีรู้ว่าร่างกายเธอคงไม่สามารถต่อสู้กับลู่กวงสยงได้ จึงยกมือขึ้นยอมแพ้ “ตกลงประธานลู่ ในเมื่อคุณยืนยันว่าจะทำแบบนี้ ฉันจะไม่ต่อต้าน ตราบใดที่คุณไม่ทำร้ายฉัน”

 

 

เธอจะบาดเจ็บอีกต่อไปไม่ได้แล้วนะ ร่างกายเธอประท้วง

 

 

ลู่กวงสยงไม่คาดคิดว่าถังซีจะพูดง่ายอย่างนี้ และคิดว่าเธอน่าจะมีแผนการบางอย่าง เขาจึงกล่าวอย่างเยือกเย็นว่า “ถ้าเธอกล้าเล่นตุกติกกับฉัน ฉันจะฆ่าเธอซะ! เฉียวเหลียงจะต้องเสียใจไปตลอดชีวิต!”

 

 

ถังซียิ้ม เดินไปขึ้นรถราวกับไม่ได้ถูกลักพาตัว เธอมองดูลู่กวงสยงซึ่งยังคงยืนอยู่นอกรถแล้วเลิกคิ้ว “คุณทำตัวไม่เหมือนเป็นพ่อเฉียวเหลียงเลย แต่เหมือนเป็นศัตรูคู่อาฆาต สิ่งที่คุณทำกับเขาไม่ใช่สิ่งที่พ่อจะทำกับลูกชาย และสิ่งที่เฉียวเหลียงทำกับคุณก็ไม่ใช่สิ่งที่ลูกชายจะทำกับพ่อ ฉันจินตนาการได้เลยว่าคุณทำร้ายเขามามากมายขนาดไหน”

 

 

ใบหน้าลู่กวงสยงถมึงทึง เขาหรี่ตาลง ขึ้นไปนั่งบนรถ สตาร์ตรถและกล่าวอย่างเยือกเย็น “ไม่ใช่เรื่องของเธอ”

 

 

“ใช่ จริงๆ แล้วไม่ใช่เรื่องของฉัน แต่ฉันอยากเตือนคุณ ประธานลู่ คุณควรรู้ว่าฉันเป็นใคร ก่อนจะลักพาตัวฉัน ระวังจะได้ไม่เท่าเสียนะ” ขณะพูดถังซีก็หลับตาลงพักสายตา แล้วจู่ๆ เธอก็คิดอะไรออกบางอย่าง เธอลืมตาขึ้นมองลู่กวงสยงซึ่งใบหน้าดูเคร่งเครียด แล้วกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ยังไงก็ตาม ประธานลู่ ถ้าคุณตัดสินใจจะปล่อยตัวฉัน ช่วยจอดที่ทางแยกที่สองของถนนช็องเซลีเซนะ ฉันมีบางอย่างต้องไปทำที่นั่น”

 

 

ลู่กวงสยงไม่เคยเห็นตัวประกันคนไหนหยิ่งผยองอย่างนี้มาก่อน เธอแน่ใจได้ยังไงว่าเขาจะปล่อยตัวเธอ ถังซีมองใบหน้าถมึงทึงของลู่กวงสยงในกระจกมองหลัง และดีใจที่ได้ช่วยเฉียวเหลียงระบายความโกรธแค้น

 

 

ลู่กวงสยงไม่ยอมปล่อยถังซี แต่พาเธอไปที่โรงงานร้างแห่งหนึ่ง ถังซีมองดูโรงงานขนาดใหญ่ ยิ้มอยู่ในใจ แล้วกล่าวออกมาว่า “ทำไมต้องเป็นโรงงานร้างทุกครั้งในการลักพาตัว”

 

 

ลู่กวงสยงคว้าเป้ของถังซีไป หญิงสาวก็ไม่ได้พยายามยื้อแย่งกลับคืนมา เธอรู้ดีว่าทันทีที่เธอตอบโต้ เธอต้องได้รับบาดเจ็บแน่นอน ก่อนที่ 008 จะแจ้งเธอว่าทักษะอเนกประสงค์ใช้งานได้แล้ว เธอควรเชื่อฟังเขา ไม่อย่างนั้นเขาอาจทำร้ายเธอ

 

 

เมื่อเห็นว่าถังซีเชื่อฟังดีมาก ลู่กวงสยงก็คำรามอย่างไม่พอใจ เธอเป็นแค่เด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ จะไม่กลัวเลยได้ยังไง!

 

 

ถังซีมองดูลู่กวงสยงแล้วรู้สึกเสียใจกับเฉียวเหลียงจริงๆ ในความเป็นจริงเฉียวเหลียงสามารถนำตัวลู่กวงสยงเข้าคุกได้อย่างง่ายดาย แต่เขาไม่ทำ เพราะเขากำลังรอคำขอโทษอย่างจริงใจจากลู่กวงสยง น่าเสียดายที่ลู่กวงสยงดูเหมือนจะไม่เสียใจกับสิ่งใดๆ ที่ทำลงไปเลย

 

 

ลู่กวงสยงดึงเชือกออกมามัดถังซี ถังซีรีบบอกว่า “เฮ้ หาเก้าอี้มาสักตัวสิ ถ้าคุณมัดฉันติดกับเก้าอี้ฉันจะหลบหนีไม่ได้เลยนะ เป็นมืออาชีพหน่อยสิ!”

 

 

ในใจเธอคิดว่า ถ้ามีเก้าอี้ให้นั่งสักหน่อย ฉันก็จะไม่เมื่อย…

 

 

ลู่กวงสยงไม่รู้ว่าเธอคิดอะไรอยู่ เขาคำรามขณะมัดเธอไว้กับท่อเหล็กขนาดใหญ่ แล้วขู่ด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ “อย่าพยายามใช้กลอุบายอะไรเลยดีกว่า ถ้าเฉียวเหลียงให้เงินฉันสองพันล้านหยวนเมื่อไหร่ ฉันจะปล่อยเธอไป หรือถ้าไม่งั้นฉันก็จะบอกให้มันมาเก็บศพเธอ”