ความจริงพิสูจน์ว่า ป่ายเช่าถางไม่เสียแรงว่าเป็นร้านขายยาจีนที่ใหญ่สุดในจ๊กกลาง ถึงแม้ไม่มีกล้วยไม้เจียผี กลับเอาสมุนไพรที่มีอายุห้าสิบปีออกมาได้สองชุด และเห็ดหลินจือร้อยปีอีกอัน!
บวกกับสมุนไพรที่กระจัดกระจายพวกนั้น มีมากมายจนรวมกันขึ้นมาเย่เทียนก็จ่ายเป็นจำนวนสิบสามล้านRMB
ไม่เพียงนำบัตรใบนั้นที่เฉินหวั่นชิงให้มารูดจนหมดเกลี้ยง แม้แต่เงินที่หามาเองส่วนตัวยังถลุงไปทั้งหมด จมสู่ชนชั้นยาจกอีกครั้ง
นี่เป็นเรื่องที่ไม่มีทางทำอะไรได้ ปกติโสมภูเขาแก่ร้อยปีขึ้นไป มักจะขายเป็นกรัม ของล้ำค่าด้านในป่ายเช่าถางเป็นโสมสองร้อยกรัมเต็มๆ เพียงแค่มันอย่างเดียว เย่เทียนก็จ่ายไปด้วยราคาเจ็ดล้านกว่า
ความกล้าได้กล้าเสียของเย่เทียนนั้นไม่ต้องพูดถึงหยางหย่งซิน แม้แต่ซูเหมยยังตะลึงอยู่บ้าง
ยิ่งรู้จักเย่เทียน เธอกลับยิ่งมองเย่เทียนไม่ออก
ตอนเจอกันครั้งแรกในสภาพตกอับอยากทำงานที่ผับดรุณียั่วรัก นี่เพิ่งผ่านมานานแค่ไหน ยังควักเงินสิบล้านกว่าออกมาแบบไม่สะทกสะท้าน
นี่คือสิบกว่าล้านเต็มๆ เพียงแค่เอามาทุบยังทุบคนจนตายได้ ต่อให้เป็นคนที่ตนเองและครอบครัวร่ำรวยแค่ไหน คงไม่อาจสงบนิ่งขนาดนี้ได้กระมัง?
ไม่ว่าจะพูดอย่างไร หลังจากรบกวนหยางหย่งซินนำตัวยาสมุนไพรส่งกลับไปไว้ที่ตระกูลซู เย่เทียนภายใต้การนำทางของซูเหมย ก็ขับรถเข้าไปร้านขายยาขนาดใหญ่อีกแห่งหนึ่งอย่างคล่องแคล่ว
ถึงแม้หยางหย่งซินจะบอกว่าปัจจุบันนี้ทั้งจ๊กกลางไม่มีกล้วยไม้เจียผีขายแล้ว แต่โดยเฉพาะนี่เป็นเรื่องเกี่ยวกับความปลอดภัยของท่านปู่ซู ไม่วิ่งไปด้วยตนเองสักรอบซูเหมยจะยินยอมได้อย่างไรกัน?
ตามองเห็นเงารถของลัมโบร์กีนีหายลับถึงที่สุด หยางหย่งซินที่ส่งทั้งสองคนออกนอกประตูไปแล้วถึงได้คลำเอามือถือออกมา ต่อสายไปยังหมายเลขหนึ่งแล้ว
“พ่อครับ มีธุระอะไรเหรอ?” ไม่นานโทรศัพท์ทางนั้นก็มีคนรับสาย มีเสียงคนอายุน้อยเสียงหนึ่งดังขึ้น
“ซูเหมยยัยเด็กคนนั้นกลับมาแล้ว ยังพาชายหนุ่มคนหนึ่งมาด้วย”
หยางหย่งซินพูดกำชับว่า “เย็นวันนี้แกไปนัดซูเย่าหมิงมาดื่มเหล้า ถามเขาหน่อยว่าผู้ชายคนนี้มีที่มายังไง”
“พ่อครับ ไม่ใช่แค่ผู้ชายคนหนึ่งเองเหรอ ไม่แน่ว่าอาจจะเป็นคนรักของซูเหมย จำเป็นต้องใส่ใจขนาดนี้เลยเหรอครับ?”
“ไอ้เด็กเวร แกจริงจังให้ฉันหน่อย! เจ้าหมอนั่นจะต้องไม่ธรรมดาขนาดนั้นแน่!”
หยางหย่งซินยักคิ้วขึ้นเล็กน้อย พูดแจ้งเตือนว่า “เมื่อกี้เขามาที่ป่ายเช่าถางทางนี้ใช้จ่ายไปถึงสิบสามล้านกว่าอย่างไม่ลังเลสักนิด ฐานะทางบ้านต้องไม่ธรรมดาแน่”
“ยิ่งไปกว่านั้น เจ้าหนุ่มนั่นยังบอกใบสั่งยาแก้พิษต้นวิสทีเรียออกมาด้วย!”
เวลานี้ ในที่สุดคุณชายตระกูลหยางจากปลายสายทางนั้นจริงจังขึ้นมาแล้ว
“อะไรนะ? เจ้าหนุ่มคนนั้นรู้ใบสั่งยาแก้พิษต้นวิสทีเรียด้วย?”
“สรุปแล้ว คืนนี้แกนัดซูเย่าหมิงออกมาลองถามรายละเอียดของเขาดูก่อน”
วางสายโทรศัพท์ลง มุมปากหยางหย่งซินเผยรอยยิ้มที่ชั่วร้ายออกมา “เย่เทียน ไม่ว่าสรุปแล้วนายมาช่วยตระกูลซูหรือไม่ ยังไงก็ไม่อาจมาแย่งเหมืองหินหยกกับพวกฉันได้!”
……
เย่เทียนกับซูเหมยวิ่งไปร้านขายยาขนาดใหญ่ทั้งสองแห่งที่ไม่ได้เป็นของตระกูลหยางติดต่อกันแล้ว แต่ผลที่ได้รับก็เหมือนกับที่หยางหย่งซินพูดไว้ เมื่อสองอาทิตย์ก่อนกล้วยไม้เจียผีถูกคนเหมาซื้อไปหมดแล้ว สินค้าเข้าเร็วที่สุดต้องสักสิบวันถึงจะได้
นี่ทำให้เย่เทียนสีหน้าอึมครึมขึ้นมาถึงที่สุด
เขารู้ดีมาก คนที่ซื้อกล้วยไม้เจียผีไปไม่ใช่กำลังพุ่งเป้ามาที่ซูหงจวิน แต่ว่าพุ่งเป้าไปยังคนที่ช่วงชิงเหมืองหินหยกทั้งหมด
ต่อให้โชคดีแย่งเหมืองหินหยกจากในมือพวกเจ้าเล่ห์ได้แล้วจะเป็นอย่างไรล่ะ? แก้ไขปัญหาพิษของต้นวิสทีเรียไม่ได้ ก็ไม่มีใครกล้าลงไปขุดเหมือง! ยิ่งไปกว่านั้นยังมีงูจื่อขุยด้วยล่ะ!
แต่ กลับไม่ใช่ว่าไม่มีข่าวดีเลย
ด้านในร้านขายยาขนาดใหญ่แห่งที่สาม ผู้รับผิดชอบบอกทั้งสองคนว่าตอนบ่ายสามโมงที่ทางทิศตะวันออกของจ๊กกลางทางนั้นจะมีงานประมูลสมุนไพรชื่อดังและมีมูลค่าขนาดเล็กอยู่ สามารถไปเสี่ยงโชคเอาทางนั้นดูได้
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ไม่ว่าจะพูดอย่างไรกล้วยไม้เจียผีก็เป็นสมุนไพรจีนที่โด่งดังอย่างหนึ่ง เรียกได้ว่าเป็นยักษ์ใหญ่ในวงการยา ไม่ใช่ว่าไม่อาจปรากฏในงานประมูลได้
ตอนที่ได้ยินข่าวนี้ครั้งแรก เย่เทียนเกือบจะตบปากของตนเองอย่างรู้สึกเสียใจที่ทำแบบนั้นลงไป
รู้แต่แรกว่ายังมีงานประมูลอันนี้ ทำไมเขาถึงรีบร้อนใช้เงินที่ป่ายเช่าถางไปก่อนล่ะ? อย่างน้อยเย่เทียนจะเลือกไม่ซื้อสมุนไพรห้าสิบปีสองอันนั้นมาก่อน
โชคดีที่ซูเหมยบอกว่าหลายปีมานี้ที่เธอเปิดผับเก็บเงินส่วนตัวได้เกือบสิบล้านแล้ว ถึงไม่เกิดภาพตกอับที่กลับไปหาท่านปู่ซูเพื่อขอเงิน
แต่ หาซื้อกล้วยไม้เจียผีไม่ได้ติดต่อกัน อารมณ์ของซูเหมยเลี่ยงที่จะไม่รู้สึกหงอยเหงาอยู่บ้างได้ยาก เย่เทียนเชื่อว่า ถ้างานประมูลนี้ยังจบลงด้วยการไม่ได้อะไรอีก เกรงว่าหญิงสาวคนนี้คงจะทนไม่ไหวร้องไห้ออกมาแน่
“เสี่ยวเหมย เธอเข้าใจงานประมูลสมุนไพรชื่อดังขนาดเล็กนี้ไหม?”
พิจารณาถึงตรงนี้ เย่เทียนที่ขับรถอยู่อดส่งเสียงถามไม่ได้ พยายามให้หญิงสาวอย่าไปคิดเรื่องราวไม่ดีพวกนั้น
“รู้มาประมาณส่วนหนึ่ง”
ซูเหมยฝืนมีชีวิตชีวาขึ้น พูดปลุกเร้า “ไม่เหมือนกับเจียงหนัน จ๊กกลางเป็นเมืองภูเขา โดยรอบมีเทือกเขาอยู่ไม่น้อยที่ไม่ได้พัฒนาเท่าไร”
“ก่อนหน้านี้มีเกษตรกรท้องถิ่นไม่น้อยเก็บสมุนไพรจีนที่ล้ำค่าได้ แต่ส่วนมากถูกร้านขายยาขนาดใหญ่ใช้ราคาที่ดีกว่ารับซื้อไว้ พอนานวันเข้าเกษตรกรที่เก็บสมุนไพรขายก็ไปเพียงที่ร้านขายยาใหญ่แล้ว
“ภายใต้ความจำใจ ร้านขายยาเล็กๆ ถือโอกาสรวมตัวกันแล้ว ใช้รูปแบบงานประมูลมาช่วงชิงสมุนไพรจีนล้ำค่าในมือเกษตรกรมา”
“หลังจากทำมาหลายปีติดกันแล้ว ชื่อเสียงจึงค่อยๆ มีขึ้นมาแล้วเหมือนกัน ก็แค่คนร่ำรวยบางส่วนที่อยากจะซื้อสมุนไพรจีนชื่อดังล้วนมาเข้าร่วม”
“แต่ทว่า โดยเฉพาะงานประมูลแบบนี้ไม่มีคนในระบบยุติธรรมอะไรเข้ามาเกี่ยว และทั้งประมูลในงาน จ่ายเงินในงาน เป็นการทดสอบพลังสายตาของแต่ละคนมาก”
“โดยเฉพาะที่บ้านฉันไม่ได้ทำธุรกิจทางนี้ ก่อนหน้านี้ฉันไม่เคยเข้าร่วม รอบนี้ถือว่าเป็นครั้งแรก”
เย่เทียนพยักหน้าเหมือนกำลังคิดอะไร คำพูดพวกนี้ของซูเหมยทำให้เขาเข้าใจปัญหาหนึ่งแจ่มแจ้ง
เกรงว่างานประมูลแบบนี้เป็นลักษณะส่วนตัว ไม่สามารถนำออกมาแสดงภายนอกได้
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถ้าอยากสืบสาวราวเรื่องขึ้นมาจริงๆ ที่มาของสมุนไพรนี้เกรงว่าล้วนเป็นปัญหา
คนเพื่อเงินทองแม้แต่ชีวิตยังไม่สน ส่วนนกเพื่อช่วงชิงอาหารก็ยอมสูญเสียชีวิต!
บางทีคนที่เมื่อวานยังนั่งดื่มเหล้าสนิทสนมอยู่ด้วยกัน แต่วันนี้ไม่แน่ว่าอาจจะลงมือโหดเหี้ยมเพื่อสมุนไพรล้ำค่าที่ราคาแพงอันหนึ่งก็ได้
หมกมุ่นลังเลอยู่ครู่หนึ่ง สุดท้ายเย่เทียนแอบคลำหามือถือออกมา ส่งข้อความไปหาเฉินหวั่นชิงแล้ว
เนื้อหาง่ายดายมาก มีเพียงอักษรน้อยมากไม่กี่คำ
“งานประมูล ขาดเงิน!”
ถ้าไม่รู้งานประมูลนี้ก็แล้วไป แต่ในเมื่อรู้แล้ว เขาก็ไม่ถือสาที่จะถือโอกาสถลุงเงินสักก้อน
โดยเฉพาะ ก่อนหน้าที่ยังไม่รู้แน่ชัดว่าเหมืองหินหยกคือสถานการณ์แบบไหน เขาต้องอยากบุกทะลวงแดนที่สูงกว่า ต้องการตัวยาสมุนไพรที่ดีกว่าและมากกว่าอย่างไม่ต้องสงสัย
ระหว่างที่ทั้งสองพูดคุยกัน ในที่สุดก็เดินทางมาถึงสถานที่ของงานประมูล——คฤหาสน์หวงถิง
การป้องกันของที่นี่เข้มงวดที่สุด เพียงแค่หน้าประตูพนักงานรักษาความปลอดภัยที่ยืนเฝ้ายามก็มีมากถึงสิบกว่าคน มองผ่านรั้วเหล็กยังสามารถมองเห็นด้านในมีพนักงานรักษาความปลอดภัยสองสามคนเดินยามกลับไปกลับมา
“ทั้งสองท่าน กรุณาแสดงบัตรเชิญของพวกคุณด้วยครับ”
รถเพิ่งมาจอดสนิท มีพนักงานรักษาความปลอดภัยคนหนึ่งเข้ามาต้อนรับทันที
“พวกเราไม่มีบัตรเชิญ”
เย่เทียนยักคิ้วขึ้นเล็กน้อย “ทั้งสองท่าน ต้องขอโทษจริงๆ ครับ หน้าที่ของผมคือไม่สามารถปล่อยคนที่ไม่มีบัตรเชิญคนใดเข้าไปได้ครับ”
พนักงานรักษาความปลอดภัยกล่าวอย่างมีเหตุผลและซื่อตรง “หากทั้งสองท่านไม่มีบัตรเชิญ ขอเชิญกลับไปดีกว่าครับ!”