ตอนที่ 438: เซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงระดับ 6
เจี้ยนเฉินเดินไปข้างเตียงอย่างช้า ๆ และยื่นหน้าไปยังข้าง ๆ หูของเจียงหยางหู่ เขาพูดกระซิบเบา ๆ พี่ใหญ่ จำข้าได้หรือไม่ ? ข้า น้องสี่ของท่าน เจียงหยางเซียงเทียน
เจียงหยางหู่ที่ดวงตาเหม่อลอยราวกับไร้วิญญาณก็เริ่มสังเกตเห็นพวกเขา ขณะที่เขามองไปยังเจี้ยนเฉินอย่างช้า ๆ เจียงหยางหู่ยิ้มน้อย ๆ ก่อนที่จะพูดเสียงเบา ๆ นะ…น้องสี่…เจ้า…ในที่สุดเจ้า…ก็กลับมา…
เจี้ยนเฉินยิ้มน้อย ๆ เขาและเจียงหยางหู่สนิทกันมาตั้งแต่เล็ก ๆ แต่สิ่งที่เขาได้เห็นตอนนี้ทำให้เจี้ยนเฉินรู้สึกปวดใจอย่างมาก
เจี้ยนเฉินหันหน้ากลับไปยังคนที่อยู่ด้านหลังของเขา ท่านพ่อ ป้าใหญ่ ข้ามีคำพูดไม่กี่คำ ข้าอยากจะพูดกับพี่ใหญ่เป็นการส่วนตัวได้หรือไม่ ?
เจียงหยางป้าพยักหน้าเบา ๆ เซียงเทียน เจ้าลองปลอบโยนพี่ใหญ่ของเจ้าดูนะ ตกลงหรือไม่ ? จากนั้นเจียงหยางป้าก็ออกไปพร้อมกับป้าทั้งสองโดยเหลือเพียงมารดาของเจียงหยางหู่ หลิงหลงที่ยังคงยืนอยู่ที่นั่น
เจี้ยนเฉินเดินไปด้านข้างหลิงหลงและพูดเบา ๆ ว่า ท่านป้าใหญ่ ท่านไม่ต้องห่วง ข้าจะปลอบโยนให้พี่ใหญ่ได้สติแน่นอน ปล่อยให้ข้าพูดปลอบพี่ใหญ่ตอนนี้ ข้ามีวิธีที่จะทำให้เขาได้สติ ข้าต้องการให้ทุกคนออกจากห้องเพื่อที่ข้าจะได้พูดกับเขาได้
เมื่อได้ยินอย่างนี้ ตาของหลิงหลงก็หดตัวเมื่อตระหนักถึงความจริง แขนของนางสั่นขณะที่เอื้อมมือมาจับเขา เซียงเทียน ป้าขอร้องเจ้า เจ้าต้องปลอบพี่ใหญ่ของเจ้า ช่วยเขา ช่วยเขาให้มีชีวิตอยู่ ป้าขอร้องเจ้า ใบหน้าของหลิงหลงก็เต็มไปด้วยความยินดี นางรู้อย่างชัดเจนว่าลูกชายของนางอยู่ในสภาพไหนและรู้ว่าเขาไม่ต้องการมีชีวิต เขาไม่สามารถกินหรือดื่มด้วยตัวเองได้ ดังนั้นเขาจึงอยากจะตาย การใช้ชีวิตแบบนี้เป็นเรื่องที่ทรมานอย่างมาก
เจี้ยนเฉินพยักหน้า ท่านป้าใหญ่ ท่านไม่ต้องกังวล ข้าจะไม่ทำให้ท่านผิดหวัง เจี้ยนเฉินพูดยืนยันอย่างหนักแน่น
คำพูดของเจี้ยนเฉินเพียงพอที่จะทำให้ป้าใหญ่ของเขามีความหวัง ในที่สุดนางก็ได้สติกลับมาอีกครั้งและออกจากห้องโดยเหลือเพียงเจี้ยนเฉินและเจียงหยางหู่
เมื่อเห็นใบหน้าที่คุ้นเคย เจียงหยางหู่ก็เริ่มร้องไห้เมื่อเขาย้อนนึกไปถึงอดีตที่เขาอยู่ในสำนักคากัต เขาจำได้ว่าเขาถูกเฉิงหมิงเซียงของสำนักหัวหยุนรังแกจนบาดเจ็บสาหัส น้องสี่ของเขาก็มาแก้แค้นให้เขาโดยสู้กับเฉิงหมิงเซียงและนักเรียนคนอื่น ๆ กว่าโหล ในที่สุดเฉิงหมิงเซียงก็ถูกฟันจนแขนขาดและทำให้เจี้ยนเฉินต้องจากบ้านไปด้วยเพราะแก้แค้นให้เขา
เหตุการณ์ต่าง ๆ ในช่วงเวลาหลายปีมานี้ได้หลอกหลอนหัวใจของเจียงหยางหู่อย่างมาก เขารู้ตัวว่าเขาเป็นสาเหตุที่ทำให้น้องชายของเขาต้องออกจากบ้าน มันเป็นความผิดของเขาที่เป็นพี่ชาย เขารู้สึกอับอายต่อน้องสี่ของเขามาก สิ่งนี้ทำให้เจียงหยางหู่รู้สึกผิดเสมอเพราะเขามีส่วนทำให้น้องชายของเขาต้องทำเช่นนี้ เพราะมันเป็นเรื่องของเขาเอง
เมื่อข่าวคราวของน้องสี่หายไป หัวใจของเจียงหยางหู่ก็เริ่มคิดถึงสิ่งที่เลวร้ายที่สุด ตอนนี้น้องสี่ของเขาก็กลับมาแล้ว เจียงหยางหู่อดรู้สึกโล่งใจไม่ได้ ทำให้เขาเกือบลืมว่าเขาบาดเจ็บอยู่
เจี้ยนเฉินนั่งอยู่ข้าง ๆ เจียงหยางหู่ พี่ใหญ่ ข้ารู้ว่าท่านรู้สึกอย่างไร แต่ท่านต้องทำใจให้ได้ ให้เวลาข้าหน่อย น้องสี่ของท่านจะช่วยท่านฟื้นฟูแขนขาของท่านอย่างแน่นอน
จากคำพูดเหล่านั้น ใบหน้าของเจียงหยางหู่เริ่มมืดหม่น เขาถอนหายใจและตอบว่า น้องสี่ เจ้าไม่เข้าใจ เพื่อที่จะทำให้แขนขาข้างอกกลับมาได้ เราต้องหาเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงระดับ 7 พี่ใหญ่ไม่อาจยืนหยัดได้อีกต่อไป ใบหน้าของเจียงหยางหู่เริ่มมืดหม่นลงอีกครั้ง ทุกคนมองออกว่าเขาสูญเสียเหตุผลที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไป
เจี้ยนเฉินไม่ได้พูดอะไรอีก แต่เขายื่นแขนออกมาและทันใดนั้นพลังเซียนธาตุแสงก็เริ่มมารวมตัวกันระหว่างมือของเขา มันเป็นแสงสีขาวนวลและสว่างจ้า มันค่อย ๆ เข้มข้นขึ้นเรื่อย ๆ มีแสงระยิบระยับละลานตาไปทั่วทั้งห้อง
หากนี่ไม่ใช่ว่ามันเป็นเวลากลางวัน คนที่อยู่ด้านนอกจะสามารถมองเห็นแสงที่ส่องสว่างออกมาจากห้องได้
อีกด้านของประตู ไป๋หยุนเทียน แม่ของเจี้ยนเฉิน นางมองดูพลังเซียนธาตุแสงที่กำลังบินเข้าไปในห้องของเจี้ยนเฉินและเจียงหยางหู่อย่างประหลาดใจ ขณะที่แสดงสีหน้าตกใจออกมา
พลังเซียนธาตุแสงที่เข้มข้นขนาดนี้ ใครกันที่ทำแบบนี้ได้ ? เป็นไปได้หรือไม่… ทันใดนั้นไป๋หยุนเทียนก็รู้ตัวทันที ในฐานะที่เป็นเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงเช่นกัน นางสามารถรับรู้คลื่นพลังเซียนธาตุแสงและความเข้มข้นที่มันมารวมตัวกัน สิ่งที่ทำให้นางตกใจอย่างมากคือความจริงที่ว่านางไม่เห็นการการวบรวมพลังที่รวดเร็วและทรงพลังขนาดนี้ มีเพียงเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงระดับ 5 เท่านั้นที่จะทำแบบนี้ได้เป็นอย่างน้อย
หลังจากที่ออกจากห้องเจียงหยางหู่ เจียงหยางป้าและป้าคนอื่น ๆ ก็ยังรู้สึกเศร้า เพราะงั้นพวกเขาจึงไม่ได้สังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลันของไป๋หยุนเทียน
ในห้อง เจียงหยางหู่จ้องมองอย่างตกใจ เมื่อเห็นแสงสีขาวอยู่ระหว่างมือของเจี้ยนเฉิน เขาไม่อาจเชื่อในสิ่งที่เห็นได้ แต่เขารู้ว่าแสงพวกนี้คืออะไร มันคือพลังเซียนธาตุแสง มีเพียงเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงเท่านั้นที่สามารถใช้ได้
เจี้ยนเฉินเริ่มกดบอลแสงที่เป็นพลังเซียนธาตุแสงลงบนร่างกายของเจียงหยางหู่ หลังจากที่ถูกสัมผัสพลังเซียนธาตุแสง ความบริสุทธิ์ก็ท่วมท้นเจียงหยางหู่อย่างที่ไม่รู้สึกมาก่อน เขารู้สึกว่ามันเบาสบาย ความรู้สึกนี้เป็นสิ่งที่เซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงระดับต่ำไม่อาจทำได้
หลังจากช่วงเวลาสั้น ๆ เจี้ยนเฉินที่วางมือลงและหยุดใช้พลังเซียนธาตุแสง สัมผัสอันเบาสบายจากพลังเซียนธาตุแสงทำให้ใบหน้าที่ซีดจางของเจียงหยางหู่ดูดีขึ้นแม้แต่บาดแผลที่แขนขาของเขาก็หายเป็นปกติ ในเวลาเพียงไม่นานเจี้ยนเฉินก็ประสบความสำเร็จในสิ่งที่เซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงคนอื่น ๆ ไม่อาจทำได้
เจียงหู่พูดไม่ออกเนื่องจากตกใจ เขาจ้องมองเจี้ยนเฉินอย่างเงียบ ๆ เป็นเวลานาน
เจี้ยนเฉินนั่งลง เขาเห็นสีหน้าที่ตกใจของพี่ชายของเขา เจียนเฉินก็มองดูว่าหดหู่ใจ พี่ใหญ่ ท่านไม่รู้เรื่องนี้ น้องสี่ของท่านไม่เพียงแต่เป็นนักสู้ แต่ข้าก็เป็นเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงด้วยเช่นกัน ข้าเป็นเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงระดับ 6 อีกไม่กี่ก้าวข้าก็จะเป็นเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงระดับ 7 เมื่อถึงเวลานั้นข้าจะรักษาร่างกายให้ท่าน
ใบหน้าของเจียงหยางหู่รู้สึกตื่นเต้น ขณะที่มีน้ำตาไหล เสียงของเขาเริ่มสั่นขณะที่พูดว่า น้องสี่…คำพูดของเจ้า…เป็นเรื่องจริง ? เจ้าเป็นเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงระดับ 6 จริง ๆ ? ตอนนี้ ในที่สุดเจียงหยางหู่ก็มีเป้าหมายที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไป
เจี้ยนเฉินยิ้มน้อย ๆ พี่ใหญ่ ท่านไม่รู้สึกถึงมันงั้นหรือ ? พลังเซียนธาตุแสงที่ข้าสามารถควบคุมได้แข็งแกร่งกว่าเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงที่มารักษาท่านก่อนหน้านี้มาก
พี่ใหญ่ ท่านไม่ต้องวิตกกังวลมากไป บางทีข้าอาจจะฟื้นฟูแขนขาของท่านและทำให้ท่านกลับมาเป็นปกติได้อีกครั้ง ท่านต้องสัญญาว่าจะมีชีวิตอยู่จนกว่าวันนั้นจะมาถึง
เจียงหยางหู่ไม่อาจสรรหาคำมาอธิบายเกี่ยวกับความรู้สึกของเขาได้ในตอนนี้ คำพูดของเจี้ยนเฉินทำให้เจียงหยางหู่ละทิ้งความคิดที่จะตายลงไปและกลายมาเป็นความหวังที่เขาจะมีชีวิตอยู่ต่อ น้องสี่ เจ้าไม่ต้องห่วง พี่ใหญ่จะมีชีวิตต่อไปเพื่อรอเจ้าแน่นอน พี่ใหญ่ของเจ้าจะต้องมีชีวิตอยู่ต่อไป
เมื่อเห็นเงาแห่งความตายหายไปจากพี่ใหญ่ของเขา เจี้ยนเฉินยิ้มอย่างมีความสุขเต็มใบหน้าของเขาก่อนที่จะเรียกคนที่อยู่ด้านนอก
เจียงหยางป้าและหลิงหลงทั้งคู่เดินเข้ามาก่อนที่จะพบว่าเจียงหยางหูเต็มไปด้วยจิตวิญญาณ ความซึมเศร้าที่มีตอนแรกได้หายไปอย่างไร้ร่อยรอย การเปลี่ยนแปลงนี้ทำให้ทุกคนตกอยู่ในความตกใจและสับสน สิ่งที่เจี้ยนเฉินพูดปลอบโยนนั้นมีผลกระทบขนาดนี้เลย
ดวงตาของไป๋หยุนเทียนมองดูลูกชายของนางด้วยความรักความอ่อนโยนหลังจากที่เห็นสิ่งที่เกิดขึ้น
อาหู่ เจ้าดีขึ้นหรือไม่ ? หลิงหลงสังเกตเห็นถึงการเปลี่ยนแปลงของบุตรชายของนางและพูดออกมาด้วยความกังวล
เมื่อเห็นใบหน้าซีดเซียวของมารดา เจียงหยางหู่ได้แต่พูดปลอบโยนว่า ท่านแม่ ไม่ต้องกังวลอีกแล้ว ลูกของท่านจะต้องมีชีวิตอยู่ต่อไปแน่นอน
เมื่อคำพูดเหล่านี้ออกจากปากของลูกชายของนาง หลิงหลงรู้สึกราวกับว่าได้ยกภูเขาออกจากอก นางนั่งอยู่ข้างเตียงก่อนที่จะร่ำไห้น้ำตาไหลอีกครั้ง
ในขณะเดียวกัน กลุ่มคนกว่าพันคนก็ได้เข้ามาในเมืองลอร์ หลายคนถือธงสีเหลืองสดใจปลิวสะบัดไปตามสายลม บนธงมีอักษรขนาดใหญ่ว่า สำนักหัวหยุน ที่สามารถมองเห็นได้
เมื่อสงครามสิ้นสุดลง กลุ่มอำนาจทั้งหลายที่เข้าร่วมสงครามได้กลับบ้าน สำนักหัวหยุนได้กลับมาจากฐานที่มั่นทางใต้และกำลังเดินทางผ่านเมืองลอร์ไปยังสำนักของพวกเขา ผู้นำกลุ่มเป็นชายวัยกลางคน เขาคือเจ้าสำนักคนปัจจุบันของสำนักหัวหยุน เฉิงเฟยและเขายังเป็นบิดาของเฉิงหมิงเซียงอีกด้วย
ในเวลานั้นมีร่างเงาสีดำวิ่งเข้ามาอย่างรวดเร็วและมุ่งหน้าไปยังกลุ่มของสำนักหัวหยุนก่อนที่จะถูกคนที่ขี่สัตว์อสูร 2 คนขวางทาง
ผู้นำจำคนคนนั้นได้ทันทีและพูดว่า ให้เขาเข้ามา
ชายวัยกลางคนสองคนที่ขวางชายคนนั้นก็แยกตัวออกไปทันทีเพื่อให้คนชุดดำวิ่งผ่านไป เขาเข้าไปกระซิบบางอย่างกับผู้นำ
ทันใดนั้นตาของเฉิงเฟยก็เปล่งประกายอย่างเหี้ยมเกรียมขณะที่เขาตะโกน เจียงหยางเซียงเทียนกลับมาบ้านแล้ว ? เป็นเรื่องจริงรึ ?
เป็นความจริงแน่นอน ! คนชุดคำพูดอย่างตรงไปตรงมา
สายตาของเฉิงเฟยเริ่มเป็นประกายขณะที่เขาโบกมือ เดินต่อไป ! ไปยังคฤหาสน์เจียงหยาง !
สำนักหัวหยุนเปลี่ยนเส้นทางทันทีและเริ่มมุ่งหน้าไปยังตระกูลเจียงหยาง