เสียงของน้ำนั้นน่าตื่นเต้นนัก คลื่นปั่นป่วน ทะเลสีดำที่ดูกดดันอย่างมาก ดูเหมือนกำลังจะทำลายท้องฟ้านั้นไป หัวใจของทุกคนต่างก็กังวลตามกันไป และหายใจแทบไม่ออก และในวินาทีนี้ เสียงตุ๋ม คลื่นลดลง ผิวน้ำทะเลสงบเช่นเดิม เหลือเพียงคลื่นเล็กซัดอยู่บนพื้นผิวทะเลไปพร้อมกับสายลม
ในขณะที่ทุกคนคิดว่ามันกำลังจะจบลง พวกเขาเห็นเฟิ่งชิงเฉินยกมือขวาขึ้นและกวาดสายฉินจากซ้ายไปขวา……
เมื่อเสียงคลื่นดังเข้ามาในหู ทุกคนเห็นคลื่นน้ำไหลไปมาตามความพลิ้วไหวของแขนเสื้อเฟิ่งชิงเฉินเมื่อเฟิ่งชิงเฉินวางมือลง เสียงคลื่นก็หายไป และผิวน้ำที่ไหลไปด้วยความพลิ้วไหวของแขนเสื้อก็หยุดหายไปเช่นกัน…….
หากผิวน้ำที่พวกเขาเห็นก่อนหน้านี้เป็นอย่างที่พวกเขาจินตนาการ ในตอนนี้พวกเขาได้เห็น “น้ำ” จริงๆ
เพลงจบลง แต่ใจของทุกคนไม่สามารถสงบลงได้เป็นเวลานาน และสายตาของเฟิ่งชิงเฉินก็เปลี่ยนไปเช่นกัน
พวกเขาประเมินเฟิ่งชิงเฉินต่ำไปจริงๆ!
ทุกคนไม่สามารถเรียกสติคืนกลับมาได้อยู่เป็นเวลานาน จนกระทั่งเฟิ่งชิงเฉินลุกขึ้น ใช้แขนเสื้อสะบัดเอาฉินสายน้ำแข็งนั้นร่วงลงพื้น ทุกคนจึงได้สติคืนมา
“บูม…” ฉินสายน้ำแข็งร่วงลงมาจากแท่นตั้งฉินที่สูง เสียงดังเพี๊ยะ และหักเป็นสองท่อน
“นี่…” ทุกคนกลับมามีสติอีกครั้ง และมองไปที่เฟิ่งชิงเฉินที่ยืนอยู่บนแท่นฉิน จากนั้นมองไปที่ฉินที่อยู่บนพื้น และสิ่งสำคัญคือภายในฉินนั้นมีพระพุทธรูปกลิ้งออกมา
วันนี้มีเทพหลายประเภทเลย!
“เกิดอะไรขึ้น?” จักรพรรดิยกมือขึ้น ขันทีก้าวไปข้างหน้าทันที ถือซากปรักหักพังของฉินสายน้ำแข็งไปให้จักรพรรดิดู
เฟิ่งชิงเฉินเดินลงไปอย่างไม่เร่งรีบ และโน้มตัวลงเล็กน้อย “ฮ่องเต้ได้โปรดยกโทษให้ข้าด้วย ชิงเฉินมิได้ตั้งใจที่จะทำสิ่งของที่ฮองเฮามอบให้พัง”
เฟิ่งชิงเฉินเน้นคำว่า “ฮองเฮา” อย่างร้ายกาจ
พระพุทธรูป?
ฮองเฮากำลังเตรียมจะตบโต๊ะ เพื่อให้ลงโทษเฟิ่งชิงเฉิน และโยงความผิดไปที่องค์รัชทายาท แต่มือของนางค้างอยู่กลางอากาศและไม่สามารถตบลงมาได้สักที
แม้ว่าการที่เฟิ่งชิงเฉินทำฉินสายน้ำแข็งร่วงนั้นจะเป็นอุบัติเหตุ แต่ภายในฉินนั้นจะมีพระพุทธรูปได้อย่างไร ทั้งๆ ที่นางใส่…..
ฮองเฮารีบปิดปาก และเก็บคำพูดที่กำลังจะพูดกลับไป และมองจ้องไปที่เฟิ่งชิงเฉินอย่างแรง
ได้ได้ เฟิ่งชิงเฉินนางตัวดี แผนอันประณีตเช่นนี้ เฟิ่งชิงเฉินยังสามารถดูออกได้ นางประเมินเฟิ่งชิงเฉินต่ำไปจริงๆ
ฮองเฮารู้ว่าองค์รัชทายาทและเฟิ่งชิงเฉินจะพบอย่างแน่นอนว่าฉินสายน้ำแข็งนั้นผิดปกติ แต่พบแล้วอย่างไร พวกเขาไม่รู้สาเหตุที่มา แม้ว่าจะรู้ว่ามันคือกับดัก แต่ก็ต้องโดดลงไปอยู่ดี
แต่ฮองเฮาประเมินตัวเองสูงเกินไป เฟิ่งชิงเฉินไม่เพียงพบปัญหาเท่านั้น และยังแอบเปลี่ยนสิ่งของที่อยู่ด้านใน ให้หน้าองค์รัชทายาทอย่างมาก
องค์ชายก็ตกตะลึงเช่นกัน ฉินนี้เขาเป็นคนสั่งให้สร้างขึ้นมา ทั้งๆ ที่ฉินนี้เป็นไม้แบบอัดเต็ม ข้างในจะมีสิ่งของได้อย่างไร? และยังเป็นพระพุทธรูปอีกด้วย
องค์รัชทายาทมองดูฮองเฮาเป็นอันดับแรก จากนั้นก็กวาดมองเฟิ่งชิงเฉินอย่างรวดเร็ว องค์รัชทายาทเข้าใจในพริบตา ดูเหมือนว่าฮองเฮาต้องการจะใส่ร้ายเขา แต่เฟิ่งชิงเฉินเห็น จึงถูกโต้กลับ
จักรพรรดิไม่ได้พูดกระไร แต่เหลือบไปที่เฟิ่งชิงเฉินและสายตานั้นดูเหมือนจะมองเฟิ่งชิงเฉินให้ทะลุ แต่น่าเสียดายที่นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เฟิ่งชิงเฉินได้พบจักรพรรดิ ไม่ว่าฮ่องเต้จะยิ่งใหญ่แค่ไหน นางก็จะสามารถรับมือได้ นางยืนตัวตรง แวววตาแน่วแน่ ไม่ยอมไม่เกรงกลัว และให้ฮ่องเต้มองดูตามใจชอบ
คนที่จะได้รับผลประโยชน์มิใช่นาง นางจะร้อนตัวเพื่อการใด
ทุกสิ่งที่นำเข้ามาในพระราชวังได้ ต้องผ่านการตรวจสอบซ้ำแล้วซ้ำอีก นอกจากนี้ ฉินนี้คือของที่ฮองเฮามอบให้ ฉะนั้นฮ่องเต้เชื่อว่าเฟิ่งชิงเฉินไม่รู้เรื่องด้วย จากนั้นจึงหันไปถามฮองเฮาแทน ” ฮองเฮา นี่มันเรื่องกระไรกัน?”
“ทูลฝ่ายาท หม่อมฉันมิทราบเพคะ ฉินนี้เป็นของขวัญที่องค์รัชทายาทมอบให้ฝ่าบาทเมื่อปีที่แล้ว” เรื่องนี้หากนางไม่กล่าวตอนนี้ สักวันฮ่องเต้ก็จะรู้ ฉะนั้นฮองเฮาจึงยอมรับผิดเสียก่อน
“ของขวัญวันเกิดที่องค์รัชทายาทมอบให้เจิ้นหรือ?” สีหน้าของจักรพรรดิไม่ดี แววตาที่เขามองไปที่ฮองเฮามีความโกรธเคืองเล็กน้อย ไม่คาดคิดว่าจะนำของขวัญที่องค์รัชทายาทมอบให้มอบให้แก่เฟิ่งชิงเฉิน เรื่องนี้ฮองเฮาทำไม่ถูกต้องเท่าไหร่
องค์รัชทายาทหลับตาลง จักรพรรดิถามเช่นนี้ได้ตัดความหวังสุดท้ายในหัวใจของเขาทิ้งไป จากนี้ไป เขาจะไม่หวังให้พ่อสนใจและโปรดปรานตนอีกต่อไป
เสด็จพ่อของเขาลืมแม้กระทั่งของขวัญที่ตนมอบให้ นั่นหมายความว่าในใจของเสด็จพ่อนั้นไม่มีเขาอยู่ มิน่าล่ะฮองเฮากล้าที่จะเอาฉินสายน้ำแข็งมาเล่นกลอุบาย เพราะฮ่องเต้จำเรื่องนี้มิได้ด้วยซ้ำ
โชคดีที่ครั้งนี้เขาได้พบกับเฟิ่งชิงเฉิน ถ้าเป็นคนอื่น เขาคงต้องตายอย่างแน่นอน เพียงแค่มองไปที่สีหน้าของฮองเฮาก็ทราบได้ว่า สิ่งของที่นางใส่ในฉินแต่แรกมิใช่ของดีอย่างแน่นอน
ฮองเฮารู้แล้วว่าจักรพรรดิจะต้องถามเช่นนี้ จึงไม่ตื่นตระหนก และตอบอย่างสงบว่า “ฝ่าบาท สายของฉินนี้ทำจากไหมของหนอนไหมน้ำแข็ง เสียงที่ส่งออกมานั้นเยือกเย็นและใสสะอาด เหมาะสมที่สุดสำหรับให้ผู้หญิงบรรเลง ของขวัญจากองค์รัชทายาทที่มอบให้ฮ่องเต้นั้นจะต้องดีที่สุดอย่างแน่นอน หม่อมฉันมอบฉินนี้ให้คุณหนูเฟิ่งก็เพราะว่า ฉินนี้เหมาะกับคุณหนูเฟิ่งอย่างมาก ” จบไม่สวยเหมือนกัน
ราชินีก้มศีรษะลงเล็กน้อย ไม่มีใครเห็นความชั่วร้ายในดวงตาของนาง แต่เฟิ่งชิงเฉินที่ยืนอยู่ข้างล่างนางรู้สึกหนาวสั่น
เหมาะสมกับฉินสายน้ำแข็งหรือ? นี่มิใช่ประโยคที่ดีกระไรอย่างแน่นอน
เฟิ่งชิงเฉินเงียบไม่กล่าวกระไร
จักรพรรดิมองไปที่ฉิน แล้วมองไปที่พระพุทธรูปที่อยู่ตรงหน้า แววตาของท่านกวาดมองไปที่ผู้คน สุดท้ายจับจ้องไปที่องค์รัชทายาท เมื่อเห็นว่าองค์รัชทายาทดูปกติ จึงมิได้กล่าวกระไรมาก และโบกมือให้ขันทีเอาฉินและพระพุทธรูปลงไปก่อน
นี่เป็นเรื่องครอบครัว และไม่จำเป็นต้องคุยกันแต่หน้าคนซีหลิงและหนานหลิง
“เฟิ่งชิงเฉินมิได้ตั้งในที่จะทำพลาด เจิ้นมิกล่าวโทษเจ้า” จักรพรรดิกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เมตตา
แม้ว่าเฟิ่งชิงเฉินจะดูหมิ่น แต่นางก็ยังต้องขอบใจนางอย่างเชื่อฟัง เมื่อเห็นฮ่องเต้ไม่พูดถึงเรื่องฉินสายน้ำแข็งต่อ เฟิ่งชิงเฉินรู้สึกเสียใจแทนองค์รัชทายาท ไม่น่าแปลกใจที่หลานจิ่วชิงมิให้นางเล่นตามแผน เพราะหากเป็นเช่นนั้น คงไม่ได้ผลเท่าไหร่นัก
เฟิ่งชิงเฉินโค้งคำนับไปทางคุณชายหยวนซีพร้อมกับขยิบตา ” เชิญทั้งสามและคุณชายหยวนซีชี้แนะเจ้าค่ะ”
เฟิ่งชิงเฉินต่างจากซูหว่าน นางไม่เพียงแต่กล่าวถึงไท่ฟู่ทั้งสาม และยังวางพวกเขาไว้ในตำแหน่งหน้า ต้องรู้เอาไว้ว่าไม่ว่าคุณชายหยวนซีจะมีชื่อเสียงเพียงใด แต่เขาเป็นแค่ผู้เชี่ยวชาญฉิน และใต้เท้าทั้งสามนั้นเป็นคนสำคัญและสูงส่งของตงหลิง
แน่นอนว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับที่ซูหว่านไม่ใช่คนตงหลิงอย่างแน่นอน ซูหว่านไม่จำเป็นต้องประจบประแจงกับขุนนางในตงหลิง แต่ชิงเฉินต้องทำ ส่วนทำเช่นนี้จะทำให้คุณชายหยวนซีโกรธเคืองหรือไม่นั้น มิต้องกังวล
ความสามารถที่นางแสดงออกมาเมื่อสักครู่นั้น มากพอที่จะทำให้ผู้เชี่ยวชาญนี้ตะลึง จะว่าไปคุณชายหยวนซูมิใช่คนที่หวังเรื่องชื่อเสียงเท่าไหร่นัก ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่บอกว่าตนเป็นแค่ที่สองหลังจากที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้ช่ำชองฉินอันดับหนึ่งในใต้หล้า
“ข้าเกรงว่าจะไม่สามารถแสดงความคิดเห็นในบทเพลงนี้ “ท้องทะเลและฟ้าสีคราม” ได้ คุณชายหยวนซีเชิญขอรับ” ใต้เท้าไท่เป่าเอ่ยปาก ไท่ฟู่และไท่ซือกล่าวตาม คุณชายหยวนซีไม่ปฏิเสธ เพราะเขามีคำถามมากมายที่จะถามเฟิ่งชิงเฉิน
“ชิงเฉินเพื่อนน้อย บทเพลง ” ท้องทะเลและฟ้าสีคราม” นี้เป็นผลงานของผู้ใดหรือ?” เขาจะต้องพบคนยอดฝีมือนี้ให้ได้ คุณชายหยวนซีตื่นเต้นอย่างมาก หลายปีที่ผ่านมานี้ บทเพลงนี้เป็นบทเพลงเดียวที่สามารถทำให้เขาประทับใจได้ เขาจะต้องหาคนแต่งให้เจอ
“ความลับ” เฟิ่งชิงเฉินส่ายหัวโดยไม่สนใจความร้อนใจและผิดหวังในสายตาของคุณชายหยวนซี
นางจะหาคนแต่งเพลงจากที่ใดกัน นี่เป็นบทเพลงที่ทางทหารทำมาเพื่อคลายความกดดันของเหล่าทหารที่อยู่ในสนามรบ นี่เป็นบทเพลงที่ผู้เชี่ยวชาญด้านจิตวิทยาและนักดนตรีระดับโลกแต่งขึ้นมาพร้อมกัน และเพลงแบบนี้มีแต่นางเท่านั้นที่จะใช้ ……
“แล้วเจ้าช่วยบอกบทบรรเลงกับข้าน้อยได้หรือไม่?” เขาเปลี่ยนจากคำว่าข้าเป็นข้าน้อย คุณชายหยวนซีถอยจนคนในเหตุการณ์ตะลึงอย่างมาก คุณชายหยวนซีเป็นคนหยิ่งผยองอย่างมาก แม้แต่การชักชวนของจักรพรรดิเขาก็มิให้ความสำคัญ
“ไม่ได้” เฟิ่งชิงเฉินปฏิเสธอย่างตรงไปตรงมา นางจะไปหาวิธีเล่นบทเพลงนี้มาจากไหน
คุณชายหยวนซีรู้สึกท้อแท้เล็กน้อย แต่เขาไม่อยากที่จะยอมแพ้ เมื่อเห็นใบหน้าที่มุ่งมั่นของเฟิ่งชิงเฉินเขากัดฟันและพูดว่า “ถ้าอย่างนั้น ข้าขอกราบเจ้าเป็นอาจารย์ แล้วเจ้าสอนข้าบทเพลงนี้ได้หรือไม่?”
ว่าอย่างไรนะ?
คุณชายหยวนซีจะกราบเฟิ่งชิงเฉินเป็นอาจารย์ของตน เพื่อฝึกการเล่นฉิน?