บทที่ 683 : กําจัดตระกูลเฉิน!

Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร

บทที่ 683 : กําจัดตระกูลเฉิน!

 

สวนภายในบ้านที่มีขนาดใหญ่เช่นนี้ แน่นอนว่าต้องมีคนคอยเก็บกวาดทําความสะอาดอยู่อย่างสม่ําเสมอที่นี่จะมีคนเข้ามาทําความสะอาดอย่างน้อยทุกๆสองวัน และคนที่ดูแลก็อาศัยอยู่ในละแวกนี้เหล่ากุยโทรศัพท์ไปไม่นาน ก็มีหญิงวัยกลางคนเปิดประตูรั้วเข้ามา

 

ดูเหมือนว่าหญิงวัยกลางคนผู้นี้จะได้รับการอบรมมาอย่างดี จึงรู้ว่าคนที่ยืนอยู่ภายในสวนนั้นล้วนแล้วแต่เป็นคนที่มีฐานะร่ํารวย นางจึงไม่แม้แต่จะเอ่ยปากถามใดๆและไม่ว่าพบเห็นอะไรก็จะนิ่งเงียง

 

เหล่ากุ้ยรับกุญแจบ้านทั้งชุดมาจากหญิงวัยกลางคนหลังจากสั่งนางว่าช่วงนี้ไม่ต้องเข้ามาทําความสะอาดบ้านแล้ว ก็สั่งให้นางกลับออกไป

 

หลังจากที่หญิงวัยกลางคนกลับไปแล้ว เหล่ากุยจึงยื่นกุญแจพวงใหญ่ให้กับหลิงหยุนพร้อมกับพูดยิ้มๆ

 

“ที่กุญแจทําเครื่องหมายของแต่ละห้องไว้แล้วนายน้อยท่านเลือกอยู่ได้ตามสบายเลยบ้านหลังนี้เป็นของท่านแล้ว”

 

เงินจํานวนห้าร้อยล้านเหรียญสหรัฐก็มอบให้หลิงหยุนมาแล้ว เพียงแค่บ้านหลังเดียวจะเป็นอะไรไปนับว่าเป็นเรื่องเล็กน้อยมากเหล่ากุ้ยนั้นรู้ได้โดยสัญชาติญาณว่าต่อไปหลิงหยุนจะต้องได้เป็นผู้นําตระกูลคนต่อไปอย่างแน่นอน!

 

รถสองคันค่อยๆเคลื่อนเข้าไปภายในรั้วบ้านอย่างช้าๆเกาเทียนหลงเดินลงมาจากรถ ส่วนเหล่ากุ้ยก็จ้องมองแวมไพร์ทั้งสองตนที่อยู่ในรถและส่งกระแสจิตถามหลิงหยุนว่า

 

-นายน้อย.. แวมไพร์ทั้งสองตนนั่นท่านจะจัดการกับพวกมันอย่างไร?

 

หลิงหยุนขมวดคิ้วพร้อมกับตอบไปว่า ข้าเองก็ยังไม่รู้เหมือนกันไม่แน่ว่าพวกมันอาจจะช่วยงานพวกเราคืนนี้ได้

 

เหล่ากุยได้แต่เตือนหลิงหยุนว่านายน้อย.. ถึงอย่างไรพวกมันก็เป็นแวมไพร์ด้วยกัน ข้าว่า แวมไพร์ทั้งสองตนนี้ต่อไปคงต้องนําหายนะมาให้พวกเราแน่ข้าว่าทางที่ดีรีบๆฆ่ามันทิ้งเสียหรือไม่ก็ต้องจับตาดูพวกมันทุกฝีเก้าทั้งกลางวันและกลางคืน

 

หลิงหยุนเอ่ยขอบคุณ “ขอบคุณเหล่ากุ้ยที่เป็นห่วง…”

 

สําหรับคําเตือนของเหล่ากุยนั้น หลิงหยุนไม่ได้ร้อนใจมากเพราะเขาเองพบเห็นสิ่งแปลกประ หลาดมามากในโลกบ่มเพาะที่ยิ่งใหญ่อย่าว่าแต่แวมไพร์แค่นี้เลย แม้กระทั่งปีศาจที่แข็งแกร่งกว่านี้เขาก็เห็นหมดมาแล้วหรือแม้แต่เหล่าอสูรที่บ่มเพาะพลังหรือภูตผีที่มีพลังจิตหลิงหยุนล้วนแล้วแต่เคยพบเห็นมาหมดแล้ว!

 

สําหรับหลิงหยุนนั้น ไม่ว่าคู่ต่อสู้ของเขาจะเป็นอะไรก็ตามเขาก็ไม่ต้องการฆ่าพวกมันอย่าง ไร้เหตุผล

 

แวมไพร์ทั้งสองตนนี้ แม้ว่าพวกมันจะเป็นบริวารของเฉินเจี้ยนสุ่ยและช่วยมันทํางานมากมาย แม้กระทั่งไล่ล่าเกาเทียนหลงแต่พวกมันก็เพียงแค่ทําตามคําสั่งอีกทั้งพวกมันยังไม่ทําอันตรายคนธรรมดาหลิงหยุนจึงต้องการไว้ชีวิตพวกมันชั่วคราวก่อน

 

หากเทียบกับตระกูลเฉินที่ถึงกับขายประเทศของตนเองให้กับคนอื่นเพื่อผลประโยชน์ของตนเองนั้นนับว่าเลวยิ่งกว่าแวมไพร์ทั้งสองตนนี้หลายเท่านักและนั่นต่างหากที่นับว่าเป็นศัตรูที่แท้จริงของหลิงหยุน

 

แน่นอนว่า.. แวมไพร์ทั้งสองตนนี้ต่างก็ชื่อสัตย์และให้ความเคารพต่อหลิงหยุนอย่างมากและนี่คือเหตุผลที่หลิงหยุนต้องการไว้ชีวิตพวกมันทั้งคู่ แต่หากพวกมันกล้าคิดหักหลังเขาแม้แต่นิดเดียวเขาเองก็ไม่ลังเลที่จะสังหารมันในทันทีเช่นกัน!

 

หลังจากที่เหล่ากุยเดินทางกลับไปที่ตระกูลหลิงแล้วก็ได้รายงานเรื่องราวทั้งหมดให้กับหลิงลี่ฟังภายในบ้านจึงมีเพียงหลิงหยุนเกาเทียนหลง และแวมไพร์ทั้งสองตนเท่านั้น

 

ระหว่างทางเข้ามาที่บ้านหลังนี้ พวกเขาได้หาซื้ออาหารเที่ยงมาเตรียมไว้พร้อมแล้ว และเกาเทียนหลงกับหลิงหยุนก็กินกันจนอิ่มแปล้หลังจากนั้นก็จัดการเปิดห้องพักให้เกาเทียนหลงได้นอนหลับพักผ่อนก่อน ส่วนเรื่องอื่นๆเก็บไว้คุยกันในคืนนี้

 

เกาเทียนหลงวิ่งหนีการไล่ล่ามาถึงสองสามวันตอนนี้เมื่อเห็นว่าตนเองอยู่ในที่ที่ปลอดภัยแล้วในใจก็เริ่มรู้สึกผ่อนคลายมากขึ้นและเมื่อเข้าไปในห้องนอนเขาก็ถึงกับสลบไสลเลยทีเดียว

 

“ พวกเจ้าสองคนจะอยู่ในรถต่อไป? หรือจะกลับไปอยู่ในที่ที่เจ้าเคยอยู่” หลิงหยุนเดิน เข้าไปถามพอลกับเจสเตอร์ที่ยังคงนั่งอยู่ในรถ

 

“มิสเตอร์หลิงที่เคารพ.. พวกเราสองคนตกลงกันแล้วว่าจะอยู่ในรถพวกเราตัดสินใจที่ จะยอมเป็นบริวารของท่านและเชื่อฟังคําสั่งของท่านพวกเราจะทํางานตามที่ท่านสั่ง”

 

เจสเตอร์ที่นั่งสวมแว่นกันแดดอยู่ในตําแหน่งคนขับร้องบอกพร้อมกับแสดงสีหน้าท่าทางที่ไม่อาจทําให้ผู้ฟังสามารถปฏิเสธได้

 

หลิงหยุนถึงกับหัวเราะเสียงดัง และตอบกลับไปว่า “เสียใจด้วย ข้าไม่มีเลือดมนุษย์ให้พวกเจ้าดื่มแล้วเจ้าเองก็จะต้องอดตายส่วนเลือดของข้า.. อย่าได้แม้แต่จะคิด!”

 

หลิงหยุนจําเป็นต้องเตือนแวมไพร์ทั้งสองตนไว้ก่อน

 

ในเลือดของหลิงหยุนไม่เพียงมีพลังอมตะ แต่ยังมีพลังหยางที่บริสุทธิ์อีก และทุกๆวันเขาเองก็ฝึกวิชาดาราคุ้มกาย จึงมีพลังสุริยะที่ดูดซับเข้าไปในเวลากลางวัน และพลังจันทราและดวงดาวที่ดูดซับเข้าไปในยามค่ําคืน หากเหล่าแวมไพร์ดูดเลือดเขาเข้าไปแล้วล่ะก็ ถ้าไม่ตายก็คงมีชีวิตเหลือเพียงแค่ครึ่งเดียว!

 

“โอ้.. ไม่ๆๆๆๆๆ พวกเราไม่กล้าคิดแบบนั้นแน่ๆ นายท่าน! พวกเราไม่จําเป็นต้องดื่มเลือดมนุษย์ก็ได้ พวกเราดื่มเลือดของสัตว์แทนได้”

 

เจสเตอร์รีบปฏิเสธเสียงหลง และเมื่อเห็นว่าหลิงหยุนไม่มีท่าที่ปฏิเสธ พวกมันก็รีบเปลี่ยนสรรพนามหลิงหยุนเป็นนายท่านทันที!

 

“ทําได้ด้วยรึ?!”

 

หลิงหยุนถึงกับตกใจเล็กน้อย และได้แต่คิดในใจว่าหากเลือดของสัตว์ใช้ได้ ก็ยิ่งง่ายขึ้นเพราะเลือดสัตว์หาได้ง่ายกว่าเลือดมนุษย์มาก!

 

“ได้แน่นอนนายท่าน! ตราบใดที่ท่านรับพวกเราเป็นบริวาร พวกเรายินดีทําตามคําสั่งของท่านทุกอย่าง…” พอลกับเจสเตอร์รีบร้องบอกทันที

 

หากเป็นเช่นนี้หลิงหยุนก็ไม่ต้องกังวลอะไรมาก เขาจึงตอบกลับไปยิ้มๆ “พวกเจ้าสองคนเพิ่งจะบอกข้าว่าพวกเจ้าเป็นบริวารที่ซื่อสัตย์ต่อเจ้านายของตนเองเท่านั้นไม่ใช่รึ? เหตุใดพวกเจ้าจึงได้ทรยศหักหลังเจ้านายของเจ้าได้ง่ายๆเช่นนี้?”

 

ครั้งนี้พอลเป็นฝ่ายพูดขึ้นก่อน “ไม่ๆ นี่ไม่ใช่การทรยศ! ผู้ที่ทําให้พวกเราสองคนกลายเป็นแวมไพร์นั้นตอนนี้ถูกฆ่าตายโดยนักล่าแวมไพร์ในสหรัฐอเมริกาแล้ว ตอนนี้พวกเราเป็นแวมไพร์อิสระและนี่จึงไม่ใช่การทรยศ.”

 

หลิงหยุนจึงถามไปว่า “ในเมื่อพวกเจ้าเป็นอิสระ แล้วมาที่ประเทศจีนทําไมกัน?”

 

เจสเตอร์แลบลิ้นเลียริมฝีปากที่แห้งผากของตนเองก่อนจะพูดราวกับกระซิบ “เจ้านายที่เคารพ. เฉินเจี้ยนกุยบอกกับพวกเราว่า หากพวกเราตามเขามาที่ประเทศจีน ก็จะมีเลือดมนุษย์สดๆให้พวกเราดื่มไม่สิ้นสุด ข้อเสนอที่น่าพอใจเช่นนี้ ใครกันจะสามารถปฏิเสธได้…”

 

การได้ดื่มเลือดสดๆของมนุษย์นั้นเป็นความต้องการสูงสุดของเหล่าแวมไพร์ และเป็นสิ่งที่แวมไพร์ตนใหนก็ต้องพอใจ และยากที่จะปฏิเสธได้ แม้แต่แวมไพร์ชั้นต่ํา

 

หลิงหยุนถึงกับอึ้งไปครู่หนึ่ง ในที่สุดก็พยักหน้าพร้อมกับตอบไปว่า “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ พวกเจ้าก็สามารถติดตามข้าได้ ไม่แน่ว่าวันหนึ่งพวกเจ้าอาจจะไม่ต้องเป็นแวมไพร์ก็ได้อาจจะ..”

 

“โอ้.. ขอบคุณนายท่าน! นายท่านช่างฉลาดล้ําเลิศ และเก่งกาจที่สุดในโลก…”

 

“แล้วพวกเจ้าสองคนจะอยู่ที่ใหน? เพราะคงจะไม่สามารถอยู่ในรถตลอดไปได้?” หลิงหยุนเอ่ยถามเสียงเรียบ

 

“เจ้านายที่เคารพ.. สถานที่ที่เหมาะสมกับพวกเราที่สุดก็คือโลงศพ แต่ในเมื่อที่บ้านของท่านไม่มีโลงศพ ก็ขอให้พวกเราอยู่ห้องใต้ดินก็แล้วกัน”

 

หลิงหยุนใช้จิตหยั่งรู้สํารวจดูภายในบริเวณบ้านทั้งหมด และเขาก็พบว่ามีห้องใต้ดินอยู่หลายห้อง จึงให้แวมไพร์ทั้งสองตนไปอยู่ที่นั่น ส่วนตัวเขาก็กลับเข้าไปในบ้าน และนั่งครุ่นคิดอะไรบางอย่างอยู่ที่ห้องรับแขก

 

ครึ่งชั่วโมงต่อมา หลิงหยุนก็โทรหาหนิงหลิงยู่ และถังเมิ่ง แจ้งข่าวคราวว่าเขาได้มาถึง ปักกิ่งอย่างปลอดภัย ทุกอย่างเป็นไปได้ด้วยดี ขอให้ทุกคนไม่ต้องเป็นห่วง

 

จากนั้นหลิงหยุนก็เดินไปที่ห้องนอนซึ่งมีเตียงขนาดใหญ่วางอยู่ เขากระโจนขึ้นไปบนเตียงและนั่งขัดสมาธิฝึกฝนรอคอยให้ถึงเวลากลางคืนอย่างอดทน..

 

หลิงหยุนหยุดฝึกตอนสามทุ่มตรงและเมื่อเดินออกมาก็พบว่าเกาเทียนหลงกําลังนั่งครุ่นคิดอะไรบางอย่างอยู่คนเดียวเงียบๆในห้องรับแขก

 

“พักผ่อนเป็นไงบ้าง?” หลิงหยุนเดินออกมาจากห้องนอนพร้อมกับเอ่ยถามเกาเทียนหลงยิ้มๆ

 

เกาเทียนหลงถอนหายใจยาว “ขอบคุณมากผมพักผ่อนเต็มที่แล้วตอนนี้สภาพจิตใจก็เข้มแข็งขึ้น!แล้วคุณล่ะ?”

 

หลิงหยุนตอบกลับยิ้มๆ “นี่คุณพี่เมีย. ผมว่าคุณอย่ากดดันตัวเองมากนักเลยทําหน้าราวกับฟ้าจะถล่มทําใจให้สบาย.ปัญหาทุกอย่างล้วนมีทางแก้!”

 

เกาเทียนหลงหรี่ตามองหลิงหยุนพร้อมกับพูดขึ้นว่า “นี่.. ใครเป็นพี่เมียของเจ้ากันเจ้าเด็กตัวเหม็น? เฉินเฉินยังไม่แต่งงานกับเจ้าเสียหน่อยช่วยนางออกมาให้ได้ก่อนเถอะ!”

 

ความจริงแล้วหลิงหยุนจงใจพูดให้เกาเทียนหลงผ่อนคลายและสร้างความเป็นกันเองเท่านั้นและเมื่อฟังจากคําพูดตอบกลับของเกาเทียนหลงหลิงหยุนจึงรู้ว่าเกาเทียนหลงผ่อนคลายและเป็นกันเองกับเขาขึ้นมากจึงค่อยรู้สึกโล่งใจ!

 

แต่จู่ๆแววตาของหลิงหยุนก็เปลี่ยนเป็นเย็นยะเยือกเมื่อพูดว่า “ครั้งนี้ ข้าต้องทําลายล้างตระกูลเฉินให้สิ้นซาก!”

 

ระหว่างที่พูดประโยคนี้ออกมานั้น ไม่ว่าจะเป็นสีหน้า ท่าทาง และน้ําเสียงของหลิงหยุนก็ล้วนแล้วแต่เปี่ยมไปได้ด้วยความมั่นใจ และทรงพลังอย่างน่าประหลาด!

 

เกาเทียนหลงถึงกับผงะ และร้องอุทานออกมาอย่างตกใจ “หลิงหยุน.. นี่เจ้าคิดจะทําลายล้างตระกูลเฉินเชียวเหรอ? ตระกูลเฉินไม่ใช่ตระกูลธรรมดาๆ ผู้นําตระกูลคนปัจจุบัน – เฉินใหญิงอยู่ในระดับสูงสุดของขั้นเชียงเทียน-5 อีกทั้งภายในตระกูลเฉินยังมียอดฝีมือขั้นเซียงเทียนที่เก่งกาจอยู่อีกถึงเจ็ดหรือแปดคนที่เดียว ไม่เพียงเท่านั้น ยังมีนิกายลับใหญ่ๆสองนิกายให้การสนับสนุนพวกมันอยู่ด้วย…”

 

“แม้ว่าตัวข้าเองไม่อยากจะยอมรับ.. แต่ก็ต้องยอมรับ! เพราะนอกเหนือจากตระกูลหลงกับตระกูลเยู่แล้ว ตระกูลเฉินก็นับว่าเป็นตระกูลที่ใหญ่เป็นอันดับสามในปักกิ่ง…”

 

“ไม่เพียงเท่านั้น.. ตระกูลเฉินยังมีอํานาจอิทธิพลกระจายไปทั่วทั้งประเทศจีน นอกจากนี้กายลับจะให้การสนับสนุนแล้ว ยังมีต่างชาติให้การสนับสนุนอีกด้วย เรียกได้ว่าเครือข่ายของตระ กูลเฉินนั้นยิ่งใหญ่ไม่เบาเลยทีเดียว”

 

“อีกอย่าง.. การจะทําลายล้างตระกูลเฉินนั้น ตระกูลหลงคงไม่เห็นด้วยอย่างแน่นอน เพราะนั้นจะทําให้สมดุลในการถ่วงดุลของเจ็ดตระกูลใหญ่ต้องพังลงไปด้วย และมันจะส่งผลกระทบกับตระกูลหลงโดยตรงและจะเกิดความโกลาหลเหมือนเมื่อครั้งสิบแปดปีก่อน..”

 

หลิงหยุนถึงกับหัวเราะแล้วพูดกับเกาเทียนหลงว่า “นี่คุณพี่เมีย ข้าว่าเจ้ากังวล มากจนเกินไป!”

 

“ตอนนี้ตระกูลชันก็ไม่กล้าขยับตัวทําอะไร ส่วนตระกูลเยก็ไม่ยุ่งเกี่ยวกับใคร ตระกูลเฉินถึงได้อาศัยโอกาสนี้เพื่อขึ้นมาเป็นใหญ่ และตระกูลแรกที่พวกมันเลือกที่จัดการก็คือตระกูลเกาของเจ้าเห็นชัดๆอยู่ว่ามันต้องการสังหารคนตระกูลเกา ดูเจ้าตอนนี้สิ บ้านก็ไม่มีให้กลับ! เจ้ายังจะคิดมากไปอีกทําไมกัน?คิดแล้วมีประโยชน์อะไร?”

 

“ส่วนข้าต่างกับเจ้า! ใครก็ตามที่มันกล้ายุ่งกับข้า หรือคิดที่จะมายืนอยู่บนหัวข้า ข้าไม่จําเป็นจะต้องพูดอะไรกับพวกมัน สิ่งที่ข้าจะทําคือลากมันลงมา แล้วจัดการสังหารมันซะ!”

 

หลิงหยุนพูดด้วยน้ําเสียงเหยียดหยัน และไร้ซึ่งอารมณ์ความรู้สึก

 

เกาเทียนหลงถึงกับอึ้งไป ในที่สุดวันนี้เขาก็ได้เห็นว่าอย่างไรจึงเรียกว่าแข็งแกร่ง? และอย่างไรจึงเรียกว่าหยิ่งผยองไร้ผู้ต้านทาน!