หลังจากฟานเจี้ยนจากไป ทั้งสามทีมก็กลับมาเฉลิมฉลองแก่ความสำเร็จที่ทำภารกิจค่ายเจียนอี๋สำเร็จต่อ ขณะที่ชูฮันกำลังถูกหวังไคเย้ยหยัน

 

“นี่มันบ้าอะไรชูฮัน ไอ้หลูอี๋นี้เกือบจะเล่นนายได้แล้ว!” หวังไคไม่ลังเลเลยสักนิดที่จะเริ่มกดดันชูฮัน

 

ชูฮันที่อารมณ์เดือดมานานตั้งแต่ได้อ่านเนื้อหาในจดหมาย ครั้งนี้เขาเลยขี้เกียจที่จะจัดการกับหวังไค “ไอ้เวรหลูอี๋นั่น มันชั่วมาก มันคิดจะทำไม่ดีกับจิ่วตี้น้อยของฉัน!”

 

“ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ชูฮันตอนที่นายรู้ว่าฟานเจี้ยนไปที่ค่ายเขี้ยวหมาป่า นายคาดการณ์ไว้แล้วเหรอว่าเรื่องจะมาถึงขั้นนี้?” หวังไคถาม

 

“ฉันคาดการณ์เรื่องไว้แล้ว” ชูฮันยอมรับตรงๆ “ที่จริง ก่อนที่ฉันจะจัดการให้ทั้งสามทีมเข้าไปที่ค่ายเจียนอี๋ ฉันได้เตรียมการแผนไว้ล่วงหน้าหมดแล้ว ไม่อย่างนั้นฉันก็คงไม่ขโมยตรานี้มาตั้งแต่แรก มันไม่มีประโยชน์อะไรกับฉันเลย ซึ่งที่จริงแล้วนี่คือกับดักที่รอให้หลูอี๋กระโดดลงมาติดกับ แต่ฉันไม่คาดเลยว่าฉันจะคำนวณพลาดเรื่องของซางจิ่วตี้และพี่ชายเธอ”

 

“นายรู้มั้ยว่าฟานเจี้ยนได้คำสั่งภารกิจนี้? นายจัดการทุกอย่างทั้งหมดเหรอ?” หวังไคค่อนข้างแปลกใจและสงสัย “ทำไมหลูอี๋ต้องพยายามเข้าหาซางจิ่วตี้ขนาดนี้ มันไม่มากผิดปกติเหรอ?”

 

“หึ่ย! ผู้หญิงของฉัน ฉันจะไม่ยอมให้จิ่วตี้น้อยของฉันไปเจอไอ้หลูอี๋เด็ดขาด ฉันจะไม่ยอมให้ไอ้หลูอี๋ได้จิ่วตี้ไป!” ชูฮันปฏิเสธทันทีอย่างไม่ลังเล และเพราะการคำนวณที่ผิดพลาด ชูฮันจึงโมโหอย่างมาก “แต่ฉันก็ไม่คิดเลยนะว่าหลูอี๋มันจะกล้าเล่นเล่ห์กับจิ่วตี้แบบนี้”

 

หวังไคตกใจกับคำพูดของชูฮัน “นี่นายพูดจริงรึเปล่า? ก็นายเป็นคนวางแผนทั้งหมดเองนี่?”

 

“ใช่ แผนการทุกอย่างมันทำตามใจของฉัน” ชูฮันรู้สึกขุ่นเคือง แต่แล้วก็แสยะยิ้ม “แน่นอนว่าฉันเองก็แค่พยายามหาเหตุผลดีๆให้ตัวเองเพื่อจัดการกับค่ายเจียนอี๋”

 

หวังไคช็อค “เพื่อทำตามใจ?”

 

“แน่นอนว่าใช่และฉันไม่รู้สึกผิดอะไรทั้งนั้น”

 

การจลาจลที่ค่ายเจียนอี๋จบลงแล้ว หลูอี๋กำลังกระวนกระวายอยากจะได้ตราคืน โดยที่ไม่ได้รู้เลยว่าชูฮันวางแผนทุกอย่างไว้ทั้งหมดแล้ว และไม่รู้เลยว่าตัวเองได้เดินเข้าไปในกับดักขนาดใหญ่ที่ชูฮันขุดรอเอาไว้

 

หลังจากนั้นชูฮันก็จัดตารางการฝึกต่อไปสำหรับทั้งสามทีม และมุ่งหน้ากลับไปที่ค่ายเขี้ยวหมาป่าทันทีโดยไม่พัก

 

“กลับมาที่บ้านของตัวเอง ต้องทำตัวเหมือนโจรแบบนี้ด้วยงั้นเหรอ?” หวังไคที่เห็นชูฮันทำท่าลับๆล่อๆ หรี่ตามองสอดส่องผ่านหน้าต่าง จึงอดไม่ได้ที่จะแขวะ

 

“นายไม่รู้อะไร!” ชูฮันเหล่ตามองกลับใส่หวังไค และจู่ๆก็เคลื่อนตัวไปทางด้านซ้าย

 

หวังไคไม่สนใจและพูดต่อ “เธอไม่ได้เขียนอะไรเลย? หือ? ทำไมอยู่ดีๆเธอก็ลุกขึ้น? ไม่ สีหน้าเธอมีบางอย่างผิดปกติ…ฉันอยากจะร้องไห้!”

 

และจู่ๆในตอนนั้นเองชูฮันก็คว้าหูหวังไคขึ้นมาและโยนมันกระเด็นออกไป “ไป ไป เก็บดอกกุหลาบมาซักสองสามดอก”

 

หวังไคที่ถูกเหวี่ยงลงพื้นตะลึงอยู่พักหนึ่ง “กุหลาบที่ไหน?”

 

มันแน่นอนว่าหวังไคไม่สามารถไปหาดอกกุหลาบมาให้ได้ตอนนี้อยู่แล้ว ที่ชูฮันทำแบบนั้นมันก็แค่เพราะชูฮันไม่อยากให้หวังไคมารบกวนเขา ชูฮันมองผ่านหน้าต่างเฝ้าดูซางจิ่วตี้อย่างเงียบๆ โดยที่ซางจิ่วตี้ไม่ได้รู้ตัวเลยว่าถูกชูฮันจับจ้องอยู่

 

ซางจิ่วตี้ไม่ได้เศร้าเป็นเวลานนมาก หลังจากร้องไห้อยู่พักหนึ่งเธอก็เริ่มทำงานของตัวเองต่อ ค่ายเขี้ยวหมาป่ากำลังอยู่ในช่วงก่อสร้าง มันมีเรื่องมากมายให้จัดการ เธอไม่มีเวลาไปคิดเรื่องอื่น

 

เมื่อเห็นฉากนี้ ชูฮันก็เกิดความรู้สึกผิดขึ้นในใจ เขาค่อยๆเดินจากมาอย่างเงียบๆ ชูฮันเดินเหม่อและโดยไม่รู้ตัวว่าได้เดินมาถึงห้องของหลิวยู่ติง

 

“หือ? หัวหน้า?” หลิวยู่ติงตื่นเต้นอย่างมาก ร้องเสียงดัง “มีคนทำผิดกฏทหารเหรอครับ? ส่งมาให้ผมเลย ผมจะจัดการเอง”

 

ชูฮันเมินเฉยต่อหลิวยู่ติง สมองของเขากำลังประมวลผลอย่างหนักอยู่ พยายามหาทางคิดว่าเขาจะไปช่วยพี่ชายของซางจิ่วตี้มาได้อย่างไร?

 

โชคร้ายที่ชูฮันไม่มีข้อมูลเฉพาะเจาะจงที่เพียงพอเกี่ยวกับญาติของซางจิ่วตี้ แม้แต่ชื่อเขายังไม่รู้เลย แล้วเขาจะหาตัวได้อย่างไร?

 

เขาคิดเสมอว่าซางจิ่วตี้น่าจะไม่มีการเกี่ยวข้องอะไรกับซางจิงแล้ว

 

ใครจะรู้ว่าซางจิ่วตี้มีพี่ชาย? ความสัมพันธ์ของพวกเขาเป็นยังไงกัน?

 

เนื่องจากข่าวกรองที่มีนั้นไม่เพียงพอ ความเป็นไปได้ที่จะพาตัวพี่ชายของซางจิ่วตี้กลับมาจึงลดลงอย่างมาก จากข้อมูลที่เปิดเผยจากหลูอี๋นนั้นมันดูไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะไปเอาตัวพี่ชายของซางจิ่วตี้ออกมา

 

หนทางเดียวคือแอบลักพาตัวมาอย่างเงียบๆ!

 

แต่คำถามคือ ทำอย่างไร?

 

ตอนนี้ชูฮันอยากจะหาชิ้นส่วนระบบล่มสลายที่ 4 ให้เจออย่างมาก แล้วเรื่องที่อยู่ของพ่อเขาก็ยังไม่ไปถึงไหนเลย ทั้งสามทีมก็ยังไม่พร้อม กองกำลังใต้ดินของเหมิงชีเหว่ยก็ยังไม่ได้เริ่มต้นขึ้นเลย เหอซางก็หายตัวไป แล้วตัวเขาก็ต้องไปซางจิง

 

“ปัง!”

 

จู่ๆชูฮันก็ทุบมือลงกระแทกโต๊ะตรงหน้าอย่างแรง ตอนนี้ชูฮันกำลังจะเป็นบ้า เขาติดค้างซางจิ่วตี้อย่างมาก เขาจะต้องทำเรื่องนี้ให้เธอ

 

ไม่ลังเลเลยสักนิดที่จะทำเพื่อตอบแทนเธอ!

 

หลิวยู่ติงที่ยืนยิ้มกว้างอยู่ข้างตกใจจัด เขากลัวกับท่าทีของหัวหน้า

 

หัวหน้าจู่ๆก็ปรากฏตัวขึ้นและไม่พูดอะไรสักคำ แล้วก็ระเบิดอารมณ์

 

แก้วน้ำแตกกระทบพื้นเสียงดัง หลิวยู่ติงไม่กล้าจะเอ่ยปากอะไรทั้งนั้น เขาเริ่มทำความสะอาดและเช็ดน้ำที่พื้น เห็นได้ชัดว่าหัวหน้ากำลังเครียดและมีเรื่องให้หนักใจ และเรื่องนั้นน่าจะเลวร้ายอย่างมาก ไม่อยากนั้นหัวหน้าก็คงออกคำสั่งให้พวกเขาจัดการแล้ว ไม่ใช่ทำลายของระบายอารมณ์แบบนี้

 

ในที่สุดหลังจากความเงียบสนิทกว่าสิบนาที ชูฮันก็ถอนหายและพูดขึ้น “หลิวยู่ติง อย่าบอกใครว่าฉันมาที้นี้!”

 

“อ่า…” หลิวยู่ติงไม่คิดเลยว่าประโยคแรกของหัวหน้าจะเป็นแบบนี้ แต่เขาก็ทำได้แค่ตอบไปว่า “ครับ”

 

จากต่อชูฮันก็หมุนตัวและเดินไปที่ประตู เขาเกือบลืมคนคนหนึ่ง ตามเวลาที่คาดไว้ คนคนนั้นควรจะมาถึงค่ายเขี้ยวหมาป่าได้สองสามวันแล้ว

 

โมเซอ!