ตอนที่ 376 รังเกียจผมขนาดนั้นเลยเหรอ / ตอนที่ 377 คุณกำลังคิดอะไรอยู่

กับดักรักในรอยแค้น

ตอนที่ 376 รังเกียจผมขนาดนั้นเลยเหรอ

 

 

           ฉู่เจียเสวียนวางปากกาในมือลง ถังถังที่อยู่ในออฟฟิศไม่รู้ว่าหายไปไหนแล้ว เธอบิดขี้เกียจ มุมปากยกยิ้ม

 

 

           หลังจากเก็บของเสร็จแล้ว ฉู่เจียเสวียนก็ออกจากร้านชุดแต่งงานไป

 

 

           ขึ้นรถแล้วขับรถกลับบ้าน

 

 

           ในวิลล่า ซูซานยืนอยู่ที่ระเบียง เมื่อเห็นว่ารถของฉู่เจียเสวียนขับเข้ามาในสวนแล้ว ก็รีบหันเข้าไปในห้องครัวทันที เริ่มลงมืออุ่นน้ำแกงให้ฉู่เจียเสวียน

 

 

           เพียงครู่เดียวก็ง่วนอยู่ในห้องครัว

 

 

           ฉู่เจียเสวียนลงรถ เดินเข้าไปในบ้านทันที เมื่อเปิดประตูเข้าไปแล้วไม่เห็นเงาของซูซานในห้องรับแขก ฉู่เจียเสวียนก็รู้ว่าเธอจะต้องทำอะไรให้เธอกินอยู่ในห้องครัวแน่ๆ

 

 

           เปลี่ยนรองเท้าเสร็จแล้วก็เดินเข้าไปในห้องครัวทันที ยืนอยู่ที่หน้าประตู เห็นเงาของซูซานที่กำลังกุลีกุจอ ฉู่เจียเสวียรู้สึกว่าเธอคือผู้หญิงที่มีความสุขที่สุดในโลกใบนี้

 

 

           ตอนกลางคืน หลังจากกินอาหารเสร็จแล้ว ฉู่เจียเสวียนอาบน้ำเสร็จแล้วก็เข้าห้องหนังสือเพื่ออ่านหนังสือ

 

 

           อีกด้านหนึ่ง ที่วิลล่าบ้านเผย

 

 

           เผยหนานเจวี๋ยนั่งอยู่ในห้องหนังสือ จ้องโทรศัพท์มือถือที่อยู่ในมือ เหม่อลอย

 

 

           เขาคิดถึงเธอมาก คิดถึงมากๆ มากๆ ตอนนี้เขาไม่ได้เจอหน้าฉู่เจียเสวียนมาหลายวันแล้ว เขาอยากได้ยินเสียงของเธอมาก

 

 

           หลังจากที่ต่อสู้ดิ้นรนอยู่ภายในใจแล้ว ในที่สุดเผยหนานเจวี๋ยก็ยังกดโทรไปหาฉู่เจียเสวียน หลังจากโทรศัพท์ดังสักพักแล้ว ไม่มีคนรับสาย หัวใจของเผยหนานเจวี๋ยก็จมดิ่งไม่หยุด กดโทรออกอย่างไม่เต็มใจอีกครั้ง แต่ก็ยังไม่มีคนรับสาย

 

 

           ในที่สุดเขากดวางหู

 

 

           “รังเกียจผมขนาดนี้เลยเหรอ” เผยหนานเจวี๋ยพึมพำกับตัวเอง หลายวันนี้ เขาพยายามอยู่ร่วมกันกับฉู่อีอี ต้องการให้ตัวเองหลงรักฉู่อีอีใหม่อีกครั้ง แต่ว่าเขาพบว่าเขาทำไม่ได้จริงๆ

 

 

           จากนั้นเขาเริ่มพิจารณาตัวเอง ว่ามีปัญหาที่ตรงไหนกันแน่ ทำไมตอนนี้เรื่องราวถึงมาขั้นที่อยู่นอกเหนือความควบคุมของเขา

 

 

           ยิ่งพิจารณา เขาพบว่าเขายิ่งชอบฉู่เจียเสวียน ระหว่างเขากับฉู่อีอีนั้นราวกับว่ามันเป็นความผิดพลาดตั้งแต่แรก เขาแม้แต่คิดว่าถ้าฉู่อีอีไม่ได้ปรากฏตัวในตอนนั้น ตอนนี้เขากับฉู่เจียเสวียนจะยังอยู่ด้วยกันอยู่ไหม

 

 

           แต่ว่า ความผิดพลาดได้บังเกิดขึ้นแล้ว ตอนนี้ยิ่งคิดมากก็เปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้

 

 

           คิดยิ่งก็คิดปวดใจ คิ้วที่เรียวงามเผยหนานเจวี๋ยขมวดกันแล้ว

 

 

           ระหว่างที่เหม่อลอยอยู่นั้น หน้าจอโทรศัพท์มือถือสว่างขึ้น เผยหนานเจวี๋ยตาเป็นประกาย รู้สึกดีใจ นึกว่าฉู่เจียเสวียนโทรมา แต่ว่าเมื่อเห็นเบอร์แปลกแล้ว คิ้วของเขาก็ผูกกัน

 

 

           “ฮัลโหล สวัสดีครับ”

 

 

           “คุณเผย ยังไม่นอนเหรอ” น้ำเสียงที่มืดมนเล็กน้อยของเฉิงเฮ่าลอยเข้าหูของเผยหนานเจวี๋ย เผยหนานเจวี๋ยได้ยินแล้วในใจตื่นตัวทันที

 

 

           เฉิงเฮ่า? เขาต้องการทำอะไร

 

 

           “มีเรื่องอะไร” เผยหนานเจวี๋ยกล่าวอย่างแข็งกร้าว แววตามีความเยือกเย็น

 

 

           เฉิงเฮ่าคนนี้ คราวก่อนแย่งราคาประมูลของเขา ตอนนี้จะโทรมาหาเขาอีกทำไมกัน

 

 

           “คุณเผย ถึงยังไงพวกเราก็ร่วมงานกัน โทรหาคุณเพื่อที่จะลดระยะห่างของกันและกันไม่ดีหรือไง” เฉิงเฮ่าหัวเราะเสียงต่ำ เสียงที่มืดมนทำให้เผยหนานเจวี๋ยฟังแล้ว คิ้วยิ่งขมวดกันแน่นกว่าเดิม

 

 

           เขาสั่งให้คนไปสืบข้อมูลของเฉิงเฮ่า แต่ว่าสืบได้เพียงเล็กน้อย เขาไม่รู้จริงๆ ว่าเฉิงเฮ่าคนนี้อยากทำอะไรกันแน่

 

 

           “คุณเฉิง ผมว่าความสัมพันธ์ของพวกเราไม่ได้ดีถึงขั้นนั้น ถ้าหากไม่มีอะไรล่ะก็ ขอวางสายก่อน” เผยหนานเจวี๋ยพูดจบ ก็วางหูไปแล้วจริงๆ

 

 

           เขาไม่มีเวลาเล่นกับคนบ้า ต่อไปเขาต้องระวังเฉิงเฮ่าคนนี้ถึงจะถูก เป้าหมายของเขาที่กลับมาคราวนี้ไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน

 

 

           หรือว่าระหว่างพวกเขามีอะไรที่บางหมางกัน? ในสมองของเผยหนานเจวี๋ยครุ่นคิดอีกรอบหนึ่ง คิดไม่ออกว่ามีความสัมพันธ์อะไรกับเฉิงเฮ่าหรือเปล่า ยิ่งคิดไม่ออกว่าทั้งสองคนมีเรื่องบาดหมางอะไร

 

 

 

 

       ตอนที่ 377 คุณกำลังคิดอะไรอยู่

 

 

           วางหูไม่นานเท่าไร เสียงเคาะประตูของห้องหนังสือดังขึ้น ฉู่อีอีผลักประตูเข้ามาก็เห็นท่าทางหน้านิ่วคิ้วขมวดของเผยหนานเจวี๋ย “หนานเจวี๋ย คุณกำลังคิดอะไรอยู่ ดูหน้าของคุณสิเครียดเชียว”

 

 

           “เปล่า กำลังคิดถึงเรื่องที่บริษัท” เผยหนานเจวี๋ยไม่ได้บอกฉู่อีอีว่าเฉิงเฮ่าโทรมาหาเขา กลัวเธอจะเป็นห่วง

 

 

           ฉู่อีอีได้ยินแล้ว ใบหน้าที่สง่างามเผยความสงสัยเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่าเธอไม่เชื่อคำพูดของเผยหนานเจวี๋ย

 

 

           “หนานเจวี๋ย งั้นคุณดื่มนมก่อนเถอะ” ฉู่อีอียื่นนมที่ชงเสร็จแล้วให้เผยหนานเจวี๋ย พูดกับเธอ

 

 

           พยักหน้า นิ้วเรียวยาวจับแก้วนมที่ฉู่อีอีชงแล้วดื่ม

 

 

           ฉู่อีอีมองดูใบหน้าที่หล่อเหลาของเผยหนานเจวี๋ยแล้วยิ้ม แต่เธอรู้สึกว่าเผยหนานเจวี๋ยมีท่าทางแปลกๆ เล็กน้อย แต่เธอก็พูดไม่ถูกว่าแปลกตรงไหน

 

 

           ยิ่งตกดึก รอบข้างยิ่งเงียบสงัด เวลาไหลผ่านไปโดยไม่รู้ตัว ชีวิตนิ่งเรียบราวกับสายน้ำ

 

 

           เผยหนานเจวี๋ยยืนอยู่ที่ระเบียง มองท้องฟ้ายามค่ำคืนที่เต็มไปด้วยดวงดาว เพิ่มสีสันให้กับค่ำคืนอันเงียบสงบนี้

 

 

           เขามีบุหรี่อยู่ในมือระหว่างนิ้วชี้ยาวกับนิ้วกลาง ก้นบุหรี่สั่นไหว ยกมือขึ้น ดูดบุหรี่ที่อยู่ในมือ เปลวไฟของบุหรี่ก็ลุกขึ้นทันที

 

 

           เผยหนานเจวี๋ยรู้สึกว่าช่วงนี้เขาสูบบุหรี่มากขึ้น เวลาที่คนเรามีความเครียด ก็จะคิดว่าจะใช้วิธีไหนในการดับความกดดันนั้น

 

 

           หากฉู่เจียเสวียนอยู่ข้างกายเขาล่ะก็ บางทีตอนนี้เขาก็ไม่วุ่นวายใจแบบนี้แล้ว

 

 

           แต่ว่าตอนนี้ฉู่เจียเสวียนไม่ได้อยู่ข้างกายเขาแล้ว

 

 

           ถ้าเขารู้ก่อนหน้านี้ว่าเขาจะเจ็บปวดอย่างเช่นวันนี้ล่ะก็ เขาจะไม่มีวันปล่อยเธอไปจากข้างกายของเขา แต่ว่าบนโลกใบนี้มีคำว่า ‘รู้งี้’ ซะที่ไหนกัน

 

 

           ก่อนหน้านี้ เขาไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะมีวันหนึ่งที่เขาจะเจ็บปวดเพราะฉู่เจียเสวียน

 

 

           มีของบางอย่างเมื่อสูญเสียมันไปอย่างไม่มีวันย้อนกลับแล้ว จึงจะรู้ถึงความสำคัญของมัน

 

 

           ตอนที่เขารู้ใจของตัวเอง เขาไม่รู้จริงๆ ว่าจะต้องเผชิญหน้ากับตัวเองอย่างไร

 

 

           ตอนนี้สิ่งเดียวที่เขาทำได้ ก็คือลดอันตรายให้กับคนรอบข้าง

 

 

           อีอี…เขาควรจะทำอย่างไรกันแน่ ตอนนี้เขาไม่สามารถอยู่ด้วยกันกับเธอได้แล้ว

 

 

           ตอนนี้ความรู้สึกที่เขามีต่อฉู่อีอีนั้นเป็นเพียงพี่ชายน้องสาวมากกว่า กับฉู่เจียเสวียนต่างหากที่เป็นความรักแบบหนุ่มสาว ตั้งแต่ที่เธอกลับมา เขาก็ถูกเธอดึงดูดมาตลอด เขาควบคุมตัวเองไม่ได้

 

 

           นึกถึงพฤติกรรมแปลกๆ ของฉู่อีอีในระยะหลังมานี้ แต่เผยหนานเจวี๋ยก็พูดไม่ถูกว่ามันแปลกตรงไหน

 

 

           “หนานเจวี๋ย ทำไมคุณยังไม่นอนล่ะ มีเรื่องในใจอะไรหรือเปล่า” ฉู่อีอีเดินมาข้างๆ เผยหนานเจวี๋ย เห็นสีหน้าที่มืดมนของเขา เอ่ยถาม

 

 

           เผยหนานเจวี๋ยหันไป เห็นใบหน้าที่งดงามของฉู่อีอี เม้มปาก สายตาจับจ้องอยู่ที่เธอ

 

 

           “อีอี เล่าชีวิตตอนที่คุณอยู่เมืองนอกให้ผมฟังหน่อยสิ” จู่ๆ เผยหนานเจวี๋ยเอ่ยปาก ดวงตาที่เปล่งประกายดุจดวงดาวจ้องเขม็งอยู่ที่เขา

 

 

           จู่ๆ เขาก็อยากรู้มากจริงๆ ว่าชีวิตตอนที่เธออยู่เมืองนอกนั้นเป็นอย่างไร หากเขาต้องการสืบล่ะก็ เขาสืบได้อย่างแน่นอน แต่ว่าเขาอยากได้ยินจากปากของเธอเอง

 

 

           ฉู่อีอีคิดไม่ถึงว่าเผยหนานเจวี๋ยจะถามเธอกะทันหันแบบนี้ หัวใจเต้นแรง สีหน้าก็แข็งทื่อ แววตาที่ก้มต่ำมีความตื่นตระหนกเล็กน้อย

 

 

           เงยหน้าขึ้น เห็นแววตาของเผยหนานเจวี๋ย เธอรู้ดีว่าถ้าหากไม่บอกเขาล่ะก็ เขาจะต้องไปสืบอย่างแน่นอน

 

 

           “หนานเจวี๋ย ทำไมจู่ๆ ถึงถามแบบนี้ ผ่านไปตั้งนานแล้ว” ฉู่อีอีกล่าว น้ำเสียงไพเราะดังขึ้น ยิ้ม

 

 

           “ฉันอยู่เมืองนอกก็ไม่ได้ทำอะไร บางทีก็ออกไปเที่ยวกับเพื่อน ทำงานอยู่ที่นั่น ทำไมจู่ๆ คุณถึงรู้สึกสนใจชีวิตเมืองนอกของฉันล่ะ” ฉู่อีอีพูดพลางสำรวจอาการของเผยหนานเจวี๋ย หัวใจเต้นตึกตักตลอดเวลา เดาไม่ออกว่าทำไมเขาถึงถามแบบนี้ทันควัน