ตอนที่ 230 ไม่อยากเดินไปถึงขั้นนั้น / ตอนที่ 231 นายชอบอะไรในตัวซือเหยี่ยน

(Yaoi) เดิมพันอันตรายคุณชายจอมเจ้าเล่ห์

ตอนที่ 230 ไม่อยากเดินไปถึงขั้นนั้น 

 

 

           “โอเค งั้นถ้าเมื่อคืนฉันไม่ได้ตามไปช่วย แล้วนายจะทำยังไง ทำตามที่ซูเตอร์ต้องการเหรอ” 

 

 

           “ผมกล้าเข้าไปเหยียบกับดักของซูเตอร์แล้วก็ต้องเตรียมการทุกอย่างไว้อย่างดีเป็นธรรมดาอยู่แล้ว ตามแผนของผม เมื่อคืนถ้าคุณไม่ได้มา ก็ยังมีคนอื่นมาปรากฏตัวได้” ซือเหยี่ยนมองเขา “คุณวางใจเถอะ นอกจากคุณแล้ว ผมไม่มีทางจะไปหลับนอนกับคนอื่น” 

 

 

           เจียงมู่เฉินถลึงตาใส่เขา “นายอย่ามาพูดไปเรื่อยกับฉันที่นี่” 

 

 

           “เมื่อคืนเป็นที่คิดไม่รอบคอบเอง ผมควรที่จะบอกคุณล่วงหน้าถึงจะถูก ไม่ควรจะทำให้คุณที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ต้องมาเป็นห่วงผม” 

 

 

           ซือเหยี่ยนจับมือเจียงมู่เฉินไว้ “ผมรับรองจะไม่มีครั้งต่อไปอีก” 

 

 

           เจียงมู่เฉินเงียบไม่พูดจาครู่หนึ่ง ชักมือออกจากมือของซือเหยี่ยน สายตาเย็นชามองมาที่ซือเหยี่ยน 

 

 

           “ซือเหยี่ยน…สำหรับนายแล้ว ฉันเป็นอะไรกันแน่” 

 

 

           เขาเป็นแฟนของซือเหยี่ยน ซือเหยี่ยนก็ควรจะก้าวพร้อมกับเขาไม่ว่าจะเดินหน้าหรือถอยหลังถึงจะถูก ไม่ใช่มาวางแผน มาอ้างเหตุผลสารพัดเรื่องของตัวเอง เพื่อมาปกป้องเขาอยู่ข้างหลังตลอดไปแบบนี้ 

 

 

           “คนรัก” ซือเหยี่ยนเอ่ยอย่างไม่ลังเล 

 

 

           เจียงมู่เฉินยกมุมปากขึ้น “ซือเหยี่ยน ฉันเหนื่อยแล้ว เรื่องเมื่อคืนก็พอแค่นี้เถอะ ฉันเองก็ไม่อยากจะพูดต่อแล้ว” 

 

 

           เขาลุกขึ้นมาจากโซฟา “ฉันจะออกไปข้างนอกสักหน่อย นายไม่ต้องติดต่อฉันชั่วคราวนะ” 

 

 

           ซือเหยี่ยนใจกระตุบวูบ รีบคว้าตัวเจียงมู่เฉินเอาไว้ 

 

 

           เจียงมู่เฉินยิ้มหัวเราะ ดึงมือของซือเหยี่ยนออกอย่างเด็ดเดี่ยว “ฉันขอตัวก่อน” 

 

 

           เขาพูดจบก็เดินผ่านข้างตัวซือเหยี่ยนไป ข้าวเช้าก็ไม่ได้กิน ออกจากคอนโดมิเนียมไปทั้งอย่างนั้น 

 

 

           เจียงมู่เฉินขับรถออกไป เขาขับวนไปรอบๆ อย่างไร้จุดหมาย และก็ไม่มีที่ที่อยากไป เขาเอารถมาจอดตรงพื้นที่ว่างเปล่าอย่างแล้วแต่จะจอด เขาเอนพิงพนักที่นั่งแล้วหลับลง 

 

 

           เขารู้ว่าซือเหยี่ยนไม่มีทางจะทรยศตัวเอง ดังนั้นเมื่อวานตอนที่พบว่าซือเหยี่ยนเปลือยกายนอนอยู่บนเตียงกับซูเตอร์ ปฏิกิริยาตอบสนองอย่างแรกคือจะต้องดึงตัวซูเตอร์ให้พ้นทางให้ได้ แต่ไม่ใช่มารู้สึกว่าซือเหยี่ยนจะทำอะไรกับซูเตอร์ได้แบบนั้น 

 

 

           ปฏิกิริยาตอบสนองอย่างแรกก็คือจะตัดสินลงโทษซูเตอร์ ดังนั้นถึงได้อัดคนจนอ่วมไปชุดใหญ่ แล้วพาซือเหยี่ยนออกมา 

 

 

           เขาไม่โทษที่ซือเหยี่ยนวางแผนใส่เขา เขาก็แค่รู้สึกว่าซือเหยี่ยนไม่จำเป็นต้องยกเขาวางไว้ในตำแหน่งที่ทำได้แค่รับการปกป้องจากซือเหยี่ยนเท่านั้น 

 

 

           ก็เหมือนกับเรื่องนั้นที่เขาพูดไปเมื่อคืน เขาไม่ได้สนใจเลยด้วยซ้ำว่าซูเตอร์จะเป็นผู้สืบทอดของแก๊งมังกรครามอะไร หรือมีอำนาจใหญ่อะไรหนุนหลัง 

 

 

           ดังนั้นหลังจากที่คิดตกผลึกเรื่องราวทั้งหมดแล้ว ถึงได้รู้สึกท้อแท้ใจอยู่ไม่เบา 

 

 

           เจียงมู่เฉินถอนหายใจ ไม่ค่อยจะรู้แล้วว่าจะจัดการเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างตัวเองกับซือเหยี่ยนอย่างไรดี ถ้าเป็นอย่างนี้ต่อไปเรื่อยๆ ไม่ช้าก็เร็วสักวันระหว่างพวกเขาอาจจะจุดระเบิดปัญหาที่ใหญ่ยิ่งกว่านี้ขึ้นมาได้ 

 

 

           เขาไม่อยากเดินไปกับซือเหยี่ยนจนถึงขั้นนั้น 

 

 

           เจียงมู่เฉินหยุดสักพัก จากนั้นถึงค่อยขับรถออกไป 

 

 

           …… 

 

 

           หลังจากเจียงมู่เฉินจากไป ซือเหยี่ยนยืนนิ่งอยู่หน้าโซฟา มือไร้กำลังดิ่งลงข้างตัว อาหารเช้าที่วางอยู่บนโต๊ะค่อยๆ เปลี่ยนจากร้อนเป็นเย็นจนไม่เหลือแม้อุณหภูมิความร้อนเลยสักนิด จนอาหารทั้งหมดเย็นชืดแล้วก็ยังไม่มีใครแตะต้อง 

 

 

           เวลาผ่านไปเนิ่นนาน ซือเหยี่ยนถึงได้ขยับเขยื้อนร่างกายที่แข็งทื่อของเขา ออกจากห้องไปบริษัท 

 

 

           ไป๋จิ่งทำงานอยู่ที่บริษัทตลอดเวลา พอเห็นซือเหยี่ยน ก็รีบพุ่งตัวเข้าไปหา “เมื่อคืนนายทำอะไรลงไป ซูเตอร์เข้าโรงพยาบาลไปแล้ว” 

 

 

           “ตอนนี้ทางนั้นเขาว่ายังไงบ้าง” 

 

 

           “ทางอเมริกายังไม่มีการเคลื่อนไหวใดใดชั่วคราว แต่ตอนนี้ซูเตอร์เข้าโรงพยาบาลไปแบบนี้ จะต้องสะเทือนแก๊งมังกรครามแน่นอน ถึงตอนนั้นรอพวกเขาเข้ามา เรื่องนี้จะจัดการไม่ได้ง่ายแล้วนะ” 

 

 

           “เขาบาดเจ็บหนักเหรอ” 

 

 

           เมื่อคืนถึงแม้เจียงมู่เฉินจะลงมือไม่ได้เบาๆ แต่ซูเตอร์เองก็ไม่ใช่ลูกพลับอ่อนที่จะยอมปล่อยให้เจียงมู่เฉินอัดอยู่ฝ่ายเดียว เขาไม่ควรจะบาดเจ็บสาหัสได้ 

 

 

           “ยังดีบาดเจ็บไม่เท่าไหร่ ไม่ได้มีอะไรสาหัส ก็แค่บาดเจ็บภายนอก” ไป๋จิ่งตอบอย่างตรงไปตรงมา “นายยังไม่ได้บอกฉันเลยว่าตกลงนายคิดจะทำยังไง” 

 

 

           ซือเหยี่ยนนั่งอยู่บนเก้าอี้ในห้องทำงานครุ่นคิดอยู่สักพัก “ช่วยฉันสักเรื่อง” 

 

 

            

 

 

 ตอนที่ 231 นายชอบอะไรในตัวซือเหยี่ยน 

 

 

           ตอนนี้เขาจำเป็นต้องดึงเจียงมู่เฉินออกมาจากโคลนตมนี้ ก่อนที่ซูเตอร์จะลงมือโต้ตอบอะไร 

 

 

           “นายต้องการจะทำอะไรอีก” 

 

 

           “เปิดเผยเรื่องของฉันกับเจียงมู่เฉินให้พ่อแม่ทั้งสองตระกูลรู้” ซือเหยี่ยนหยุดสักพัก “นอกจากพวกท่าน ฉันไม่หวังว่าจะยังมีคนอื่นรู้อีก” 

 

 

           ไป๋จิ่งถลึงตาใส่เขา “นายเสียสติไปแล้วหรือไง เวลานี้จะมาเปิดตัวว่าชอบผู้ชาย เจียงมู่เฉินก็เห็นด้วยเหรอ” 

 

 

           “เขาไม่รู้ และก็ไม่จำเป็นต้องรู้” 

 

 

           “นายคิดจะปิดบังเขาเหรอ” ไป๋จิ่งไม่สนับสนุน “ฉันไม่เห็นด้วย นายทำแบบนี้ ถ้าเจียงมู่เฉินรู้เข้า ตามนิสัยเขาแล้ว เป็นไปได้สูงมากที่พวกนายสองคนจะจบกันไปทั้งแบบนี้” 

 

 

           ซือเหยี่ยนกุมขมับ “ตอนนี้ฉันไม่มีวิธีอื่นแล้ว” เขาถอนหายใจเบาๆ รอจนเคลียร์เรื่องทุกอย่างเสร็จ ค่อยกลับไปหาเจียงมู่เฉินขอให้ยกโทษให้ก็แล้วกัน 

 

 

           “เหตุผลที่นายทำแบบนี้คืออะไร นายอย่าบอกฉันนะว่านายคิดจะเลิกกับเจียงมู่เฉิน” 

 

 

           สีหน้าซือเหยี่ยนดำดิ่งลงเล็กน้อย “ถ้าฉันบอกว่าใช่ล่ะ” 

 

 

           ไป๋จิ่งตะลึงงัน “นายบ้าไปแล้วเหรอ พวกนายดีๆ กันอยู่ จู่ๆ จะมาเลิกอะไรกัน สองวันก่อนยังจะเป็นจะตายไม่สนใจอะไรทั้งนั้นเพื่อไปตามหาเขากลับมาไม่ใช่หรือไง ตอนนี้ยังอยากจะเลิกอีกเหรอ” 

 

 

           “เรื่องนี้นายไม่ต้องสนใจมาก ฉันมีแผนของฉัน” 

 

 

           ไป๋จิ่งยอมใจเขาจริงๆ ถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ “ฉันไม่รู้จริงๆ ว่าแต่เช้าจรดเย็น นายกำลังคิดอะไรอยู่…ถึงยังไงเรื่องของนายกับเจียงมู่เฉิน นายรอบคอบระมัดระวังจะดีที่สุด ถ้าเจียงมู่เฉินรู้เข้า ตามนิสัยเขา เกรงว่าทั้งชีวิตนี้นายจะตามกลับมาไม่ได้อีกแล้ว” 

 

 

           แววตาซือเหยี่ยนประกายความดำดิ่งหยั่งลึกลงไปในความรู้สึก เขาหลับตาลงเล็กน้อย เอ่ยด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “ฉันคิดอย่างชัดเจนมากแล้ว นายไปทำตามที่ฉันบอก” 

 

 

           ไป๋จิ่งถอนหายใจอย่างหมดหนทาง อยากจะพูดโน้มน้าวใจซือเหยี่ยนอีกครั้ง แต่พอเห็นท่าทางซือเหยี่ยนแบบนั้นก็คงจะไม่มีทางจะหันกลับไปเดินได้แล้ว จึงจำใจต้องเดินจากไป 

 

 

           หลังจากไป๋จิ่งออกไปแล้ว ซือเหยี่ยนหลับตาลง เดินมาถึงขั้นนี้ได้ก็เกินกว่าสิ่งที่เขาคาดการณ์ไว้ แต่ในสถานการณ์แบบนี้ เขาไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว 

 

 

           …… 

 

 

           เจียงมู่เฉินขับรถวนอยู่ข้างนอกอย่างเคว้งคว้างไปรอบหนึ่ง ถึงกลับมาที่คอนโดมีเนียม ผลักประตูเข้าไปก็พบว่าซือเหยี่ยนไม่ได้อยู่ข้างในแล้ว เหลือเพียงแค่อาหารเช้าที่เย็นไปเรียบร้อยแล้วอยู่บนโต๊ะ 

 

 

           เจียงมู่เฉินเดินเข้าไปหยิบขึ้นมา อาหารเช้านี้ไม่มีไอร้อนเลยสักนิด 

 

 

           เขาส่งมือไปหยิบเสี่ยวหลงเปาของร้านฝูจี้ที่ซือเหยี่ยนตั้งใจไปย่านเฉิงซีในถานโจวซื้อมาให้เขา กัดเข้าไปหนึ่งคำ เพราะความเย็นในเสี่ยวหลงเปาทำให้รสชาติไม่ค่อยเหมือนรสชาติในความทรงจำของเขาเท่าไหร่ 

 

 

           หลังจากเจียงมู่เฉินกัดเข้าไปสองคำก็กินเสี่ยวหลงเปาในมือหมดแล้ว ถึงเพิ่งหยิบถุงขึ้นมาคิดจะโยนลงถังขยะ แต่พอเห็นถังขยะแล้ว เจียงมู่เฉินก็โยนทิ้งไม่ลง สุดท้ายถือของทั้งหมดไปวางในครัวแทน 

 

 

           เขาขับรถออกจากคอนโดมีเนียมไปอีกครั้ง 

 

 

           ผ่านไปครึ่งชั่วโมง เจียงมู่เฉินก็มาปรากฏตัวที่โรงพยาบาล เขาสืบข่าวได้เรื่องมาว่าซูเตอร์ถูกส่งตัวเข้าโรงพยาบาล ด้วยเหตุนี้จึงตั้งใจเขามาเยี่ยมเป็นพิเศษ 

 

 

           หลังจากเจียงมู่เฉินสืบไปจนรู้ห้องพักผู้ป่วยของซูเตอร์แล้ว ก็หิ้วของขวัญเดินเข้าไป 

 

 

           เขายืนอยู่หน้าประตูมองป้ายชื่อหน้าห้องแล้ว แน่ใจว่าเป็นห้องพักผู้ป่วยของซูเตอร์แล้ว ถึงได้เข้าไปในทันใด 

 

 

           ซูเตอร์นอนอยู่บนเตียงคนไข้ ใบหน้าที่ดูดีมีรอยฟกช้ำอยู่ประมาณหนึ่ง 

 

 

            “นายมาที่นี่ทำไม ที่นี่ไม่ต้อนรับนาย” 

 

 

           เจียงมู่เฉินยิ้มหัวเราะ “ที่นายบาดเจ็บถึงยังไงก็เป็นฝีมือฉันทำ เข้ามาเยี่ยมหานายก็เป็นเรื่องที่สมควรแล้ว” 

 

 

           ซูเตอร์ถลึงตาใส่เขา ตัวเองยังไม่ทันได้ไปตามคิดบัญชีกับเขา เขากลับเป็นฝ่ายมาหาถึงที่เอง 

 

 

           “เรื่องเมื่อคืนฉันไม่มีทางจะปล่อยไปเฉยๆ ง่ายๆ ขนาดนั้นหรอก ไม่ช้าก็เร็วสักวันฉันจะมาทวงคืนทบต้นทบดอกแน่นอน” 

 

 

           ได้ยินเขาพูดมาขนาดนี้ เจียงมู่เฉินเองก็ไม่รีบร้อนอะไร เขาลากเก้าอี้ที่อยู่ใกล้มือ มานั่งวางท่าอยู่ข้างเตียงซูเตอร์ 

 

 

           “นายชอบอะไรในตัวซือเหยี่ยน”