238.2 (ll) เข้าสู่ระบบ! ผลเซียน” ลูกท้อบ้าน

เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล

Sign in Buddha’s palm 238 (II)

 

Sign in Buddha’s palm 238 (11) เข้าสู่ระบบ! ผลเซียน” ลูกท้อบ้าน!

 

“อย่านะ!”

 

“ท่านผู้ยิ่งใหญ่ ไว้ชีวิตข้า!”

 

ทันทีที่จักรพรรดิมารร้ายร้องขอความเมตตา ทั้งร่างก็ถูกทําลายด้วยพลังอันน่าสะพรึงกลัว แม้แต่จิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ก็ไม่อาจหนีรอดถูกกําจัดออกไปกลายเป็นเถ้าถ่าน

 

เฉียนขู่ที่เฝ้ามองอยู่ด้านข้าง ไม่ได้มีความตั้งใจจะหยุดแต่ประการใด

 

จักรพรรดิมารร้ายแต่เดิมก็เป็นบุคคลที่ทําเรื่องเลวร้ายภายในโลกหล้านี้ไว้มากมาย เจ็ดสิบปีที่แล้วไม่รู้ว่ามีคนถูกสังหารไปแล้วกี่คน การที่ต้องมาตายเช่นนี้ก็เป็นเรื่องสมควรแล้ว

 

“เอาล่ะ”

 

“พวกเราไปที่ยอดเขาคุนหลุนกันเถอะ”

 

ซูฉินพูดอย่างสบายๆ เดินตรงไปยังเขาคุนหลุน

 

เมื่อเห็นดังนี้ หลีหว่านก็รีบเร่งฝีเท้า แม้ว่านางจะยังไม่เติบใหญ่เป็นเพียงเด็กวัยแรกรุ่น แต่นางก็เป็นถึงผู้ฝึกยุทธในขอบเขตสามระดับกลาง เมื่อโคจรกําลังภายในแล้วออกแรงวิ่ง จะไม่สามารถพบเห็นฉากที่นางเหนื่อยจนต้องหอบหายใจได้เลย

 

“ท่านผู้ทรงสมณศักดิ์”

 

“มังกรปีศาจภายในวิหารการสงคราม…”

 

สีหน้าของเฉียนขู่เปลี่ยนแปลงไปเล็กน้อย แม้ว่าเขาจะไม่เคยเข้าไปภายในวิหารการสงคราม แต่จักรพรรดิมารร้ายได้บอกข้อมูลอันล้ำค่ามา อย่างความแข็งแกร่งของมังกรปีศาจที่คาดเดาไม่ได้ ภายในวิหารการสงครามนั้นไม่ปลอดภัย ไม่รู้ว่ามีผู้คนมากมายเท่าไหร่ที่ตกตายภายใต้พลังของมังกรปีศาจตนนั้น

 

เฉียนขู่ไม่ได้กังวลว่ามังกรปีศาจจะสังหารซูฉินได้ แต่ถ้ามังกรปีศาจลากถ่วงซูฉินเอาไว้จนวิหารการสงครามปิดตัวลง เป็นไปได้ไหมว่าซูฉินจะถูกขังอยู่ภายในวิหารการสงครามตลอดไป?

 

“สบายใจได้”

 

ซูฉินเหมือนจะเห็นถึงความกังวลของเฉียนขู่โดยไม่ได้หันกลับไปมอง “สัตว์ร้ายที่อยู่ด้านในไม่สามารถพรากชีวิตข้าได้”

 

แม้ว่าน้ำเสียงของซูฉินจะเรียบนิ่ง แต่ก็เผยความมั่นใจอยู่เล็กๆ

 

แม้ว่ามังกรปีศาจจะแข็งแกร่ง แต่ปัจจุบันซุฉินก็ไม่ได้อ่อนแอ เขาถือไพ่ลับไว้ในมือจํานวนนับไม่ถ้วน หากมังกรปีศาจรู้ความ ยอมซ่อนตัวอยู่ในมุมมืดอย่างเชื่อฟัง ซูฉินจะไม่ใส่ใจอีกฝ่ายเลย แต่ถ้ามันมีความคิดเว้าวอนใฝ่หาความตาย ซูฉินก็ไม่รังเกียจที่จะสังหารมัน

 

ไม่นาน

 

ทั้งสามต่างก็รีบเดินไปที่เขาคุนหลุน

 

เมื่อเข้าใกล้ยอดเขาคุนหลุนมากขึ้นเรื่อยๆ แรงกดดันที่อธิบายไม่ถูกก็เริ่มก่อตัวอยู่ในอากาศ แรงกดดันนี้มีอยู่ทั่วทุกหนทุกแห่ง ทุกตารางนิ้วในชั้นบรรยากาศ

 

เฉียนขู่นั้นไม่ได้เป็นอะไร อย่างไรเสียเขาก็เป็นแนวหน้าของยอดปรมาจารย์ระดับชั้นที่หนึ่ง ควบคู่ไปกับผลของกําลังภายในสายพุทธที่ช่วยทําให้จิตใจสงบตั้งมั่น จึงไม่ได้รับผลกระทบอะไรมาก

 

แต่หลีหว่านไม่สามารถทนได้อีกต่อไป ใบหน้าเล็กๆ ของนางซีดเผือด และรู้สึกว่ากําลังภายในของนางแทบจะหยุดโคจรเมื่อเจอกับแรงกดดันนี้

 

“ลุงสาม ข้ารู้สึกเหมือนกําลังจะตาย…” หลีหว่านเดินช้าลงเรื่อยๆ และแม้แต่การเปิดปากพูดก็กลายเป็นเรื่องยากอย่างมาก

 

“เอาแผ่นไม้ที่สลักสัญลักษณ์รูปดาบที่ข้าได้มอบให้มาถือไว้” ซูฉินเหลือบมองหลีหว่านแล้วกล่าวคํา

 

“เจ้าค่ะ”

 

หลีหว่านหยิบแผ่นไม้ขึ้นมาทันที และถือมันไว้แน่น มีความอบอุ่นเล็กๆ แผ่ซ่านออกมาและหลีหว่านก็รู้สึกว่าแรงกดดันรอบข้างพลันหายไปหมดในพริบตาเดียว

 

“ลุงสาม นี่มันเกิดอะไรขึ้น” หลีหว่านโล่งอก เอ่ยถามออกมาด้วยความสงสัย

 

เมื่อได้ยินเช่นนี้ เฉียนขู่ที่อยู่ถัดออกไปก็เงี่ยหูฟังทันที ตัวเขาเองก็อยากรู้เช่นกันว่าแรงกดดันในอากาศนี้มันคืออะไร

 

ก่อนหน้านี้เขาเคยมาที่เขาคุนหลุน แต่ไม่เคยพบว่าเขาคุนหลุนจะมีสิ่งผิดปกติอะไรเช่นนี้?

 

“วิหารการสงครามกําลังถือกําเนิด มันแทรกทะลวงมิติออกมาเกิดระลอกคลื่นในชั้นบรรยากาศ จึงส่งผลให้เกิดปรากฏการณ์ครั้งยิ่งใหญ่บนโลก ดังนั้นเจ้าจึงรู้สึกอึดอัด…”

 

ซูฉินเงยหน้าขึ้นมองยอดเขาคุนหลุน ดวงตาของเขาลุ่มลึก

 

มุมมองของเขาแตกต่างจากคนอื่นๆ ด้วยดวงตาแห่งสัจจะและวิชาปราณฉีฟ้ากําหนด บนยอดเขาคุนหลุนนั้นในสายตาของซูฉินเห็นเป็นระลอกคลื่นจํานวนนับไม่ถ้วน

 

“ดูเหมือนว่าวิหารการสงครามนั้นจะเกี่ยวข้องกับผู้ที่ทรงพลังแข็งแกร่งจนถึงขีดสุดจริงๆ ”

 

ความคิดของซูฉินผันผวนเล็กน้อย นึกเรื่องราวภายในใจอย่างรวดเร็ว

 

นักพรตเฒ่าแห่งสํานักเอกะวิถีได้กล่าวว่าในยุคกระแสปราณฉีเฟื่องฟูครั้งล่าสุด มีคนคาดเดาว่าวิหารการสงครามเป็นสิ่งที่สุดยอดผู้แข็งแกร่งเป็นผู้สร้างขึ้นมา

 

ตอนนี้ซูฉินได้เห็นฉากที่วิหารการสงครามกําลังจะปรากฏออกมา เขาก็รู้สึกว่าคํากล่าวของนักพรตเฒ่ามีความน่าเชื่อถืออยู่บ้าง

 

แม้ว่าซูฉินจะไม่ใช่เซียนเทพปฐพี แต่เขาก็พอเข้าใจระดับของเซียนเทพปฐพีอย่างคร่าวๆ อย่างกลวิธีที่จ้าวทะเลบูรพาใช้เพื่อไต่ขึ้นไปถึงจุดสูงสุดของขอบเขตเซียนเทพปฐพี

 

เวลาผ่านไปอย่างช้าๆ

 

หนึ่งชั่วโมงต่อมา ซูฉินและคนอื่นๆ ก็มาถึงส่วนยอดเขาคุนหลุน

 

ความกดดันในชั้นบรรยากาศเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ส่งผลให้แทบไม่มีจอมยุทธคนใดขึ้นมาเลย นักรบส่วนใหญ่ที่มาต่างก็รอกันอยู่ที่ตีนเขาคุนหลุนและรอจนกว่าวิหารการสงครามจะปรากฏออกมาอย่างสมบูรณ์ก่อนจะทะยานขึ้นสู่ยอดเขา

 

แน่นอน

 

ว่านั่นเป็นเพียงคนส่วนใหญ่

 

ยังมีจอมยุทธซ่อนเร้นมากมายอยู่บนไหล่เขา จอมยุทธเหล่านี้มีรัศมีพลังอันลึกซึ้ง อย่างน้อยก็เป็นยอดปรมาจารย์ระดับชั้นที่หนึ่งที่แปรสภาพพลังหนึ่งครั้ง เมื่อเฉียนขู่เห็นเข้าก็แอบตื่นตระหนกในใจ

 

ถ้าไม่ใช่เพราะมีซูฉินอยู่เคียงข้าง เกรงว่าเฉียนขู่จะหันหลังจากไปนานแล้ว แม้ว่าวิหารการสงครามจะเป็นสิ่งที่ดี แต่สิ่งที่ดีกว่าคือการมีชีวิตรอด

 

“มันเริ่มกดดันจิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์แล้ว”

 

ซูฉินแอบใช้จิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ตรวจสอบ เมื่อใดก็ตามที่มันถูกปลดปล่อยออกมา เขาสามารถครอบคลุมระยะทางได้อย่างน้อยกร้อยลี้ แต่ตอนนี้กลับรู้สึกว่าถูกจํากัดพลังไปหนึ่งส่วนจากหมื่นส่วน

 

ขณะนี้

 

ในที่สุดก็มาถึงจุดสูงสุดของยอดเขาคุนหลุน

 

“ที่นี่คือ?”

 

หลีหว่านเบิกตากว้างด้วยความตกใจ

 

ตอนนี้ส่วนยอดของเขาคุนหลุนเต็มไปด้วยระลอกคลื่นอยู่ทั่วทุกหนทุกแห่ง ทุกอย่างสั่นสะเทือน ไอพลังที่น่าหวาดกลัวกระจายอยู่ทุกที่ เพียงแค่มองดูก็รู้สึกสยดสยองเหมือนตกลงไปอยู่ในขุมนรก

 

“น่ากลัวเกินไปแล้ว…”

 

ร่างของเฉียนขู่สั่นเทา

 

ตอนแรกเขายังสงสัยว่าทําไมยอดปรมาจารย์เหล่านั้นจึงต้องซ่อนตัวอยู่บนไหล่เขาแทนที่จะขึ้นไปอยู่บนยอดเขา ตอนนี้ดูเหมือนจะพอเข้าใจแล้วว่าไม่ใช่พวกเขาไม่ต้องการ แต่พวกเขาแค่ไม่กล้า

 

ในสภาพที่มีระลอกคลื่นหนาแน่นในชั้นบรรยากาศเช่นนี้ แม้แต่ยอดปรมาจารย์ขั้นสูงสุดก็ยังเกรงกลัว

 

“น่าจะปรากฏออกมาอย่างสมบูรณ์ภายในหนึ่งวัน”

 

สีหน้าของซุฉินยังคงไม่เปลี่ยนแปลง ทั้งยังประมาณเวลาการเกิดวิหารการสงครามเสียอย่างนั้น

 

จอมยุทธทั่วไปอาจจะหวาดกลัวกับระลอกคลื่นในชั้นบรรยากาศนี้ แต่ซูฉินได้มองทะลุทุกสิ่งได้ด้วยดวงตาแห่งสัจจะและวิชาปราณฉีฟ้ากําหนด แม้ระลอกคลื่นในชั้นบรรยากาศนี้จะน่ากลัว แต่มันก็กําหนดพิกัดเฉพาะเอาไว้บนยอดเขา เพียงเท่านั้นตราบใดที่ไม่ ผืนเข้าไปหามันก็จะไม่มีอันตรายใด

 

“ถึงแม้ว่าวิหารการสงครามจะยังไม่ถือกําเนิดขึ้น แต่ก็ใช่ว่าจะลงชื่อเข้าใช้ไม่ได้ ที่นี่คือยอดเขาคุนหลุนที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนาน จะมี” เต่าสะสม ให้ข้าได้ลงชื่อเข้าใช้หรือไม่นะ?”

 

ซูฉินคิดเรื่องนี้แววตาของเขาก็เป็นประกาย

 

เขาคุนหลุนนั้นขึ้นชื่อว่าเป็นหมื่นขุนเขาโบราณ เป็นดินแดนแห่งทวยเทพ ตามตํานานเล่าลือว่าเจ้าแม่ซีหวังหมู่[1] ได้อาศัยอยู่ในภูเขาคุนหลุน

 

แม้ว่าซูฉินจะอยู่บนยอดเขาในตอนนี้ แต่ก็ไม่พบร่องรอยค่ายกลฟ้าดินขนาดใหญ่ใดบนเขาคุนหลุน ทว่าภูเขาคุนหลุนมีตํานานเล่าขานมากมาย เรื่องราวจึงไม่ง่ายดายนัก อาจจะมีถ้ำเซียนของตัวตนทรงพลังคล้ายๆ กับบนเกาะหยิงโจวก็เป็นได้

 

เมื่อคิดได้ดังนี้ ซูฉินก็ก้าวเท้าออกไปก้าวหนึ่งแล้วพึมพําอยู่ภายในใจ

 

“ระบบ ลงชื่อเข้าใช้!”

 

[ขอแสดงความยินดี โฮสต์ลงชื่อเข้าใช้สําเร็จ ได้รับผลเซียน” ลูกท้อบ้าน]

 

[1] ซีหวังหมู่ เป็นเทพธิดาที่คอยดูแลนางฟ้านางสวรรค์ และเป็นตัวแทนของธาตุหยิน เจ้าแม่ชีหวังหมู่ประทับอยู่บนเขากูซานหรือไท้ซานบนเทือกเขาคุนหลุน ซึ่งเจ้าแม่ก็ได้ปลูกต้นท้อเอาไว้มากมาย และจะจัดงานเลี้ยงลูกท้อฉลองวันเทวสมภพของพระนางเองที่ตําหนักเหยาฉือ