สาเหตุที่คิดเช่นนี้ เป็นเพราะว่าเฉินฉางเซิงนึกวิธีที่จะช่วยให้นางรอดชีวิตได้วิธีหนึ่ง
ในคัมภีร์ลัทธิเต๋าสามพันมหามรรคไม่เคยพูดถึงวิธีนี้ ในวิชาแพทย์ก็ไม่มีการจดบันทึกที่เกี่ยวข้องกันไว้ วิธีนั้นไม่เคยมีใครใช้มาก่อน ฟังดูแล้วไร้สาระสิ้นดี อีกทั้งก็ไม่ได้มีเหตุผลอะไร แต่เขายิ่งมายิ่งรู้สึกได้อย่างรุนแรงว่า วิธีแบบนั้นอาจจะใช้ได้ ถ้าสิ่งที่เขาคาดเดานั้นเป็นจริง ฉะนั้นก็เหมือนกับที่สวีโหย่วหรงพูดเมื่อครู่…หากเขาไม่อยากให้ใครตาย ใครคนนั้นก็จะตายยากมาก
เพียงแต่มันไม่แน่ว่าจะได้ผล อีกทั้งศิษย์พี่จะต้องไม่ยอมเป็นแน่
เขาไม่ได้ใช้เวลาขบคิดนานเกินไป มองไปยังสวีโหย่วหรงพลางพูดอย่างตั้งใจว่า “อีกสักพักข้าจะใช้วิธีการหนึ่ง ต้องบอกเจ้าไว้ก่อนล่วงหน้า หวังว่าถึงเวลานั้นเจ้าจะไม่ตกใจเกินไป”
สวีโหย่วหรงเห็นสายตาของเขาสดใสชัดเจน ก็เริ่มตั้งใจขึ้นมาเช่นกัน ถามว่า “วิธีอะไร?”
นางไม่กลัวความตาย ฉะนั้นก่อนหน้านี้ถึงได้แสดงท่าทีที่ไม่แยแสเช่นนั้น แต่แล้วจู่ๆ พลันมองเห็นความหวังในความสิ้นหวัง ไม่ว่าเป็นใครก็ล้วนมีอารมณ์แปรปรวน เป็นไปไม่ได้ที่จะมองเล่นๆ แน่นอนว่าต้องเห็นความสำคัญ
“เจ้ารู้ไหมว่าม้าตายต้องรักษาอย่างไร?” เฉินฉางเซิงมองนางพลางถามด้วยรอยยิ้ม
นี่เป็นสำนวนที่โด่งดังวลีหนึ่ง นางนึกว่าเขาจะใช้ประโยคนี้เล่นมุก จึงมองเขา ทำอะไรไม่ถูกเล็กน้อย ในใจคิด ตลอดทางพูดไปหลายครั้ง เจ้าไม่มีพรสวรรค์ในการเล่นมุก ทำไมยังต้องลำบากตัวเอง?
“ม้าตายรักษาได้เพียงรักษาเหมือนม้าเป็น เจ้าไม่มีเลือด เช่นนั้นก็เอาเลือดให้เจ้า”
เฉินฉางเซิงเริ่มม้วนชายเสื้อขึ้นมา ม้วนถึงครึ่งหนึ่ง รู้สึกว่าปากชายเสื้อที่กองอยู่ด้วยกันเกะกะเล็กน้อย ก็เลยถอดเสื้อผ้าทิ้ง
ในหลายวันที่แล้ว เนื่องจากสวีโหย่วหรงรู้สึกหนาว เสื้อชั้นนอกของเขาก็คลุมอยู่บนตัวนางมาตลอด เหลือเพียงเสื้อติดตัวชิ้นเดียว ถอดง่ายมาก
เขาถอดเสื้อออกมาอย่างรวดเร็ว จับกระบี่สั้น ก็เตรียมพร้อมที่จะกรีดข้อมือ
แต่กลับมีมือข้างหนึ่งจับข้อมือซ้ายของเขาไว้ บดบังปลายแหลมคมของกระบี่สั้น
“เจ้า…จะเอาเลือดให้ข้า?”
นางจ้องมองตาของเขา พูดด้วยความตั้งใจอย่างยิ่งว่า “แม้ข้าจะไม่เคยบอกเจ้าว่าสายเลือดของข้าไม่เหมือนกับคนธรรมดา แต่เจ้าน่าจะรู้ เลือดของสัตว์อสูรที่พบเจอระหว่างทางไม่มีประโยชน์สำหรับข้า จะลองอีกทำไม?”
เฉินฉางเซิงมองนางพลางพูดว่า “ก็เป็นเพราะการคิดที่เป็นระเบียบแบบแผนเหล่านี้ ถึงได้ทำให้ข้าลืมเรื่องอะไรบางอย่าง”
“เรื่องอะไร?” นางถาม
เฉินฉางเซิงพูดว่า “ข้าไม่ใช่สัตว์อสูร เลือดของข้าก็ไม่ใช่เลือดของสัตว์อสูรเช่นกัน”
ริมฝีปากของสวีโหย่วหรงยกขึ้นเล็กน้อย นั่นเป็นรอยยิ้มที่มีความเยาะเย้ยเล็กน้อย…นางไม่ได้หัวเราะเยาะความคิดเพ้อฝันของเฉินฉางเซิง แต่เป็นการหัวเราะเยาะตัวเอง เลือดแท้หงส์สวรรค์ที่ไหลอยู่ในร่างกายของนางเป็นต้นตอของพลังและความทรงเกียรติทั้งหมด แต่แล้วในตอนที่นางเสียเลือดแท้เหล่านั้นไป ถึงสังเกตได้ว่าเลือดแท้หงส์สวรรค์ เป็นสาเหตุของการเปลี่ยนแปลงจากความทะนงของนางกลายเป็นความตาย
เลือดของเฉินฉางเซิงแน่นอนว่าไม่เหมือนกับของสัตว์อสูร แต่เลือดของเผ่ามนุษย์ธรรมดา จะสามารถแทนเลือดแท้หงส์สวรรค์ได้อย่างไร?
เสียงตกตะลึงดังขึ้นในสุสาน!
เฉินฉางเซิงไม่ได้สนใจความต้องการของนาง เอามือของนางออกโดยตรง วางกระบี่สั้นในแนวนอนแล้วกรีดลงไปที่ข้อมือ
เขาเคยนอนแช่เลือดมังกรในโลกอันหนาวเหน็บที่บ่อน้ำใต้สะพานอุดรใหม่ สมบูรณ์แบบยิ่งกว่าการชำระกระดูกที่สมบูรณ์แบบที่สุด จากนั้นได้รับพลังและความเร็วที่ยากจะจินตนาการ รวมถึงความแข็งแรงของร่างกายที่ยากจะจินตนาการยิ่งกว่า อ้างอิงจากสิ่งเหล่านี้ เขาจึงเอาชนะเหล่าหนอนหนังสือวัยเยาว์อย่างต่อเนื่องจำนวนมากขนาดนั้นในการสอบใหญ่ จนกระทั่งสุดท้ายได้รับอันดับหนึ่งขั้นหนึ่งของการสอบใหญ่
ถ้าเป็นอาวุธธรรมดา แม้จะเป็นศาสตราเทพในการจัดอันดับร้อยศาสตรา อยู่ในมือของเขา ล้วนตัดขาดผิวหนังได้ยากยิ่ง ในสนามต่อสู้ที่ข้างทะเลสาบ โฉมสะคราญเผ่ามารสองคนที่แข็งแกร่ง ในตอนสุดท้ายเกือบจะทำลายอวัยวะภายในของเขาได้ แต่กลับไม่เหลือร่องรอยบาดแผลที่ผิวหนังนอกร่างกายของเขาแม้แต่รอยเดียว ก็เป็นเพราะเหตุผลนี้
แต่กระบี่สั้นในมือของเขาทำได้
กระบี่สั้นเล่มนี้เป็นของขวัญที่ศิษย์พี่อวี๋เหรินให้เขาตอนที่เขาออกจากวัดเก่าเมืองซีหนิง มองดูแล้วธรรมดาจนผิดปกติ ไม่มีชื่อเสียงใดๆ ในโลกหล้า บนการจัดลำดับร้อยศาสตรายิ่งไม่มีเงาของมันอยู่ แต่เฉินฉางเซิงไม่เคยเจอกระบี่ที่แหลมคมกว่ามัน ไม่ว่าจะเป็นกระบี่เวิ่นสุ่ยของถังซานสือลิ่ว หรือว่ากระบี่หลีซานที่เอวของชีเจียน ล้วนสู้มันไม่ได้
เสียงพรึ่บแผ่วเบาดังขึ้นเสียงหนึ่ง บนข้อมือของเขามีเส้นแดงฉานที่ตรงดิ่งปรากฏขึ้นเส้นหนึ่ง จากนั้นเส้นสายนั้นก็ขยายเปิดออกสองข้างด้วยความเร็วที่สามารถมองด้วยตาเปล่า เลือดสดไหลท่วมออกมาจากบาดแผลเส้นนั้น กำลังจะหยดลงมา
เขาเอาปลอกกระบี่วางรอรับอยู่ด้านหลังแล้ว
จู่ๆ เลือดสดของเขาก็ค่อยๆ ไหลเข้าไปในปลอกกระบี่
“เจ้าจะทำอะไรกันแน่?” สวีโหย่วหรงโมโหมาก เนื่องจากเขาไม่ยอมฟังตัวเอง เพราะว่าเขาดื้อรั้นเช่นนี้
จากนั้น นางพลันได้กลิ่นหอมบางๆ
นั่นเป็นกลิ่นหอมที่ประหลาดมากชนิดหนึ่ง อ่อนจางกว่ากลิ่นหอมของบุปผาที่เบาบางที่สุดเสียอีก เข้มกว่าน้ำหอมที่เข้มข้นที่สุด
หลังกลิ่นหอมนั้นถูกสูดดม ก็จะเกิดการเปลี่ยนแปลงจำนวนมาก บ้างเข้มข้นบ้างอ่อนจาง บ้างอ่อนจางบ้างเข้มข้น
บางครั้งเป็นกลิ่นหอมดอกไม้ บางครั้งเหมือนน้ำผึ้ง บางครั้งเหมือนผลไม้สดใหม่ที่เพิ่งผลิดอกออกผลในสวน ยังคงไม่ทันสุกงอม แต่ก็มีไอพลังปราณแล้ว
นี่เป็นกลิ่นอะไร?
นางมองข้อมือของเฉินฉางเซิง มั่นใจว่ากลิ่นนั้นมาจากเลือดของเขา
เลือดของเฉินฉางเซิงยิ่งไหลยิ่งเยอะ กลิ่นหอมนั้นก็ยิ่งมายิ่งเข้มข้น
ตามการไหลไปของเวลา นางยิ่งรับรู้ได้มากขึ้น
การยั่วยวนที่ชั่วร้ายที่สุด ก็คือความหอมหวานที่บริสุทธิ์ที่สุด
โบราณที่สุด แต่ก็สดใหม่ที่สุด
งดงามอย่างยิ่ง
นั่นเป็นไอพลังปราณของชีวิตที่ซับซ้อนอย่างยิ่งทั้งยังมีชีวิตชีวา
นั่นเป็นพลังชีวิตที่ยิ่งใหญ่จนยากที่จะจินตนาการ
สวีโหย่วหรงมองเฉินฉางเซิง ตกตะลึงจนพูดจาไม่ออก รู้ว่าแม้จะเป็นสุสานของโจวตู๋ฟู ก็ไม่สามารถให้ความสะเทือนใจที่ยิ่งใหญ่ขนาดนี้ต่อนางได้…นี่เป็นเลือดอะไร? จริงๆ แล้วเจ้าเป็นใคร? เจ้า…เป็นคนไหม?
ขณะกำลังคิดเรื่องพวกนี้ จู่ๆ นางก็สลบไป
ไม่ใช่เพราะภาพที่เห็นอยู่ตรงหน้านี้ หรือกลิ่นเลือดที่นางได้สูดดม แต่เป็นเพราะก่อนนี้เฉินฉางเซิงพลันแทงเข็มทองเข้าไปยังจุดเหอกู่*ของนางอย่างไรสุ้มเสียง
เขาอธิบายกับนางแล้วว่าตัวเองจะใช้วิธีอะไรมาช่วยนาง เพียงแค่จะบอกนางในเรื่องนี้ ไม่ได้แปลว่าเขาต้องการให้นางดูตัวเองทำเรื่องพวกนี้ เพื่อที่นางจะได้รักษาสภาพจิตใจให้สงบ จึงทำให้นางนอนหลับไป เป็นทางเลือกที่ดีที่สุด ในเวลาเดียวกัน เช่นนี้ก็สามารถรับรองได้ว่านางจะไม่รบกวนกระบวนการนี้ ต้องรู้ว่า ทุกหยดเลือดของเขาล้วนล้ำค่ามาก
ที่สำคัญที่สุดคือ เขาไม่รู้ว่าหลังจากที่นางได้กลิ่นเลือดของเขาแล้ว จะมีการตอบสนองอย่างไร
เวลาค่อยๆ ไหลไปอย่างเชื่องช้า เลือดที่บริเวณข้อมือค่อยๆ แข็งตัว บาดแผลค่อยๆ ปิด เขาไม่เคยทำเรื่องเช่นนี้มาก่อน ไม่รู้เหมือนกันว่าเลือดในปลอกกระบี่พอไหม เพื่อความปลอดภัยไว้ก่อน เขาเอากระบี่สั้นขึ้นมาอย่างไม่ลังเล กรีดบาดแผลออกอีกครั้ง กระทั่งกรีดลึกกว่าเดิมหน่อย…เจ็บเล็กน้อย แต่ยังอยู่ในขอบเขตที่สามารถทนได้
ทำเช่นนี้ซ้ำสี่ครั้ง เลือดสดไหลเข้าไปในปลอกกระบี่จากบนข้อมืออย่างไม่หยุดหย่อน
ผ่านไปเป็นเวลานาน เขาคิดว่าน่าจะพอแล้ว?
จู่ๆ ภาพตรงหน้าของเขาก็พร่าเลือนเล็กน้อย
หรือว่าตัวเองกลัวเลือด? ทำไมแต่ก่อนไม่เคยสังเกต ผ่านไปสักพัก เมื่อเขาปลอดโปร่งขึ้นมามาก ถึงรู้ว่าไม่ใช่กลัวเลือด และก็ไม่ใช่หิวจนตาลาย ที่เป็นเช่นนี้ เป็นเพราะเลือดไหลเยอะเกินไป
เรื่องที่จะทำในขั้นต่อไป ก็คือจะถ่ายเลือดเหล่านี้เข้าไปในร่างกายของหญิงสาว
เขาใช้เศษผ้าเส้นหนึ่งผูกเงื่อนตายที่บาดแผลบนข้อมือจนแน่น เพื่อให้มั่นใจว่าจะไม่รบกวนการเคลื่อนไหว และก็ไม่ทำให้เลือดไหลออกมาอีก จากนั้นก็เดินไปที่ข้างกายสวีโหย่วหรง แก้เชือกผูกบนสาบเสื้อของนางออก เผยลำคอที่ขาวบริสุทธิ์และกระดูกไหล่ที่เรียบลื่น นิ้วมือข้างซ้ายจับผิวหนังของนางเบาๆ มือขวาจับกระบี่สั้นตามอย่างช้าๆ
แรงสั่นสะเทือนที่ไม่ค่อยชัดเจน ยิ่งพูดไม่ได้ว่าแข็งแรง แสดงเห็นว่าอ่อนแออย่างยิ่งสายหนึ่ง ส่งจากผิวหนังของนางเข้ามายังแป้นนิ้วมือของเขา
ก็คือตรงนี้
เขาถือกระบี่สั้น กดที่ตรงนั้นแล้วออกแรงเล็กน้อย แทงเข้าไป
…………………..
*จุดเหอกู่เป็นจุดที่มีความสำคัญและใช้กันมากจุดหนึ่ง อยู่ที่บริเวณกล้ามเนื้อระหว่างนิ้วชี้และหัวนิ้วมือ จุดนี้ถูกใช้ในการขับเคลื่อนการไหลเวียนของพลังไม่ให้เกิดการอุดตัน โดยเฉพาะในบริเวณศีรษะ เป็นจุดที่เหมาะสำหรับการรักษาอาการปวด