ตอนที่ 2189 เรื่องราวอีกบทของหวาเซี่ย (30) / ตอนที่ 2190 เรื่องราวอีกบทของหวาเซี่ย (31)

ยอดชายาจักรพรรดิปีศาจ

ตอนที่ 2189 เรื่องราวอีกบทของหวาเซี่ย (30)

“คนแบบนั้นจะมีอะไรดีได้ยังไง” คำพูดของหนานกงหลานเต็มไปด้วยความไม่พอใจ “ก็อย่างที่คิดนั่นแหละค่ะ คนประเภทเดียวกันก็ต้องเป็นเหมือนกัน ตระกูลหนานกงของเราช่วยเหลือเขามาตั้งเท่าไหร่ เขายังไม่รู้จักซาบซึ้งบุญคุณเลย ทำตัวต่ำทรามยิ่งกว่าสัตว์เดรัจฉานเสียอีก!”

ดวงตาของจ้าวเหม่ยเสวี่ยเป็นประกายแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรอีก นางเพียงแต่ยิ้มและเอ่ยขึ้นว่า “หลานเอ๋อร์ ลูกคงเหนื่อยมากแล้ว น่าจะไปพักสักหน่อยนะจ๊ะ เดี๋ยวมาจะหาวิธีอื่นกำจัดไอ้แก่นั่นอีกทีก็แล้วกัน”

“ได้ค่ะ” หนานกงหลานพยักหน้า “อันที่จริง ตาแก่นั่นก็เป็นปู่ของหนูเอง หนูไม่ควรจะอยากให้เขาตายเร็วนักหรอกค่ะ แต่เขาเอาแต่คิดถึงเจ้าสารเลวหนานกงอวิ๋นอี้คนเดียวแบบนั้น! ถ้าเขาไม่มุ่งมั่นจะให้หนานกงอวิ๋นอี้เป็นผู้สืบทอดตระกูลให้ได้ละก็ หนูก็คงไม่ทำกับเขาแบบนี้หรอก”

เมื่อคิดได้ดังนั้น หนานกงหลานก็ค่อยรู้สึกดีขึ้น ประกายความชั่วร้ายฉายวาบขึ้นในดวงตาของเธอ

จ้าวเหม่ยเสวี่ยค่อยๆ หลับตาลงช้าๆ “หลานเอ๋อร์ จงจำไว้ว่าตระกูลหนานกงจะต้องเป็นของพวกเราเท่านั้น”

ฉันจะไม่มีวันยกให้คนอื่น!

หนานกงหลานกัดริมฝีปากและเดินขึ้นบันไดไปยังชั้นสองอย่างรวดเร็ว

จ้าวเหม่ยเสวี่ยลืมตาขึ้นหลังจากรอให้หนานกงหลานออกจากห้องไป ก่อนจะล้วงเอาโทรศัพท์ออกมาต่อสาย

“ฮัลโหล” เสียงห้าวลึกดังมาจากปลายสาย ทำให้จ้าวเหม่ยเสวี่ยเผลอกำโทรศัพท์แน่น

คนที่ปลายสายพูดขึ้นอีกครั้งในระหว่างที่จ้าวเหม่ยเสวี่ยยังเงียบอยู่ “นี่เธอไม่กลัวคนตระกูลหนานกงบ้างรึไง ถึงได้โทรหาฉันกลางวันแสกๆ แบบนี้”

“ฉัน…” จ้าวเหม่ยเสวี่ยห่อปาก “ฉันคิดถึงคุณ แล้วก็…ตาแก่นั่นไม่ตายนะ”

“อะไรนะ”

เขาไม่ตายงั้นรึ มันจะเป็นไปได้ยังไงกัน

แผนการของเขาไร้ที่ติ ชายชราผู้นั้นน่าจะต้องจบชีวิตไปแล้วอย่างไม่ต้องสงสัย แล้วก็จะไม่มีใคร

เชื่อมโยงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจนสาวมาถึงตัวเขาได้ด้วย!

“ผู้หญิงที่ชื่ออวิ๋นลั่วเฟิงเป็นคนช่วยชีวิตเขาเอาไว้” จ้าวเหม่ยเสวี่ยหลุบตาลงต่ำขณะที่พูด

คนที่ปลายสายเงียบไปโดยไม่พูดอะไรเลยพักใหญ่ ก่อนจะถามขึ้นว่า “แล้วนี่เธอโทรหาฉันทำไม”

“ฉันอยากให้คุณช่วยทำให้เกิดอุบัติเหตุอีกสักครั้ง คราวนี้ฉันไม่เชื่อหรอกว่ามันจะรอดมาได้อีกน่ะ!”

คู่สนทนานิ่งไปครู่หนึ่ง “แค่ตอนที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุครั้งแรกนั่นก็นับว่ายากมากแล้ว ถ้าจะให้ทำอีกครั้งก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย”

“ฉันไม่สน คุณต้องช่วยฉัน! ต่อให้คุณไม่ทำเพื่อฉัน ก็ทำเพื่อลูกสาวของเรา! อย่าบอกว่าคุณจะทนให้ลูกต้องถูกเจ้าหนานกงอวิ๋นอี้นั่นกดหัวเอาไว้นะ ขอแค่ให้ตาแก่นั่นตายไปซะก่อนเถอะ แล้วฉันจะจัดการกับหนานกงชวนเป็นคนต่อไป!”

“ถึงจะยังไงหนานกงชวนก็เป็นสามีของเธอนะ เธอจะทำได้ลงคอจริงๆ น่ะรึ”

“ก็จะทำไมล่ะ ฉันก็แค่ต้องการทรัพย์สมบัติของตระกูลหนานกงเท่านั้น เรื่องอื่นฉันไม่สน! อีกอย่าง คนที่ฉันรักก็มีแค่คุณคนเดียวเท่านั้น! ถ้าไม่ใช่เพื่อหวังสมบัติของพวกนั้นแล้ว ฉันจะเลือกแต่งงานกับเขาทำไมกัน” ด้วยเกรงว่าผู้ชายที่อยู่ปลายสายจะลำบากใจ จ้าวเหม่ยเสวี่ยจึงรีบพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลงอย่างมากเพื่อออดอ้อนเขา

“นี่หลานเอ๋อร์ไม่รู้ใช่ไหมว่าเธอเป็นลูกสาวของฉันน่ะ”

“ค่ะ ตอนนี้ฉันยังเปิดเผยให้ลูกรู้ไม่ได้ เธอคงตั้งตัวไม่ติดแน่”

“เอาละ…” ชายผู้นั้นเงียบไปครู่หนึ่ง “ฉันจะช่วยเธอ แต่สมบัติส่วนหนึ่งของตระกูลหนานกงจะต้องเป็นของฉันด้วย”

แววเย็นเยียบวาบผ่านดวงตาที่หรี่ลงของจ้าวเหม่ยเสวี่ย ทว่าน้ำเสียงของเธออย่างอ่อนหวานไม่เปลี่ยน “ถึงอย่างไรคุณก็เป็นผู้ชายคนเดียวที่ฉันรักอยู่แล้ว สมบัติพวกนั้นจะเป็นของใครได้ล่ะคะถ้าไม่ใช่คุณน่ะ”

ตอนที่ 2190 เรื่องราวอีกบทของหวาเซี่ย (31)

ชายที่อยู่ปลายสายพูดบางอย่างกับจ้าวเหม่ยเสวี่ยอีกเล็กน้อยก่อนจะวางสายไป

เมื่อวางหู ดวงตาของเธอก็เป็นประกายวิบวับ ก่อนจะแย้มยิ้มเยือกเย็น “พวกผู้ชายนี่มันหน้าโง่ซะจริงๆ หนานกงชวนก็โง่ แกก็โง่ ให้ฉันหลอกใช้ได้ง่ายๆ เหมือนพวกปัญญาอ่อน!”

“นั่นใครน่ะ”

ทันใดนั้น จ้าวเหม่ยเสวี่ยก็เหมือนจะได้ยินเสียงบางอย่าง เธอหันขวับไปทันทีแล้วก็ได้เห็นหนูตัวหนึ่งวิ่งผ่านหน้าไป “ในคฤหาสน์แบบนี้ทำไมถึงมีหนูได้นะ สงสัยฉันจะต้องสั่งให้คนมาทำความสะอาดแล้วสิ”

เธอไม่ได้ใส่ใจหนูตัวเล็กๆ นั่นอีกต่อไป ถึงยังไงสัตว์นั่นก็ฟังภาษามนุษย์ไม่ออก มันจะรู้ได้ยังไงว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่ แต่ถึงอย่างนั้น…

ทำไมสิ่งที่อยู่ในปากเจ้าหนูนั่นถึงได้ดูเหมือนปากกาอัดเสียงไม่มีผิด

เมื่อคิดถึงสิ่งนี้ จ้าวเหม่ยเสวี่ยก็สะบัดหัว ฉันคงมองผิดไปเองนั่นแหละ หนูบ้าอะไรจะเที่ยวคาบปากกาอัดเสียงไปทั่วแบบนี้ มันเป็นไปได้ที่ไหนกัน จ้าวเหม่ยเสวี่ยเลิกคิดถึงเรื่องนี้ เธอเดินขึ้นชั้นสองไปพร้อมเสียงรองเท้าส้นสูงที่ดังกระทบพื้นเป็นจังหวะ ดังก้อนสะท้อนไปทั่วทั้งคฤหาสน์ที่ว่างเปล่าหลังนั้น…

ที่ภัตตาคารชุนหยวนเสวี่ย

รถยนต์หรูหลายคันจอดอยู่ที่ประตูทางเข้า ทำให้เมื่ออวิ๋นลั่วเฟิงและคนอื่นๆ ก้าวลงมาจากรถแท็กซี่ จึงถูกหลายคนหันมามองด้วยความสนใจ

“พ่อคะ พี่ลั่วเฟิง”

นี่เป็นครั้งแรกที่ฟู่ฉิงมีโอกาสได้มาภัตตาคารหรูหราแบบนี้ เด็กสาวค่อนข้างประหม่าและสะดุ้งอย่างขวัญอ่อน เพราะเธอรู้สึกว่าตัวเองกำลังถูกจับจ้องราวกับสัตว์ในสวนสัตว์

“ลั่วเฟิง คือว่า…” ฟู่หรูถึงกับตกตะลึง “นี่เธอจองห้องของภัตตาคารชุนหยวนเสวี่ยงั้นรึ ฉันจำได้ว่าห้องรับรองของที่นี่จะต้องจองล่วงหน้าอย่างน้อยเป็นปีเลยนะ นี่เธอทำได้ยังไงกันน่ะ”

อวิ๋นลั่วเฟิงยิ้ม “หนานกงช่วยจองให้น่ะค่ะ”

หนานกงรึ

ฟู่หรูกะพริบตาอย่างอัศจรรย์ใจ นี่หนานกงมีอิทธิพลมากขนาดนี้เลยเชียวหรือ

แต่ถึงกระนั้น…

เมื่อนึกถึงเงินที่ยังเหลืออยู่อีกไม่กี่หมื่นหยวนในบัญชีธนาคาร ฟู่หรูก็กัดฟันก่อนจะเดินเข้าไป เงินอีกไม่กี่หมื่นหยวนที่เหลือนั่นน่าจะพอสำหรับจ่ายค่าอาหารมื้อนี้ ฉันควรจะใช้โอกาสนี้ร่วมฉลองการกลับมาของลูกศิษย์ แล้วก็ให้ฉิงเอ๋อร์ได้กินอาหารดีๆ กับเขาบ้าง!

แน่นอนว่าอวิ๋นลั่วเฟิงไม่รู้ถึงสิ่งที่ฟู่หรูขบคิดอยู่ในใจ นางจับมืออวิ๋นเนี่ยนเฟิงและอวิ๋นชูเทียนไว้ อวิ๋นเซียวเดินตามหลังเธอ แล้วทั้งหมดก็ตรงเข้าไปในภัตตาคาร

เอี๊ยด!

อยู่ๆ เสียงยางบดถนนหวีดแหลมก็ดังขึ้นทางด้านหลังพวกเขา อวิ๋นชูเทียนที่เดินอยู่ข้างมารดาหันไปมองตามสายตาของคนอื่นด้วยความสงสัย แล้วดวงตางามของนางก็ระบายไปด้วยความตื่นเต้น

มันคือรถสปอร์ตสีแดงที่แล่นเข้ามาจอดอย่างรวดเร็ว จากนั้นประตูรถสปอร์ตก็เปิดออก แล้วชายหญิงคู่หนึ่งก็ก้าวออกมา ผู้ชายนั้นดูหล่อเหลาอย่างยิ่งในชุดแจ็กเก็ตหนังสีดำ ส่วนผู้หญิงที่มาด้วยก็สวมเดรสยืดตัวสั้น ใครต่อใครสามารถมองเห็นหน้าอกหน้าใจของเธอได้ชัดเจนยามที่เธอโน้มตัวลงมา

“อ๊าย!”

อวิ๋นชูเทียนที่จ้องมองอย่างตะลึงลานรีบยกมือน้อยๆ ขึ้นปิดตาทันทีเมื่อเห็นผู้หญิงในเครื่องแต่งกายวาบหวิวเช่นนั้น

“อย่ามองนะ พี่เนี่ยนเฟิง อย่ามอง!”

พวกเธอมาอยู่หวาเซี่ยได้พักใหญ่แล้ว และได้เห็นผู้คนสวมชุดเซ็กซี่มาก็ไม่น้อย แต่….ผู้หญิงคนนี้คือน้อยจริงๆ ไม่ต้องแปลกใจเลยว่าทำไมอวิ๋นชูเทียนถึงได้มีปฏิกิริยาเช่นนี้

อวิ๋นลั่วเฟิงและอวิ๋นเซียวมองหน้ากันและกัน ดูเหมือนว่าเด็กน้อยสองคนนี้จะเข้ากันได้ดีกว่าที่เขาและนางคาดเอาไว้…

เมื่ออวิ๋นชูเทียนโตขึ้น นางจะต้องกลายเป็นลูกสะใภ้ของเธออย่างแน่นอน