กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ บทที่ 787
“แม่นาง……”
หลินซือหย่วนต้องการจะไล่ตามไป แต่นางรวดเร็วเกินไป ไม่ว่าเขาจะไล่ตามอย่างไรก็ตามไม่ทัน จึงทำได้เพียงยอมถอดใจ
คำพูดของกู้ชูหน่วนก้องอยู่ในหูของเขา
“ในโลกนี้มีแต่ผู้ที่แข็งแกร่งเท่านั้นที่จะอยู่รอด หากเจ้าไม่อยากถูกรังแก และอยากปกป้องคนที่อยากปกป้อง เจ้าจะต้องแข็งแกร่งมากขึ้นเรื่อย ๆ”
ใช่ เขาจะต้องแข็งแกร่งขึ้น
แข็งแกร่งจนไม่มีใครสามารถรังแกเขาได้ตามอำเภอใจ
แข็งแกร่งมากพอที่จะปกป้องแม่นางผู้นั้น……
ความมืดมิดในยามค่ำคืน
กู้ชูหน่วนกระโดดไปมาบนหลังคาในเมืองหลวงของรัฐปิงอย่างรวดเร็วราวกับเสือชีตาห์
นางไม่มีความทรงจำใด ๆ เกี่ยวกับเมืองหลวงเลย จึงต้องถามคนที่อยู่แถวนั้น และในที่สุดก็มาจนถึงจวนมู่
จากการสอบถามของนาง
จวนมู่เป็นตระกูลขุนนางมานับหลายพันปี แต่ก็ตกต่ำไปนานแล้ว จวนมู่นอกจากผู้นำตระกูลมู่และคนนอกตระกูลอีกสองคนแล้ว ก็ไม่มีใครอยู่ในลำดับที่หนึ่งแม้แต่คนเดียว
และผู้นำตระกูลมู่ก็เป็นเพียงอันดับที่สองเท่านั้น
แม้ว่าจะยังเป็นตระกูลขุนนางอยู่ แต่ก็ไม่มีใครถือว่าตระกูลมู่เป็นตระกูลสูงศักดิ์ อย่างมากที่สุดก็ถือได้ว่าเป็นตระกูลสามัญชน
จนกระทั่งตอนนี้ตระกูลมู่ก็ยังล่มสลาย เพียงเพราะบรรพบุรุษของพวกเขาเคยช่วยชีวิตบุคคลสำคัญในราชวงศ์ไว้ ดังนั้นพวกเขาจึงได้รับการปกป้องจากราชวงศ์
มู่หน่วน คุณหนูสามตระกูลมู่มีชื่อเสียงว่าไร้ประโยชน์มานาน
เนื่องจากนางได้มีโอกาสเข้าไปฝึกวรยุทธในสำนักศึกษาอี้เหอตั้งแต่ด็ก จนกระทั่งตอนนี้อายุสิบแปดแล้ว เพิ่งจะสามารถเปิดเส้นวรยุทธ์ได้ และในตอนนี้ก็ยังอยู่ในขั้นที่หนึ่ง
ในโลกที่ผู้แข็งแกร่งย่อมเป็นที่เคารพนับถือ แน่นอนว่านางโดนดูถูกเหยียดหยาม
ในสำนักศึกษาอี้เหอไม่มีใครเห็นนางอยู่ในสายตาเลย
เมื่อครึ่งเดือนก่อน คุณชายและคุณหนูหลายคนของตระกูลไป๋หลี่ ทรมานนางราวกับสัตว์เดรัจฉานจนตาย จากนั้นก็โยนนางลงไปที่ภูเขารกร้าง
เมื่อนึกถึงสาเหตุการตายของตนเอง แววตาของกู้ชูหน่วนก็เยือกเย็น
“ชิ่ว……”
ในที่สุด……
นางก็โดดขึ้นไปบนหลังคาจวนมู่
ในยามค่ำคืน จวนมู่มีผู้คนมากมาย และมีแสงไฟส่องสว่าง
กู้ชูหน่วนมองลงมาจากด้านบน
และเห็นว่านอกจากคนในจวนมู่แล้ว ยังมีคนจากตระกูลไป๋หลี่อีกหลายคน
ตระกูลไป๋หลี่โหดเหี้ยมอำมหิต นำโดยชายชราผู้หนึ่งและไป๋หลี่หมิง ตามมาด้วยกลุ่มคนที่ยิ่งใหญ่เกรียงไกร
ในทางกลับกันผู้คนในตระกูลมู่ได้แต่รับปากและตื่นตระหนก และไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรง
บนพื้น ยังมีชายวัยกลางคนคนหนึ่งถูกบังคับให้คุกเข่าลงตรงหน้าไป๋หลี่หมิง
คนรับใช้ชั่วร้ายของตระกูลไป๋หลี่สองคนนั้น ใช้แส้กร่อนกระดูกฟาดลงบนหลังของชายวัยกลางคนจนกระอักเลือด
“บอกมา มู่หน่วนอยู่ที่ไหน?” ไป๋หลี่เจิ้นถามอย่างฉุนเฉียว
ผู้นำรองของจวนมู่กล่าวอย่างสั่นเทา “ท่านผู้เฒ่าไป๋หลี่โปรดระงับความโกรธ ไม่ใช่ว่าพวกเราไม่ยอมส่งตัวมู่หน่วนออกมา แต่เมื่อครึ่งเดือนก่อน พวกเราส่งคนจำนวนมากไปตามหา แต่ก็ไม่พบมู่หน่วน หากนางกลับมา แล้วพวกท่านไม่ได้มาเอาตัว นางก็จะพานางไปส่งที่ตระกูลไป๋หลี่ด้วยตนเอง”
ผู้นำสามรีบกล่าวในทันทีว่า “ใช่ มู่หน่วนเป็นคนกล้าหาญ นางกล้าทำ……เรื่องที่ผิดแปลก จวนมู่ของเราไม่มีทางปกป้องคนผิดเช่นนาง ท่านได้โปรดให้เวลากับพวกเรา บอกพวกเราจะหามู่หน่วนให้พบโดยเร็วที่สุด”
ผู้นำรองและผู้นำสามมองหนากัน ผู้นำตระกูลมู่เอามือไพล่หลัง ไม่แข็งกร้าวจนดูเย่อหยิ่ง และยืนอยู่ด้านข้างอย่างเงียบ ๆ
คำพูดของพวกเขาไม่สามารถทำให้ไป๋หลี่เจิ้นและคนอื่น ๆ พึงพอใจได้
“หากคืนนี้พวกเจ้าไม่ส่งตัวมู่หน่วนออกมา เช่นนั้น……ก็อย่าโทษว่าข้าโหดเหี้ยมและทำลายตระกูลมู่ทั้งหมด”
ฮ้า……
ผู้คนในตระกูลมู่ต่างตกตะลึง
ทำลาย……ทำลายตระกูลมู่ทั้งหมด?
นี้……
หากพวกเขาลงมือจริง ๆ ตระกูลมู่จะเป็นคู่ต่อสู้ของพวกเขาได้หรือ?
ตระกูลมู่ถูกบีบคั้น มู่จั่นซินผู้นำตระกูลมู่รู้สึกไม่พอใจ เขากล่าวอย่างเคร่งขรึมว่า “แม้ว่าตระกูลมู่จะตกต่ำอย่างไร พวกเขาก็ยังมีรากฐาน ผู้อาวุโสไป๋หลี่กล่าวหนักเกินไปแล้วกระมัง”
ไป๋หลี่เจิ้นหัวเราะเยาะ “รากฐาน?อาศัยความสัมพันธ์เพียงเล็กน้อยกับราชวงศ์งั้นหรือ?เหอะ…… หลายร้อยปีผ่านไปแล้วที่บรรพบุรุษของพวกเจ้าช่วยชีวิตบุคคลสำคัญของราชวงศ์ไว้ เจ้าคิดว่าพวกเจ้าตระกูลมู่มีค่าแค่ไหนในตอนนี้?”
สีหน้าของผู้นำตระกูลมู่ดูไม่น่ามองมากนัก และกำมือทั้งสองข้างไว้แน่น
ในฐานะผู้นำตระกูลมู่ เขาไม่สามารถปกป้องคนในตระกูลมู่ได้ เขาทำได้เพียงเฝ้าดูคนนอกบีบบังคับ พูดจาหยาบคาย ทุบตีและสังหารคนในตระกูลมู่อย่างไร้ความปรานี
ความรู้สึกเช่นนี้……
ช่างน่าอึดอัดใจยิ่งนัก
“ชีวิตของทุกคนในจวนมู่ของพวกเจ้า ไม่คุ้มค่ากับแขนเพียงข้างเดียวของหลานชายของข้า ข้าจะให้โอกาสพวกเจ้าเป็นครั้งสุดท้าย ส่งมอบมู่หน่วนออกมา”
ใบหน้าของไป๋หลี่หมิงซีดขาว และหายใจอ่อนแรง เห็นได้ชัดว่าอาการบาดเจ็บของเขาสาหัส แต่ไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงยืนกรานที่จะมาที่จวนมู่
ไป๋หลี่หมิงกล่าวว่า “ท่านปู่ ท่านจะพูดอะไรกับคนพวกนี้มากมาย ฆ่าพวกมันให้หมด ข้าไม่เชื่อหรอกว่าหากพวกมันตายหมดแล้ว มู่หน่วนจะยังมุดหัวอยู่อีกหรือไม่?”
ผู้นำตระกูลมู่ระงับความโกรธและกล่าวว่า “มู่หน่วนมีสัญญาการหมั้นหมายกับซั่งกวนหมิงหลางของเผ่าตระกูลซั่งกวน หากตระกูลมู่ของเราเต็มไปด้วยปัญหา ตระกูลไป๋หลี่ของพวกท่านนึกถึงแต่ประโยชน์ของตนจริง ๆ ?”
“การหมั้นหมาย?ฮ่า ๆ ตาเฒ่า ใต้หล้านี้มีใครบ้างที่ไม่รู้ว่าการหมั้นหมายนี้เป็นเรื่องอัปยศอดสู ตระกูลซั่งกวนไม่ยอมรับการหมั้นหมายครั้งนี้มาแต่ไหนแต่ไร มิเช่นนั้นมู่หน่วนอายุสิบแปดแล้วจะยังไม่ได้ออกเรือนได้อย่างไร?”
กู้ชูหน่วนลูบคางของตัวเอง
นางมีการหมั้นหมายกับซั่งกวนหมิงหลาง?
เรื่องการแต่งงานของนางปล่อยให้คนอื่นตัดสินใจตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?
“ไม่ว่าตระกูลซั่งกวนจะยอมรับการแต่งงานครั้งนี้หรือไม่ก็ตาม การแต่งงานนี้ได้ถูกกำหนดมาสิบกว่าปีแล้ว ในนั้นเขียนไว้ว่ามู่หนวนเป็นคู่หมั้นของซั่งกวนหมิงหลาง”
ผู้นำตระกูลมู่กำลังกล่าวเตือน
และเตือนพวกเขาว่าต่อให้ตระกูลซั่งกวนจะไม่ยอมรับ แต่เพื่อเห็นแก่หน้าตาของพวกเขา จึงไม่ยอมเลิกรากับตระกูลไป๋หลี่ง่าย ๆ
ไป๋หลี่หมิงหัวเราะเยาะ “หรือว่าตระกูลไป๋หลี่ของพวกเรายังต้องกลัวว่าตระกูลซั่งกวนจะล้มเหลว”
ไป๋หลี่เจิ้นไม่พูดอะไร ไม่รู้ว่าเขาหวาดกลัวตระกูลซั่งกวนหรือไม่?
ชายวัยกลางคนที่คุกเข่าลงกับพื้นและทนไม่ไหวอีกต่อไป เขากระอักเลือดออกมาอีกครั้ง และร่างที่คุกเข่าก็ล้มลง
เขาพยายามจะลุกขึ้น และปล่อยให้แส้ฟาดลงไปบนหลังของเขา แส้แต่ละอันเอาเลือดเนื้อของเขาออกมาด้วย เขาทำได้เพียงกัดฟันและจ้องมองไปที่คนของตระกูลไป๋หลี่
“เลี้ยงดูสั่งสอนลูกไม่ดี เป็นความผิดของพ่อแม่ เรื่องที่อาหน่วนทำ ข้าจะชดใช้เอง พวกท่านอย่าทำให้ตระกูลมู่ต้องเดือดร้อน”
คำวาอาหน่วน ทำให้ร่างกายของกู้ชูหน่วนสั่นเทา
อาหน่วน……
ชื่อที่คุ้นมาก
นางรู้สึกเหมือนนางเคยได้ยินมาก่อน แต่นางกลับจำอะไรไม่ได้เลย
แต่เสียงของที่พูดว่าอาหน่วน ทำให้นางรู้สึกคุ้นเคยมากน่าประหลาด
ชายผู้นี้……
เป็นพ่อผู้ให้กำเนิดของนางหรือ?
“ใครก็ได้ ทุบตีเขาให้ตายเดี๋ยวนี้ และตัดแขนขาของเขาออกไปโยนให้สุนัขกิน จากนั้นก็ควักลูกตาออกมาด้วย”
“คุณชายไป๋หลี่ ควรพอแล้ว” ผู้นำตระกูลมู่เตือน
“ถุย ตระกูลที่ตกต่ำตระกูลหนึ่ง กล้าที่จะยั่วโมโหข้า อย่าว่าแต่คนเลย ต่อให้ให้เป็นสัตว์เดรัจฉาน ข้าก็จะไม่ละเว้นพวกเจ้าแม้แต่คนเดียว”
คำพูดนี้ทำให้ทุกคนในตระกูลมู่เต็มไปด้วยความโกรธเคืองต่อความไม่เป็นธรรม
มากเกินไปแล้ว ยโสโอหัง
มากเกินไปแล้วจริง ๆ ……
หากต้องการให้ไปถึงจุดนั้นจริง ๆ เรื่องใหญ่คือต่อสู้กันจนตกตายไปด้วยกันทั้งสองฝ่าย
พ่อของกู้ชูหน่วนคือมู่ซิน จัดว่าเป็นพี่ใหญ่ในตระกูล แต่เขาไม่ได้บรรลุวรยุทธขั้นแรกได้
เขากัดฟันและกล่าวว่า “คุณชายไป๋หลี่ เมื่อครึ่งเดือนก่อน ท่านกับพี่สาวอีกหลายคนทรมานอาหน่วนจนตาย อีกทั้งยังโยนนางลงไปที่เขารกร้าง พวกเราก็ไม่ได้ตามหาท่าน ในตอนนี้……ในตอนนี้นางทำเช่นนี้ก็เพื่อปกป้องตัวเองเท่านั้น?”
“ก็แค่คนไร้ประโยชน์คนหนึ่ง ข้าอยากจะทุบตีก็ทุบตี อยากจะฆ่าก็ฆ่า แต่นางกล้าวางแผนให้หมาป่าหิมะพวกนั้นมากัดแขนของข้า เจ้ารู้หรือไม่ว่าแขนของข้าสำคัญมากแค่ไหน?”
ไม่เพียงแค่เท่านั้น นางยังขว้างไข่หมาป่าหิมะด้วย
ในโลกนี้มีใครบ้างไม่รู้ว่ามีเพียงพญาหมาป่าหิมะระดับหนึ่งขึ้นไปเท่านั้นที่จะสามารถออกไข่ได้ ส่วนหมาป่าหิมะธรรมดาทั่วไปจะออกลูกเป็นตัว
ไข่หมาป่าหิมะเป็นของล้ำค่า เมื่อพวกมันฟักตัวออกมาจากไข่ ความแข็งแกร่งของพวกมันก็จะอยู่ที่ระดับหนึ่ง และไม่จำเป็นต้องฝึกฝน
อีกอย่างไข่หมาป่าหิมะก็เป็นไข่ศักดิ์สิทธิ์ของเผ่าพันธุ์หมาป่าหิมะ
เมื่อถูกทำลาย หมาป่าหิมะทั่วทั้งใต้หล้าก็จะมาแก้แค้นพวกเขาอย่างรวดเร็ว
ในช่วงสองวันที่ผ่านมา ตระกูลไป๋หลี่ของพวกเขาถูกหมาป่าหิมะจำนวนมากโจมตี
หากไม่ใช่เพราะความแข็งแกร่งของพวกเขา พวกเขาก็คงจะถูกหมาป่าหิมะกัดตายไปนานแล้ว
เมื่อนึกถึงแขนของตนเอง และเรื่องที่เกี่ยวข้องกับไข่หมาป่าหิมะ ไป๋หลี่หมิงก็โกรธมาก
เขาชักมีดออกมาแล้วฟันไปที่แขนของมู่ซินอย่างโหดเหี้ยม
บทที่ 786 1144-1145
บทที่ 788