กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ บทที่ 788
“ปึง……”

สิ่งที่เหนือความคาดหมายคือมีดเล่มนั้นไม่ได้ฟันแขนของมู่ซิน

แต่ถูกเบี่ยงเบนออกไป

นัยน์ตาของไป๋หลี่เจิ้นเยือกเย็น และทันใดนั้นมีดก็พุ่งไปทางกู้ชูหน่วน

สีหน้าของไป๋หลี่หมิงไม่น่ามอง “ใคร ใครกล้าห้ามไม่ให้ข้าฆ่าคน”

กู้ชูหน่วนเขย่งเท้าแล้วเหาะลงมาเบา ๆ ราวกับเทพธิดาจิ่วเทียนเซวียน

ในทันทีที่ลงมา นางก็คว้าแส้ที่กำลังตีมู่ซิน แล้วสะบัดออกไป นางเอาแส้ฟาดคนรับใช้ชั่วของตระกูลไป๋หลี่ที่กำลังเฆี่ยนตีมู่ซินอย่างโหดเหี้ยม

“มู่หน่วน ที่แท้ก็เป็นเจ้า ในที่สุดเจ้าก็กล้าโผล่หัวออกมา”

ไป๋หลี่หมิงหัวเราะด้วยความโกรธ “ท่านปู่ เป็นเจ้าสวะผู้นี้ นางวางแผนเพื่อตัดแขนของข้า ท่านต้องแก้แค้นให้ข้านะ”

มู่ซินกระวนกระวายใจ เขาอยากจะลุกขึ้น แต่เนื่องจากอาการบาดเจ็บ เขาจึงไม่สามารถลุกขึ้นได้

“อาหน่วน เจ้ากลับมาทำไม ไป รีบไปจากที่นี่”

“จะไปไหน?” คนของตระกูลไป๋หลี่ปิดล้อมกู้ชูหน่วนไว้

กู้ชูหน่วนยิ้มอย่างภาคภูมิใจ และมองตรงไปที่ไป๋หลี่เจิ้น ใบหน้าอันงดงามของเขาเต็มไปด้วยความมั่นใจในตนเอง

“ใครบอกว่าข้าจะไป?ในเมื่อข้ามู่หน่วนกล้าออกมา ก็เป็นเพราะข้าไม่กลัวพวกเจ้า”

“เจ้ามันบ้า”

ไป๋หลี่เจิ้นอดไม่ได้ที่จะเหลือบมองกู้ชูหน่วน

ได้ยินมาว่านางเป็นพวกไร้ประโยชน์ที่มีวรยุทธเพียงแค่ขั้นที่หนึ่งเท่านั้น

อีกทั้งยังเป็นคนที่ตามความคิดเห็นของผู้อื่น เป็นคนโง่ที่ขี้ขลาดตาขาว

แส้อันเมื่อครู่ ผู้อื่นอาจจะไม่รู้ แต่เขาเห็นได้ชัดเจนว่ามันฟาดถูกจุดสำคัญบนร่างกายของพวกเขา

สถานหนักก็ตาย สถานเบาก็พิการ

เช่นนั้นกระดูกของคนรับใช้ทั้งสองก็คงจะถูกนางฟาดจนหักแล้ว

ช่างเป็นวิธีที่โหดเหี้ยม

เมื่อเห็นท่าทางที่เชื่อมั่นในตนเองและร่าเริง

ไม่ว่าจะมองอย่างไรก็ดูไม่เหมือนผู้หญิงอ่อนแอที่อ่อนน้อมถ่อมตน

ข่าวลือที่ได้ยินมาคงจะผิดเพี้ยน?

ไม่ใช่แค่ไป๋หลี่เจิ้น คนของตระกูลมู่ก็สงสัยว่ากู้ชูหน่วนเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วเช่นนี้ได้อย่างไร

เพียงแค่ครึ่งเดือนที่ไม่ได้พบกัน กลับเปลี่ยนเป็นคนใหม่

กู้ชูหน่วนยื่นมือที่เรียวยาวและอ่อนโยนออกมา ลูบผมที่บนหน้าผากของตนเองแล้วยิ้ม

“พูดดี ตอนอายุยังน้อยบ้าไม่ได้ หรือว่าต้องรอให้อายุเท่าท่านก่อนถึงจะเป็นบ้าได้?”

นี่เป็นการยั่วยุ

ตระกูลไป๋หลี่สูงศักดิ์และไม่เคยถูกโจมตี

อีกทั้งยังคงเป็นตระกูลหนึ่งที่ตกอับ

ไป๋หลี่เจิ้นกล่าวว่า “ใครก็ได้ ทำลายกระดูกทั้งหมดในร่างกายของนางเสียก่อน แล้วค่อยพานางกลับไปที่ตระกูลไป่หลี่ จากนั้นก็ให้หมิงเอ๋อร์จัดการ”

“ขอรับ”

คนจำนวนไม่น้อยในตระกูลมู่ต่างตื่นตระหนก โดยเฉพาะอย่างยิ่งมู่ซิน ผู้ที่พยายามคิดหาทางว่าจะปกป้องกู้ชูหน่วนอย่างไร

ใบหน้าของกู้ชูหน่วนดูไม่เกรงกลัว แต่กลับกำมือแน่นจนดังกรวบ ๆ ราวกับว่าพร้อมที่จะต่อสู้

ผู้คนในตระกูลไป๋หลี่เตรียมที่จะลงมือ

คนรับใช้คนหนึ่งรีบมารายงาน และกระซิบข้างหูของไป๋หลี่เจิ้นสองสามคำ

ไป๋หลี่เจิ้นสีหน้าปลี่ยน

“เจ้าว่าอะไรนะ?ได้ข่าวมาผิดหรือไม่?

“ไม่ผิดขอรับ ผู้น้อยได้ยินมาอย่างชัดเจน”

ไป๋หลี่เจิ้นจ้องมองไปที่กู้ชูหน่วนอย่างดุร้าย ราวกับว่าเขาไม่เต็มใจ แต่ไม่ต้องการที่จะฝ่าฝืนคำสั่ง ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงสะบัดแขนเสื้อ

“ถอย”

ไป่หลี่หมิงตกตะลึง

“ท่านปู่ ไม่ง่ายเลยที่พวกเราจะเจอตัวมู่หน่วนได้ จะปล่อยนางไปได้อย่างไร?นางทำให้ข้าต้องแขนหัก”

“ถอย”

ไป๋หลี่เจิ้นรู้ดีว่าไป๋หลี่หมิงจะไม่ยอมถอยอย่างแน่นอน ดังนั้นจึงสกัดจุดของเขา และพาเขาออกไปจากตระกูลมู่

เขาเองก็ไม่อยากถอยเช่นกัน

แต่ผู้นำตระกูลมีคำสั่งอย่างเด็ดขาด ทำให้เขาต้องถอยในทันที

ว่ากันว่า……แขกอาวุโสที่สวมหน้ากากผี ได้รับการร้องขอจากเยี่ยจิ่งหาน

จนถึงตอนนี้ เขาก็ยังไม่พบสถานะที่แท้จริงของเยี่ยจิ่งหาน

ดูเหมือนว่าเขาจะปรากฏตัวขึ้นอย่างไร้ร่องรอย

แค่สิ่งที่ไม่น่าเชื่อก็คือเขาอายุยังน้อย แต่ฝีมือของเขาบรรลุระดับหกและ

ระดับหก……

นี่คือการดำรงอยู่ที่น่ากลัว

เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเยี่ยจิ่งหานเป็นสัตว์ประหลาดที่ซ่อนเร้นอยู่หรือไม่ เป็นเพราะเขาฝึกฝนวิชาบางอย่าง จึงทำให้ใบหน้าของเขาไม่เปลี่ยนไป

“ท่านปู่……”

ไป๋หลี่หมิงที่จากไปไกลแล้วรู้สึกไม่พอใจอย่างยิ่ง

หรือว่าเขาสูญเสียแขนข้างหนึ่งไปอย่างเปล่าประโยชน์งั้นหรือ?

“ผู้นำตระกูลมีคำสั่ง จึงต้องเชื่อฟัง มู่หน่วนมีเพียงวรยุทธขั้นที่หนึ่ง หากต้องการจะกำจัดนาง สามารถทำได้ทุกเมื่อ แต่ไม่สามารถฝ่าฝืนคำสั่งของผู้นำตระกูลได้”

“ผู้นำตระกูลสูงศักดิ์ ทำไมเขาถึงยุ่งเรื่องของผู้อื่น?และออกหน้าแทนนางได้อย่างไร?”

“ข้าก็ไม่รู้เช่นกัน ไว้ค่อยหาเวลาไปกำจัดนางอย่างลับ ๆ ”

“ก็ได้ ข้าเชื่อฟังท่านปู่ นอกจากมู่หน่วนแล้ว คนของตระกูลมู่ ข้าก็จะไม่ละเว้น”

“ไม่ต้องงห่วง ปู่จะช่วยเจ้าเอง”

หลังจากที่ผู้คนในตระกูลไป๋หลี่จากไปแล้ว ก็เหลือเพียงผู้คนในตระกูล มู่และคนอื่น ๆ ที่มองหน้ากันด้วยความตกใจ

เพียงแค่นี้……ไปแล้ว?

พวกเขาไม่ได้ฝันไปใช่หรือไม่?

ด้วยอุปนิสัยของตระกูลไป๋หลี่ พวกเขาจะจากไปอย่างง่ายดาย โดยไม่จับตัวพวกเขาตระกูลมู่ไปเพื่อระบายความโกรธอย่างโหดเหี้ยมได้อย่างไร

ผู้นำรองและผู้นำสามของตระกูลมู่ดุด่าใส่หน้ากู้ชูหน่วน

“มู่หน่วน เจ้าทำให้ใครขุ่นเคืองก็ได้ แต่นี่เป็นนายน้อยไป๋หลี่หมิง ท่านปู่ของเขาคอยถือหางอยู่ หรือว่าเจ้าไม่รู้?”

“ใช่ ไป๋หลี่เป็นหนึ่งในสี่ตระกูลที่ยิ่งใหญ่ ตระกูลของพวกเขามีการค้าและมีอำนาจที่ใหญ่โต พวกเราจะทำให้พวกเขาขุ่นเคืองได้อย่างไร เจ้าทำให้พวกเขาขุ่นเคือง เจ้าก็ต้องจัดการกับพวกเขาด้วยตัวเอง แต่อย่าลากตระกูลมู่ทั้งตระกูลไปตายกับเจ้าด้วย”

มู่ซินยังคงคุกเข่าอยู่ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเขาลุกไม่ขึ้นหรือไม่ “น้องรอง น้องสาม ไม่ง่ายเลยที่อาหน่วนจะกลับมา คราวนี้นางคงจะคงตกใจมาก พวกเจ้าอย่าโทษนางเลย”

“พี่ใหญ่ ท่านคิดพวกเราทำเช่นนี้หรือ?ตระกูลมู่ทำให้ตระกูลไป๋หลี่ขุ่นเคือง ทุกวันนี้ชีวิตของเราก็ไม่ง่ายนัก ต่อไปก็คงจะยากขึ้นอย่างแน่นอน”

“และไม่รู้ว่าคนในตระกูลไป๋หลี่จะลอบสังหารอย่างลับ ๆ แล้วฆ่าพวกเราตระกูลทั้งหมดหรือไม่ ลูกสาวของท่านทำผิด ทำไมต้องให้พวกเรามารับผิดชอบทุกอย่างแทนนาง”

กู้ชูหน่วนแทรกแซง ในขณะที่ช่วยพยุงมู่ซินก็กล่าวอย่างเย็นชาว่า “หากกลัวว่าจะมีส่วนเกี่ยวข้อง พวกท่านจะออกไปจากตระกูลมู่ตอนนี้เลยก็ได้ ไม่มีใครห้ามท่าน”

“เจ้า……เจ้าเด็กโสโครก ออกไปเพียงแค่ครึ่งเดือนแล้ว มีความสามารถเพิ่มขึ้นแล้วใช่หรือไม่ เแม้แต่พวกเราก็ยังกล้าตอบโต้ ที่นี่คือบ้านของข้า ทำไมข้าต้องออกไปด้วย?”

“เช่นนั้นก็หุบปากของพวกท่านเถอะ หนวกหูชะมัด”

ฮ้า……

ทุกคนต่างตกตะลึง

แน่ใจนะว่านี่คือสิ่งที่มู่หน่วนพูด?

คงไม่ใช่ว่าเห็นผีหรอกนะ?

ผู้นำรองและผู้นำสามยังอยากจะพูดอะไรบางอย่าง

ผู้นำตระกูลมู่กล่าวอย่างไม่สบอารมณ์ “เอาล่ะ หยุดพูดกันได้แล้ว มาดูอาการบาดเจ็บของพี่ใหญ่ก่อนเถอะ”

“อ้า……”

มู่ซินได้รับบาดเจ็บสาหัส แม้ว่ากู้ชูหน่วนจะช่วยพยุง แต่เขาก็ไม่สามารถลุกขึ้นยืนได้ และเลือดยังคงไหลไม่หยุด

กู้ชูหน่วนพบว่าเขาขาเป๋และเดินกะเผลก

“พวกเจ้าช่วยพยุงพี่ใหญ่ไปที่ห้อง ส่วนพวกเจ้ารีบพาไปตามหมอมา”