บทที่ 298 การลองเชิงของเกาเหลียง

ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่

ในความเป็นจริง สภาพร่างกายของเถ้าแก่ตู้ยังดีกว่าที่ผู้คนภายนอกเล่าลือกันไปอยู่มาก

ถึงแม้ยังนอนรักษาตัวในโรงพยาบาล แต่ก็ไม่ถึงขั้นร้ายแรงที่สลบไปไม่ได้สติ

เหตุผลที่ไม่มีข่าวแพร่ออกไปมาโดยตลอด เป็นเพราะเถ้าแก่ตู้อยากถือโอกาสนี้ดูว่าสามารถดึงคนภายในบางส่วนที่ไม่พอใจต่อเขาออกมาได้หรือไม่

ถึงจะบอกว่าตู้เฉี่ยวเฉี่ยวเป็นลูกสาวเพียงคนเดียวของเถ้าแก่ตู้ แต่หล่อนกลับยังเป็นนักศึกษาปีสามที่กำลังเรียนในมหาวิทยาลัย เดิมทีไม่เคยจัดการธุรกิจของตระกูลตู้ ครั้งนี้ถือได้ว่าเป็นครั้งแรก

ก่อนหน้านี้หนึ่งอาทิตย์ หล่อนไปเยี่ยมเถ้าแก่ตู้ที่โรงพยาบาล เถ้าแก่ตู้เล่าความลับบางอย่างของตระกูลตู้ให้หล่อนฟัง

นี่เป็นครั้งแรกตั้งแต่เกิดมาที่หล่อนรู้ว่าบิดาที่ไม่มีอะไรที่ทำไม่ได้คนนั้นของตนเองไม่ใช่ว่าไม่มีอะไรที่ทำไม่ได้จริงๆ แต่ว่าเบื้องหลังมีบุคคลยักษ์ใหญ่ยืนอยู่ด้วย

ถึงแม้ก่อนหน้าที่จะเข้ามาจ๊กกลาง เถ้าแก่ตู้กำชับครั้งแล้วครั้งเล่าว่าต้องตั้งใจฟังคำสั่งของคุณเกา แต่ปัจจุบันนี้มาถึงจ๊กกลางได้หนึ่งอาทิตย์กว่า ก็ใช้ใกล้สามสิบล้านเต็มๆ

ถึงแม้ฟุ่มเฟือยไปหน่อย แต่ตู้เฉี่ยวเฉี่ยวก็ไม่ใช่ว่าไม่สามารถรับได้

แต่สถานการณ์ในตอนนี้ไม่เหมือนกัน เพิ่งผ่านมานานเท่าไรก็ใช้ไปเกือบร้อยล้าน ตู้เฉี่ยวเฉี่ยวไม่บ่นสักนิดได้เหรอ? คิดจริงๆ งั้นเหรอว่าเงินมีลมหอบมาให้?

“รองานประมูลจบแล้ว ค่อยไปพบปะคุณหนูใหญ่ของตระกูลซูคนนั้นหน่อย”

ไม่รอให้ตู้เฉี่ยวเฉี่ยวคิดจนกระจ่างแจ้ง ข้างหูก็มีคำพูดที่สบายใจนั้นของคุณเกาดังขึ้นอีก

“ทำไม?”

ตู้เฉี่ยวเฉี่ยวได้ยิน ชั่วพริบตาเดียวขมวดคิ้วแน่นขึ้นมา

“เมื่อกี้เบอร์ยี่สิบเจ็ดที่แข่งประมูลกล้วยไม้เจียผีด้วยกันกับคุณก็คือคุณหนูใหญ่ตระกูลซู ไปลองเชิงพวกเขาดูหน่อยก็ดีว่ารู้อะไรมา”

มุมปากของคุณเกาวาดรอยยิ้มที่ความหมายลึกซึ้งขึ้น “ยิ่งไปกว่านั้น ถ้าผมเดาไม่ผิด เบอร์ยี่สิบแปดคนนั้นก็คือผู้ชายด้านข้างกับคุณหนูใหญ่ตระกูลซู เขาซื้อสมุนไพรไปไม่น้อย ไปคุยกับเขาหน่อยก็ดี”

……

ไม่ว่าจะพูดอย่างไร ก็ใช้เวลาอีกครึ่งชั่วโมงกว่า งานประมูลสมุนไพรขนาดเล็กครั้งนี้ถือว่าเสร็จสิ้นลง

ถึงแม้นอกจากกล้วยไม้เจียผีเรื่องนี้แล้ว กลับไม่ได้กระทบต่อเย่เทียนมากเกินไปนัก นับรวมกันขึ้นมาทั้งหมดก็ประมูลตัวยาสมุนไพรมาได้ห้าอย่าง

นึกถึงความรู้สึกของซูเหมย ถึงภายนอกของเย่เทียนจะยิ้มแย้มเต็มที่ แต่ภายในยังกลัดกลุ้มอยู่บ้างเหมือนกัน

ถึงจะพูดอย่างไรการมาเข้าร่วมงานประมูลสมุนไพรล้ำค่าขนาดเล็กครั้งนี้ เจตนาเดิมคือเพื่อกล้วยไม้เจียผี ของสำคัญสุดในเมื่อประมูลมาไม่ได้ใครจะดีใจกันล่ะ?

“เย่เทียน ตอนนี้จะทำยังไงดี?”

ซูเหมยที่ถอดหน้ากากลงเดินออกมาจากคฤหาสน์หลังเล็กพร้อมทำหน้าไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี

ถ้าเป็นคนอื่น ไม่ว่าจะข่มขู่หรือหลอกล่อด้วยผลประโยชน์เธอจะเอากล้วยไม้เจียผีจากในมือฝ่ายตรงข้ามมาให้ได้

แต่ฝ่ายตรงข้ามดันเป็นคุณหนูใหญ่ของตระกูลตู้แห่งเมืองจิน ผู้หญิงที่สถานะสูงส่งกว่าเธอมาก เธอจะมีวิธีอะไรได้?

พูดไปด้วย ซูเหมยก็แอบมองเย่เทียนไปด้วย

เธอที่ไร้ซึ่งความสามารถที่สุดได้เพียงนำความหวังทั้งหมดฝากไว้บนตัวของเย่เทียนแล้ว

แม้ไม่แน่ใจว่าเย่เทียนจะมีความสามารถอะไร แต่ดีเลวอย่างไรลูกพี่ใหญ่หลิวชิง และเชิ่งหู่ในวงการใต้ดินของเจียงหนันล้วนเคารพนบนอบต่อเย่เทียน ต่อให้ใช้หัวนิ้วเท้าคิดก็รู้ดีว่าเย่เทียนไม่ธรรมดาเด็ดขาด

เย่เทียนไม่รู้ความคิดในใจของซูเหมย ยืนอยู่ในลานคฤหาสน์กวาดมองไปรอบด้าน พยายามหาหมายเลขหกสิบเก้าผู้ลึกลับคนนั้นออกมา

“นี่คือพวกคุณกำลังกลัดกลุ้มอะไรอยู่ล่ะ?”

ไม่รอให้เย่เทียนตอบสนอง เสียงผู้หญิงที่แข็งทื่อกลับพุ่งเข้าหูของทั้งสองก่อน

ทั้งสองอดมองไปตามเสียงไม่ได้ ที่เดินเข้ามาในเวลานี้นอกจากตู้เฉี่ยวเฉี่ยวแล้วยังเป็นใครได้อีก?

“คุณตู้?”

ใบหน้าซูเหมยเผยความงุนงงนิดๆ “พวกเรากลัดกลุ้มอะไรดูเหมือนว่าไม่เกี่ยวอะไรกับคุณมั้งคะ? พวกคุณตระกูลตู้เป็นตระกูลใหญ่โต ฉันหาเรื่องไม่ได้หรือว่ายังหนีไม่ได้อีกเหรอ?”

สัมผัสได้ถึงความเป็นศัตรูที่เผยออกมาในคำพูดของซูเหมย สีหน้าตู้เฉี่ยวเฉี่ยวขรึมลงมาแล้วในชั่วขณะนั้น “คุณน่าจะเป็นคุณหนูใหญ่ที่ไปแล้วไม่รู้กี่ปีของตระกูลซูคนนั้นใช่มั้ย?”

“ใช่แล้วจะเป็นยังไง?”

ซูเหมยหรี่ดวงตาขึ้นเล็กน้อย “มีเรื่องอะไรก็รีบพูดหน่อย พวกเรายังมีธุระต่อ ไม่ว่างมัวชักช้าอยู่ที่นี่!”

“คุณซู ผมแนะนำว่าคุณอย่าได้อารมณ์ร้อนขนาดนี้เลย ไม่อย่างนั้นจะเข้าสู่วัยทองเร็ว”

เวลานี้ กลับเป็นคุณเกาที่ยืนอยู่ด้านข้างตู้เฉี่ยวเฉี่ยวก้าวออกมาก่อนแล้ว

เย่เทียนสังเกตคุณเกาจากบนลงล่างรอบหนึ่ง เจ้าหมอนี่อายุประมาณยี่สิบหกยี่สิบเจ็ด ใส่แว่นตากรอบทองดูขึ้นมาสุภาพเรียบร้อย แต่ยังคงปกปิดความหยิ่งยโสที่ปล่อยจากภายในนั้นได้ยาก

“คุณเป็นใครกัน?”

ไม่รอให้เย่เทียนเอ่ยปาก ซูเหมยกลับถามความสงสัยในใจของเขาออกมาก่อนก้าวหนึ่ง

“ตัวผมแซ่เกา ชื่อคำเดียวคือดเหลียงครับ”

คุณเกาพูดแนะนำตนเองอย่างง่ายๆ ย้ายสายตาไปบนตัวของเย่เทียนแล้ว “ไม่รู้ว่าคุณผู้ชายท่านนี้ชื่ออะไรครับ?”

“เย่เทียน”

เย่เทียนก้าวมาข้างหน้านิดหน่อย กลับไม่ได้ดูงดงามสุภาพแบบนั้นเหมือนกับเกาเหลียง

เกาเหลียงอมยิ้มถามว่า “คุณเย่ ถ้าผมพูดไม่ผิดล่ะก็ เมื่อสักครู่คุณน่าจะประมูลห่อสิ่วโอวอายุหกสิบปีมาสองอันแล้วสินะครับ?”

“นี่เหมือนว่าไม่เกี่ยวอะไรกับคุณมั้ง?”

เย่เทียนได้ยิน กวาดตามองเกาเหลียงแวบหนึ่ง รีบยักคิ้วขึ้นเล็กน้อยทันที

“พูดแบบนี้ไม่ได้นะครับ”

นัยน์ตาเกาเหลียงมีแสงสว่างแฉลบผ่านอย่างฉับไว ถามแบบแฝงด้วยความหมายว่า “ถ้าคุณเย่ไม่ถือสาล่ะก็ ผมหวังว่าคุณจะยอมยกห่อสิ่วโอวสองอันนั้นมาให้ เรื่องราคายังต่อรองกันได้ครับ”

เย่เทียนได้ยิน ชั่วพริบตาเดียวสีหน้าดูแปลกประหลาดขึ้นมา

เมื่อสักครู่ตอนอยู่ในงานประมูลไม่จ่ายเงินประมูล ตอนนี้เข้ามาเสนออยากจ่ายเงินซื้อ นี่มันคือเรื่องอะไรกัน?

“แน่นอน ผมเชื่อว่าคุณเย่ไม่สนใจเงินทอง ขอเพียงคุณเย่คุณยอมตัดใจทิ้งลง พวกเราสามารถแลกเปลี่ยนของได้!”

ยังไม่รอให้เย่เทียนคิดจนทะลุปรูโปร่ง เกาเหลียงก็เปลี่ยนหัวข้อสนทนาอีก ปล่อยไม้เด็ดออกมา

“แลกเปลี่ยนของ?”

ซูเหมยสังเกตคำพูดเหล่านี้ออกอย่างว่องไว ชั่วขณะนั้นย้ายสายตาไปที่เย่เทียนอย่างมีหวังเต็มเปี่ยม

เย่เทียนตะลึงในใจ มุมปากกวาดรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ขึ้นโดยจิตใต้สำนึก จะไม่เข้าใจความหมายของเกาเหลียงได้ที่ไหน

เกาเหลียงคนนี้พูดเหลวไหลมากขนาดนี้ ที่แท้เป้าหมายสุดท้ายไม่พ้นอยากจะลองเชิงตนเอง

เรื่องของเหมืองหินหยกวุ่นวายใหญ่ขนาดนี้ เย่เทียนรู้ชัดว่าเรื่องของต้นวิสทีเรียต้องปิดไม่มิดแน่ ใบสั่งยาแก้พิษของต้นวิสทีเรียก็ไม่ใช่ความลับคอขาดบาดตายอะไร การลองเชิงแบบนี้มีความหมายอะไร?

แต่ว่า แบบนี้ก็ดี ไม่เปลืองแรงเขาใช้วิธีการต่ำช้าพวกนั้น

“ในเมื่อเป็นแบบนี้ ผมอยากใช้ห่อสิ่วโอวสองอันนั้นมาแลกกล้วยไม้เจียผีสองกิโลครึ่ง”

เกาเหลียงได้ยิน ชั่วพริบตาเดียวรู้สึกตะลึง สายตาที่มองทางเย่เทียนยิ่งระวังเพิ่มขึ้นมา

การคาดคะเนก่อนหน้าของเย่เทียนไม่ผิด แต่ที่เขาไม่รู้คือ ใบสั่งยาแก้พิษของต้นวิสทีเรียถึงแม้จะไม่ใช่ความลับอะไร แต่ทว่าคนที่รู้ นั่นล้วนเป็นคนในวงการต่อสู้

พูดให้เข้าใจง่ายๆ การลองเชิงนี้ของเกาเหลียงคืออยากดูว่าเย่เทียนใช่คนในวงการต่อสู้หรือไม่ ดูว่าตระกูลซูมีพันธมิตรในวงการต่อสู้หรือไม่!

อายุแค่นี้ นัยน์ตาเกาเหลียงเย็นยะเยือก รอบตัวปล่อยคลื่นชี่ทิพย์ที่ไร้รูปร่างออกมา พุ่งชนเข้าไปทางเย่เทียนอย่างรุนแรง

เพียงแต่ ภาพที่เย่เทียนต้านทานในจินตนาการของเกาเหลียงก็ไม่ปรากฏขึ้น

เย่เทียนยืนอยู่ที่เดิมด้วยสีหน้าปกติ ยอมรับอานุภาพชี่ทิพย์ของเกาเหลียงที่พุ่งเป้ามาเต็มๆ นั้น ทว่าไม่ได้รับผลกระทบสักนิดโดยสิ้นเชิง

ทันใดนั้น บนหน้าเกาเหลียงเผยความตกตะลึงขึ้น ก่อนจะขจัดอานุภาพชี่ทิพย์อย่างรวดเร็ว

ไม่มีเหตุผลอื่น การกระทำของเย่เทียนทำให้เขาเข้าใจแจ่มชัดในจุดหนึ่ง เย่เทียนแกร่งกว่าตนเองไปไกลมาก