DC บทที่ 346: แหวนกัมปนาท

 

“สุดท้ายสำนักกระบี่ศักดิ์สิทธิ์ก็เข้าร่วมการประมูล มันยากที่จะเอาชนะพวกเขา”

 

ผู้คนที่นั่นต่างพากันส่ายหัวด้วยความเสียใจ นอกจากว่าพวกเขาร่ำรวยเหมือนสำนักกระบี่ศักดิ์สิทธิ์

 

“550,000 ก้อนหินวิญญาณ” ซูหยางยกมือขึ้นอย่างสบายๆสร้างความมึนงงให้กับทุกคนที่นั่น

 

“เขาพยายามที่จะล่วงเกินสำนักกระบี่ศักดิ์สิทธิ์ด้วยเช่นกันรึ”

 

“ยิ่งไปกว่านั้นเขายังคงมีเงินที่จะประมูลได้อย่างไร ทรัพย์สมบัติของเขามาจากไหนกัน”

 

บรรดาแขกต่างพากันถอนหายใจกับความร่ำรวยที่ไม่สิ้นสุดของเขา

 

“600,000 ก้อนหินวิญญาณ”

 

สำนักกระบี่ศักดิ์สิทธิ์ประมูลต่อ

 

“650,000” ซูหยางยกมือเขาขึ้นอีกครั้ง

 

“700,000 ก้อนหินวิญญาณ”

 

ถึงตอนนี้มีแต่พวกเขาเท่านั้นที่ประมูลเพื่อเมล็ดเพลิงนรก

 

“…”

 

สำนักกระบี่ศักดิ์สิทธิ์ไม่ได้ประมูลเพิ่มขึ้นในทันทีและนิ่งเงียบไปชั่วขณะ

 

“เจ้าหนู ทำไมเจ้าไม่รักษาหน้าของชายชราคนนี้บ้าง เมล็ดเพลิงนรกนี้เป็นทรัพยากรที่สำคัญของศิษย์ของเรา 710,000 ก้อนหินวิญญาณ”

 

เสียงของชายชราดังขึ้นในหูของซูหยางและนั่นนำพลังการฝึกปรือของคนที่อยู่ในเขตอัมพรวิญญาณมาถึงด้วย

 

“ช่างเป็นเหตุบังเอิญ เมล็ดเพลิงนรกก็เป็นทรัพยากรที่สำคัญของข้าเช่นกัน” ซูหยาง กล่าวโดยไม่เหลือบมองไปที่ห้องวีไอพี “72 0,000 ก้อนหินวิญญาณ”

 

“เช่นนั้นเจ้าปฏิเสธที่จะรักษาหน้าข้าแม้ว่าจะขอร้องอย่างเคารพ หือ เอาละเจ้าเอาเมล็ดเพลิงนรกนี้ไปข้าหวังว่ามันจะคุ้มค่า”

 

“มันจบสิ้นสำหรับเขาแล้วจริงๆ เขาล่วงเกินกระทั่งสำนักกระบี่ศักดิ์สิทธิ์”

 

ผู้คนต่างพากันมองดูและสวดมนต์ให้กับซูหยางอย่าเงียบๆ ไม่มีปาฏิหาริย์สำหรับเขาที่ทำให้รอดแม้แต่เพียงวันเดียวหลังจากออกจากเมืองนี้ไปแล้ว

 

ซูหยางยื่นส่งหินวิญญาณให้กับหวังชูเหรินและรับเมล็ดเพลิงนรก

 

เขามองดูมันด้วยรอยยิ้มเล็กน้อยบนใบหน้า

 

“เมล็ดเพลิงนรกนี้มีคุณสมบัติดีกว่าที่ข้าคาดหวังไว้ มันจักต้องเพิ่มพลังการฝึกปรือของข้าอย่างต่ำ3 ระดับอย่างแน่นอนถ้าข้ากลืนมัน อย่างไรก็ตามข้าต้องการที่จะหาคู่ฝึกมากกว่านี้ก่อนที่จะกลืนมัน ลำพังเพียงแค่ศิษย์ของนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัยยังคงไม่เพียงพอที่จะจัดการกับข้าหลังจากที่ข้ากลืนมันแล้ว”

 

ครั้นที่เขากลืนเมล็ดเพลิงนรก เขาจะอยู่ในสถานการณ์ที่จำเป็นต้องปลดปล่อยปราณหยางในร่างเหมือนกับตอนที่เขาต้องการหลานลี่ขิงช่วยสำหรับดอกหยางพิสุทธิ์ อย่างไรก็ตามเมล็ดเพลิงนรกมีความแข็งแกร่งอย่างต่ำไม่น้อยกว่าร้อยเท่าดอกหยางพิสุทธิ์ ขอให้เขามีศิษย์ทุกคนในนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัยช่วยเขา พวกเธอต้องหมดแรงไปก่อนตัวเขาอย่างแน่นอน

 

ดังนั้น เขาจำเป็นต้องหาคนจำนวนมากกว่านี้ที่ปรารถนาที่จะร่วมฝึกกับเขาก่อนที่จะกลืนเมล็ดเพลิงนรก

 

“เดาว่าข้าต้องกลืนเมล็ดเพลิงนรกหลังจากการแข่งขันระดับภูมิภาคและหลังจากที่ข้าหาคู่ฝึกได้มากกว่านี้” เขาครุ่นคิดในใจขณะที่โยนเมล็ดเพลิงนรกเข้าไปในแหวนมิติ

 

“ดูเหมือนว่าเขาไม่ได้ให้สิ่งนี้ไปในครานี้…” ผู้คนที่มองดูเขาคิดในใจ

 

ยามเมื่อหวังชูเหรินกลับขึ้นไปบนเวทีเธอก็ประกาศของชิ้นที่ 2 สำหรับการประมูลครึ่งหลัง

 

“ของชิ้นที่ 2 จะเป็นสมบัติวิญญาณระดับสวรรค์ แหวนกัมปนาท ซึ่งมีความสามารถที่จะเรียกสายฟ้าฟาดจากสวรรค์เข้าโจมตีศัตรู สายฟ้าฟาดแต่ละครั้งจะมีพลังการทำลายล้างสูงพอที่จะฆ่าใครก็ตามกระทั่งในเขตอัมพรวิญญาณ ถ้าเขาไม่ระวัง อย่างไรก็ตามท่านสามารถใช้ความสามารถนี้ได้เพียงครั้งเดียวก่อนที่จะต้องประจุพลังช่วงฝนฟ้าคะนองก่อนที่จะใช้มันได้อีกครั้ง”

 

“สมบัติวิญญาณระดับสวรรค์ และมันสามารถฆ่าใครสักคนในระดับในเขตอัมพรวิญญาณ ช่างเป็นสิ่งที่น่ากลัวจริงๆ”

 

แม้ว่ามันจะมีข้อกำหนดและข้อจำกัด ทุกคนในห้องก็ต้องการที่จะได้รับแหวนกัมปนาท

 

ต่อให้แหวนกัมปนาทสามารถใช้ได้เพียงครั้งเดียวตลอดชั่วอายุการใช้งานของมันและแตกสลายไปหลังจากนั้น ก็ยังมีคนที่ปรารถนาที่จะจ่ายหมดตัวสำหรับความสามารถที่จะตัดสินความเป็นตายกับคนในเขตอัมพรวิญญาณ

 

มีคนในเขตอัมพรวิญญาณมากมายเท่าไหร่ในโลกนี้ เราสามารถนับพวกเขาทั้งหมดได้ด้วยการใช้เพียงมือสองข้าง ยิ่งไปกว่านั้นผู้ฝึกยุทธในเขตพรวิญญาณทุกคนมีอิทธิพลเป็นอย่างมากในโลกไม่ว่าเขาจะไปที่ไหนก็ตาม การที่มีสิ่งของที่มีความสามารถที่จะฆ่าคนที่ทั้งล้ำลึกและทรงอำนาจนี้ย่อมประเมินค่าไม่ได้

 

หวังชูเหรินเผยให้เห็นแหวนกัมปนาทให้กับผู้คน มันมีหน้าตาเหมือนกับแหวนเงินธรรมดาแต่ปกคลุมไปด้วยเส้นสีม่วงที่ดูคล้ายสายฟ้าฟาด

 

“นอกจากความสามารถที่ทรงพลังแล้วแหวนคำขนาดนี้ก็ยังคงมีเบื้องหลังที่น่าประทับใจ ในเมื่อมันถูกค้นพบภายในประตูศักดิ์สิทธิ์ที่หายไปนับตั้งแต่เกือบปีที่ผ่านมา มีความเป็นไปได้สูงที่มันจะเป็นของเซียน “

 

“ราคาเริ่มต้นของแหวนกัมปนาทนี้จักเริ่มต้นที่ 500,000 ก้อนหินวิญญาณ” หวังชูเหรินพลันประกาศ

 

“ข้าดีใจที่มิจ่ายเงินไปก่อนเห็นแหวนกัมปนาทนี้ ข้าจักซื้อมันต่อให้ข้าต้องใช้เงินหมดกระเป๋าในวันนี้ก็ตาม ตระกูลหลีประมูล 600,000 ก้อนหินวิญญาณ”

 

“แหวนกัมปนาทนี่ของข้า ตระกูลหัวประมูล 1 ล้านก้อนหินวิญญาณ”

 

“สำนักกระบี่ศักดิ์สิทธิ์ประมูล 1,200,000 ก้อนหินวิญญาณ”

 

“1,500,000 ก้อนหินวิญญาณจากสำนักหงษ์สวรรค์”

 

ซูหยางก็ยกมือเขาขึ้นเช่นกันและพูดว่า2 ล้านก้อนหินวิญญาณ“

 

ภายในห้องวีไอพี ฟูกวานจ้องมองแหวนกัมปนาทพร้อมกับขมวดคิ้ว

 

“ข้าวางแผนที่จะปล่อยให้เจ้าเด็กเลวจากนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัยนั่นซื้อทุกอย่างและขโมยมันหลังจากนั้น อย่างไรก็ตามถ้าเขาได้แหวนกัมปนาทนี้มันก็จักคุกคามกระทั่งชีวิตของข้า ข้ามิอาจยอมให้เขาได้มันไป”

 

คิดเช่นนี้แล้วฟูกวานก็เริ่มประมูลอีกครั้ง “นิกายอสรพิษประมูล3 ล้านก้อนหินวิญญาณ”

 

ราคาที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างกะทันหันสร้างความตระหนกให้กับผู้คนที่ประมูลมัน เมื่อนึกถึงว่ามันเพิ่มราคาขึ้นถึง 1 ล้านก้อนวิญญาณภายในชั่วพริบตา