บทที่ 407 ความลับแห่งธานอส
ทันทีที่ปีศาจสลายหายไป ห้องโถงสลัวรางทึบทึมก็พลันสว่างไสวและดูโอ่โถงงดงามราวกับมันเพิ่งจะถูกกวาดล้างด้วยน้ำสะอาด
“ท่านชนะ!” ขณะจดจ้องนักเวทปริศนา โซเฟียก็โบกมือไปมาในอากาศ รู้สึกมีกำลังใจขึ้นมาไม่น้อยในขณะเดียวกันนั้น สมองของนางก็ครุ่นคิดรวดเร็วว่านางจะโน้มน้าวนักเวทผู้นี้ให้ร่วมมือกับนางได้อย่างไร
ทว่า ลูเซียนหาได้ลดความระแวงลง เขากำ ‘ดาบยุติธรรมจืดจาง’ แน่นด้วยสองมือ พลางกวาดตามองไปที่ชนชั้นสูงแต่ละคนที่ยังมีชีวิตอยู่ เขาแผ่พลังจิตไปที่เหรียญน้ำแข็งและหิมะเพื่อเตรียมใช้เวท ‘โลงน้ำแข็งแห่งความเงียบงัน’ ทุกเมื่อที่จำเป็น
ลูเซียนรู้ดีว่าปีศาจตนนี้มากเล่ห์และน่าสยดสยองมากเพียงใด และเขาก็เชื่อว่าปีศาจความเจ็บปวดหาใช่ข้อยกเว้น มันบอกได้ยากว่าปีศาจความเจ็บปวดได้เลือกร่างอื่นจากเหล่าชนชั้นสูง และกำลังเฝ้ารอโอกาสที่จะสังหารลูเซียนหรือไม่
ความจริงแล้ว ทางที่ดีที่สุดที่จะทำให้ลูเซียนปลอดภัยคือการสังหารสิ่งมีชีวิตทั้งหมดในห้องโถงนี้เสีย แต่เพราะเหล่าปีศาจถูกสร้างขึ้นจากความรู้สึกด้านลบอย่างหาใดเปรียบ ลูเซียนอาจตกลงไปในกับดักและหลงอยู่ในวงวนความปรารถนาแห่งการฆ่าของตนเอง จากนั้นปีศาจทั้งหลายก็จะเข้าครอบงำเขา!
ลูเซียนกวาดตามองสำรวจทุกคนที่ยังมีชีวิตอยู่ เมื่อดวงตาของเขาสบกับผู้ใด ความเย็นเยียบในดวงตาลูเซียนก็จะทำให้พวกเขาตัวสั่นและหวาดกลัว พวกเขาอยากจะอยู่ให้ห่างจากนักเวทหนุ่มผู้นี้ แต่ก็พบว่าตนเองขยับมิได้
หลังจากนั้น ลูเซียนก็หันกลับมาต้องหน้าโซเฟีย
หัวใจของโซเฟียกระตุกวูบเมื่อดวงตาลึกล้ำเยียบเย็นมองมาที่นาง แต่นางก็ยังรักษาความสงบนิ่งไว้ได้เพราะเตรียมใจมาแล้ว รอยยิ้มหวานหยดผุดขึ้นบนใบหน้านาง และริมฝีปากที่ดูราวกับกลีบดอกไม้ก็อ้าออกเล็กน้อย เตรียมจะสื่อสารพูดคุยกับนักเวทหนุ่มเบื้องหน้า ไม่ว่าเขาจะร้องขอสิ่งใด ตราบใดที่เขายังมีสิ่งที่ปรานารถอยู่ นางก็ยังมีความหวัง
นางค่อนข้างมั่นใจ เพราะนางเชื่อว่าคงไม่มีเหตุผลใดที่นักเวทจะมองว่านางเป็นศัตรูที่ต้องปลิดชีพ นางสามารถมอบขุมทรัพย์ทั้งหมดของธานอสให้กับเขา เช่นเดียวกับความลับ อย่างไรเสียนางก็หาใช่ผู้ที่จะได้เป็นผู้สืบทอดตระกูลกอร์ส และนักเวทผู้นี้ก็ไม่รู้ว่านางวางแผนว่าจะสังหารบูว์ลัคในภายหลัง
แต่ตราบใดที่นางยังมีชีวิต โซเฟียก็สามารถนำสิ่งอื่นที่เขาหาไม่ได้จากปราสาทใต้ดินมามอบให้ได้ รวมถึงความลับของราชวงศ์ เอกสารโบราณอันล้ำค่า ความมั่งคั่งรุ่งเรือง และแม้แต่ตัวนางเอง
คำพูดต่อรองแล่นมาอยู่ที่ปลายลิ้น แต่ในตอนนั้นเอง นางก็สังเกตเห็นว่านักเวทหนุ่มเหลือบตาลงมองต่ำเล็กน้อย นางจึงมองตามสายตาของเขา แล้วก็ได้เห็นรอยเปียกชื้นบนกระโปรงของนาง และรอยเปียกบนพื้นที่เกิดขึ้นตอนนางคลานลากตนเองหนีจากเงื้อมมือปีศาจ
ใบหน้าโซเฟียพลันเห่อร้อน รอยยิ้มหวานหยดกลับกลายเป็นรอยยิ้มบิดเบี้ยว นางรู้สึกว่าใบหน้าตนเองร้อนเสียจนทอดไข่ได้ นางเกือบจะอยากฆ่าตัวตายเพราะความอับอายนี้
โซเฟียคิดในใจอย่างหัวเสียว่านักเวทผู้นี้ช่างต่ำช้าและไม่ใกล้เคียงกับสุภาพบุรุษเลยสักนิด
ลูเซียนไม่อยู่ในอารมณ์ที่จะมาสนใจว่าโซเฟียรู้สึกเช่นไรในตอนนี้ เขากลับรู้สึกขบขันเล็กน้อย ในยามที่นางสูญเสียทุกอย่าง โซเฟียไม่อาจรักษาสติและท่าทางสง่างามเอาไว้ได้ แต่หากเป็นนาตาชาที่อยู่ที่นี่ นางย่อมเลือกที่จะสู้จนกว่าจะถึงวินาทีสุดท้ายในชีวิตนาง
โซเฟียเทียบเคียงนาตาชาหาได้ไม่
ความจริงแล้ว โซเฟียเพิ่งจะอายุยี่สิบปี แต่กลับได้เป็นผู้ร่ายเวทระดับห้าแล้วนั่นก็เพราะพลังโลหิตอันแข็งแกร่งที่นางมี หากผู้ใดครอบครองพลังโลหิตที่ดีที่สุดและมีพรสวรรค์ เขาหรือนางย่อมใช้เวลาน้อยกว่านักเวทส่วนใหญ่ในการสร้างความก้าวหน้าอย่างก้าวกระโดด แต่นักเวทส่วนใหญ่ก็สามารถเลื่อนขึ้นระดับสูงได้ในระยะเวลาที่สั้นกว่าเหล่าอัศวิน มีเพียงตระกูลขุนนางส่วนน้อยเท่านั้นที่จะครอบครองพลังโลหิตอันยอดเยี่ยม การจะให้พลังอันสูงส่งนี้ส่งต่อรุ่นสู่รุ่นอย่างมั่นคง นักเวทโบราณจึงได้สังหารผู้คนไปมากกว่าหนึ่งแสนคนเพื่อทำการทดลอง
แต่มันก็เป็นเพียงการเริ่มต้นเท่านั้น ความก้าวหน้าในอนาคตของพวกเขายังคงขึ้นอยู่กับการฝึกฝนอำนาจจิต ในขณะที่จอมเวทสามารถพัฒนาได้ด้วยการสำรวจสัจธรรมของโลก และนี่คือเหตุผลว่าทำไมแม้ว่าลูเซียนจะอายุมากกว่าโซเฟียเพียงปีเดียว เขากลับเป็นนักเวทระดับหกแล้ว หากว่าโซเฟียอยากจะกลายเป็นผู้ร่ายเวทระดับสูง โดยไม่ใช้ตัวช่วยภายนอก นางจำต้องใช้เวลาอย่างน้อยสิบถึงยี่สิบปีเพื่อการณ์นั้น
รัศมีแสงสีเขียวแผ่ออกมา หลายๆ คนผล็อยหลับไปในทันที มีเพียงโซเฟียเท่านั้นที่ไม่เป็นอันใด
ลูเซียนทิ้งเวทเตือนภัยไว้บนตัวเหล่าชนชั้นสูง ทันทีที่พวกเขาตื่นขึ้นหรือพยายามจะทำอะไร ลูเซียนจะรู้ได้ในทันที
“พาข้าเข้าไปในห้องลับของราชันย์แห่งสุริยา” ลูเซียนกล่าวกับโซเฟียเสียงแผ่วเบา
“…ไม่มีปัญหาเจ้าค่ะ!” โซเฟียประหลาดใจเล็กน้อย ก่อนที่นางจะรีบลุกจากพื้น “ข้าสามารถทำทุกอย่างเพื่อท่านได้ ตราบใดที่…”
นางชะงักไป ด้วยไม่รู้ว่าควรพูดอะไรต่อ
ลูเซียนพยักหน้านิดๆ แล้วตอบด้วยเสียงของบูว์ลัค “ตราบใดที่เจ้าทำตามคำสั่งข้า และหากว่าการทำตามคำสั่งไม่ทำให้เจ้าตายไปเสียก่อน ข้าเองก็ไม่คิดจะสังหารเจ้าเช่นกัน เรามิใช่ศัตรูต่อกันและตอนนี้เจ้าตัดสินใจรามือของขุมทรัพย์ อีกอย่าง ข้าไม่คิดจะอยู่ในจักรวรรดินี้หรอก นั่นคือสิ่งที่เจ้าต้องการใช่หรือไม่”
“ใช่แล้วเจ้าค่ะ!” หัวใจโซเฟียเต้นรัวแรงด้วยความปิติ นักเวทผู้นี้ฉลาดเฉลียวเสียจริง!
ลูเซียนเองก็แย้มยิ้มเล็กน้อย เขาไม่รู้เลยจริงๆ ว่าโซเฟียจะยังมีชีวิตรอดหลังจากนี้หรือไม่
เรล์ฟคือคนแรกที่เดินเข้าไปภายในห้องลับภายใต้เวทควบคุมของลูเซียน ตามมาด้วยโซเฟียที่ลากแคลร์ไปตามพื้น ส่วนลูเซียนเดินรั้งท้ายกลุ่ม คอยตรวจตรารอบด้านอย่างระมัดระวังเผื่อว่าใครคนใดคนหนึ่งในพวกเขาอาจกลายเป็นปีศาจ
เมื่อเข้าไปในห้องลับ เรล์ฟก็ทรุดตัวลงนั่งและกดก้อนอิฐสีเทากลับเข้าที่ เมื่อหยิบกริชออกมาเรล์ฟก็กรีดมือและปล่อยให้โลหิตไหลลงไปยังก้อนอิฐ
เมื่อได้โลหิตไป เขาก็ทาบมือลงบนอิฐก้อนนั้น แสงสว่างทึบทึมแผ่ออกมาจากร่างเขาและแผ่ตรงไปยังก้อนอิฐ
อิฐก้อนนั้นดูดซับหยาดเลือดเข้าไปอย่างเงียบงันแล้วประตูที่มีลวดลายแปลกประหลาดเก่าแก่โบราณก็ปรากฏขึ้นบนผนัง
เรล์ฟได้สูญเสียพลังชีวิตของเขาไปครึ่งหนึ่งจึงดูค่อนข้างอ่อนแรง แม้ว่าเขาจะไม่อาจยืนนิ่งอยู่ได้ แต่ภายใต้การควบคุมของลูเซียน เขายังคงฝืนตัวเองให้เปิดประตูและเดินเข้าไปภายในห้องลับห้องที่สอง
เมื่อเห็นว่าเรล์ฟยังคงปลอดภัยดี ลูเซียนจึงตรวจดูอีกครั้ง และสุดท้ายเขาก็นำโซเฟียกับแคลร์เดินผ่านประตูแห่งพลังเข้าไป
เบื้องหลังประตูนั้นคือห้องโถงอันเก่าแก่ ประดับประดาด้วยภาพวาดมากมายบนผนัง และยังเต็มไปด้วยวงแหวนเวท เส้นสายจากวงแหวนเวทไปบรรจบที่แท่นบูชาจำลองที่ดูน่าขนลุกตรงกลางโถง
แท่นบูชานี้แตกต่างจากแท่นบูชาอื่นๆ ที่พวกเขาเคยเห็นภายในนี้ มันเป็นสีดำและแดงเข้ม ฝังด้วยเขาปีศาจที่มีลวดลายปริศนาวาดกำกับไว้ บนอากาศที่อยู่เหนือแท่นบูชา ยังมีแท่นบูชาที่คล้ายคลึงกันอีกแท่นแต่กลับหัวกลับหางกัน แผ่ไอร้อนที่ให้ความรู้สึกศักดิ์สิทธิ์เหมือนกับดวงตะวัน และมีคทาเวทมนตร์ที่ส่วนหัวเป็นหินสุริยันต์ขนาดใหญ่ยักษ์
ลูเซียนเหลือบมองวงแหวนเวทอันซับซ้อนทั้งหลายและแท่นบูชาทั้งสอง แล้วก็เชื่อว่าพวกมันมีไว้เพื่อกักขังและแยกออกมา ในทางหนึ่ง เขาต้องระแวดระวังโซเฟียกับเรล์ฟ และอีกทางหนึ่ง เขาก็ต้องสังเกตการณ์ภาพวาดบนผนังด้วยความระมัดระวัง
แล้วเขาก็ต้องประหลาดใจอย่างยิ่ง เพราะภาพวาดบนผนังส่วนแรกนั้นคล้ายกับพิธีอัญเชิญของไวเค็น มันเป็นรูปชายผู้ที่ใบหน้าเต็มไปด้วยความเกลียดชัง กำลังวาดบางอย่างบนหุ่นกระบอก จากนั้นเขาก็โยนหุ่นกระบอกลงไปในกองไฟ สุดท้าย ปีศาจที่มีเขาที่ดูมีความพิเศษของเขาก็ถูกอัญเชิญออกมา
ภาพวาดบนผนังด้านอื่นๆ นั้นเลวร้ายน่าสยดสยองยิ่งกว่า เมื่อชายผู้นั้นถูกปีศาจครอบงำและได้รับพลังอันยิ่งใหญ่ เขาก็สังหารทุกผู้คนที่เขาเกลียด ทว่า ในตอนนั้นเอง วงแหวนเวทก็ปรากฏขึ้นและกักขังเขาไว้ ชายวัยกลางคนที่สวมมงกุฎเวทมนตร์เดินออกมาจากวงแหวนเวท และกระชากภาพจำลองของปีศาจออกมาจากร่างชายผู้นั้น ดูเหมือนว่าชายวัยกลางคนก็คือธานอส เขาหันกลับมาที่แท่นบูชา หลอมละลายภาพจำลองปีศาจ จากนั้นก็ดูดซับพลังเข้าในกาย!
ลูเซียนเข้าใจในที่สุดว่าธานอสได้รับพลังมาอย่างไร ธารอสสามารถจับภาพจำลองของปีศาจทั้งเจ็ดได้และดูดซับพวกมันเหมือนกับการได้รับพลังโลหิต เขาช่างเป็นชายผู้บ้าคลั่งและทะเยอทะยานยิ่งนัก!
ลูเซียนทั้งประทับใจและตกตะลึงอย่างยิ่ง เพราะนักเวทส่วนใหญ่เมื่อเผชิญหน้ากับปีศาจอันทรงพลังทั้งเจ็ด มักจะเลือกที่จะอยู่ให้ห่างจากพวกมันมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ หรือไม่ก็แลกเปลี่ยนกับปีศาจเพื่อให้ได้รับพลังอันยิ่งใหญ่ แต่ธานอสกลับเลือกที่จะศึกษาพวกมันและกลืนกินพวกมันลงไป
สำหรับลูเซียน สิ่งที่เขาอยากจะหาให้พบที่สุดก็คือบันทึกและโน้ตเกี่ยวกับการทดลองของธานอส แล้วจากนั้นค่อยฉวยคทาเวทมนตร์ด้านบนไป
โซเฟียชี้ไปทางประตูเล็กๆ มุมหนึ่งของห้องโถงแล้วเค้นรอยยิ้มหวานเอาใจ “ท่านเจ้าคะ ในห้องลับมีเอกสารเหลืออยู่บ้าง ท่านลุงอุลริชบอกข้าว่าก่อนที่ปีปฏิทินนักบุญจะเริ่มขึ้น นักเวทระดับตำนานผู้หนึ่งได้ค้นพบสถานที่แห่งนี้และนำเอกสารส่วนใหญ่ไปแล้วเจ้าค่ะ”
‘เป็นไวเค็นหรือเปล่านะ’ ลูเซียนนึกสงสัย ‘นั่นคือสาเหตุที่พิธีอัญเชิญแบบพิเศษของไวเค็นถูกสร้างขึ้นหรือเปล่า แล้วนิทานแห่งความโศกเล่า จะเป็นไปได้อย่างไรกันที่พิธีอัญเชิญจะกลายเป็นสิ่งที่เข้าถึงได้ง่ายเพียงนี้’
ลูเซียนรู้เกี่ยวกับสถานที่แห่งนี้มากกว่าโซเฟียเล็กน้อย แม้ว่าเขาจะมีคำถามมากมายในหัว แต่ก็ตัดสินใจมองข้ามมันไปก่อน
“โซเฟีย ไปนำคทาเวทมนตร์มาให้ข้า”
โซเฟียพลันหน้าซีดเผือด นางไม่รู้เลยว่าบนคทาเวทมนตร์นั้นมีคำสาปอยู่หรือไม่ แต่นางมิอาจขัดคำสั่งของนักเวทได้
นางมองไปรอบๆ หวังจะหาผู้อื่นให้ไปนำคทาเวทมนตร์แทนนาง แต่สายตาเย็นชาของนักเวทหนุ่มก็ดับความหวังของนางลง
โซเฟียตัวสั่นเล็กน้อย ก่อนจะเดินไปยังแท่นบูชาและคว้าจับคทาเวทมนตร์โดยใช้ ‘เวทหัตถ์นักเวท’
มิมีสิ่งใดเกิดขึ้นกับนาง โซเฟียจึงผ่อนคลายมากขึ้นก่อนจะมอบคทาให้กับลูเซียน
ลูเซียนร่าย ‘เวทระบุตัวตน’ บนคทาเวทมนตร์ แต่กลับไม่ได้รับข้อมูลเสียเท่าใด ทว่า ลูเซียนกลับตื่นเต้นไม่น้อย เพราะนั่นหมายความว่าคทาเวทมนตร์นี้ต้องมีระดับอย่างน้อยระดับเก้า ลูเซียนคงต้องใช้เวลาหลายวันเพื่อวิเคราะห์มัน
หลังจากเก็บคทาเวทมนตร์ไป ลูเซียนก็เดินเข้าไปในห้องอีกห้อง ตามมาด้วยโซเฟีย เรล์ฟ และแคลร์ ชั้นหนังสือส่วนใหญ่ว่างโล่ง แต่บนโต๊ะโลหะมีสมุดที่ใช้ยังไม่หมดอยู่หลายเล่มวางทิ้งไว้