บทที่ 408 ผู้ช่วย
หลังจากร่ายเวทหน่วงเหนี่ยวบนตัวโซเฟียและคนที่เหลือ ลูเซียนก็ตรวจดูสมุดเหล่านั้นอย่างถี่ถ้วนอีกครั้ง และท้ายที่สุดเขาก็หยิบมันขึ้นมา

เนื้อหาในนั้นไม่สมบูรณ์ต่อเนื่อง และลายมือก็ตวัดตามใจจนอ่านยากมาก แต่จากคำต่างๆ และลายมือแล้ว ลูเซียนบอกได้เลยว่าโน้ตพวกนี้มาจากคนคนเดียวกัน และโทนเสียงของคนคนนี้ก็เปลี่ยนไปเมื่อเขาหรือนางแก่ตัวลง

‘…หลังจากสำรวจอนุสรณ์สถานโบราณในนรกภูมิขุมที่ลึกที่สุด พวกนั้น รวมถึงโซลาโน และแม้แต่อาจารย์ก็คล้ายกับจะเปลี่ยนไป แต่ทำไมข้าถึงต้องสนด้วยเล่า พวกนั้นไม่เคยมองเห็นความหวังในตัวข้า อย่างไรเสีย ในฐานะผู้ศึกษาทางด้านโหราศาสตร์ ข้ากลับไม่แม้แต่จะระบุตำแหน่งของดาวแห่งโชคชะตาประจำตัวได้ด้วยซ้ำ หากบิดาไม่ได้ช่วยอาจารย์ข้าไว้โดยแลกกับชีวิตของท่าน อาจารย์ก็คงจะทอดทิ้งข้าไปนาแล้ว พวกนั้นไม่รู้ถึงความหมายของดาวแห่งโชคชะตาประจำตัวของข้าว่าคืออะไร’

‘…พวกเขาไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไปแล้ว! ปีศาจ! พวกเขาถูกปีศาจครอบงำ!… ข้าจะปล่อยให้พวกเขารู้ไม่ได้ว่าข้ารู้เรื่องแล้ว ข้าจะต้องระมัดระวังตัว…’

‘…สิ่งที่ข้ามั่นใจได้ก็คือเหล่าปีศาจที่ครอบงำพวกเขาไม่เคยมีบันทึกไว้เลย พวกมันเล่นเล่ห์เหลี่ยมและทำให้ความคิดมนุษย์บิดเบี้ยวด้วยการสั่งสมความรู้สึกด้านลบ ข้าอยู่ที่นี่ต่อไปไม่ได้แล้ว ข้าต้องหาข้ออ้างไปจากที่นี่…’

‘…เกือบไปแล้ว พวกเขาเกือบจะจับข้าได้หากว่าข้าไม่มีดาวแห่งโชคชะตาประจำตัวแบบพิเศษนี้…’

‘…ในที่สุดข้าก็รู้แล้วว่าพวกมันคือปีศาจความยโส ปีศาจความริษยา ปีศาจความโลภ ปีศาจความแค้น ปีศาจความเจ็บปวด ปีศาจราคะ ปีศาจความเสแสร้ง… พวกมันแตกต่างจากปีศาจตนอื่นที่เรารู้จักโดยสิ้นเชิง…’

‘…โซลาโนช่างโง่เขลานัก… เขาพยายามจะสังหารข้า เขาคงไม่รู้เลยสักนิดว่าข้ากลายเป็นนักเวทระดับเจ็ดแล้ว เขากลายเป็นวัตถุทดลองที่สมบูรณ์แบบของข้าที่มาหาข้าด้วยตนเองถึงหน้าประตู ข้าจะตรวจสอบดูว่าปีศาจจากนรกภูมินี้คืออะไรกันแน่…’

‘…ไม่มีวิธีใดเลยที่จะกักขังภาพลำของของปีศาจเอาไว้ได้ ข้าควรทำอย่างไรดี บางทีข้าอาจควรออกไปสำรวจที่นรกภูมิขุมสุดท้ายดู หวังว่าข้าจะได้พบอะไรบ้าง…’

‘…มันไม่มีทางออกอื่นแล้ว ข้าจะลองผสานมันเข้ากับพลังโลหิตของปีศาจทั่วไปดู…’

‘…ผลลัพธ์ที่ได้กลับน่าทึ่ง พลังพิเศษสามารถได้รับจากการผสมผสานและกลายเป็นส่วนหนึ่งของดวงจิต พลังยังทำให้ร่างกายแข็งแกร่งขึ้นและทำให้โลกแห่งปัญญาเป็นปึกแผ่นอีกด้วย บางที… มันอาจช่วยให้ข้าก้าวหน้า…’

‘…ในเมื่อการสั่งสมความรู้สึกด้านลบจะนำไปสู่ความเชื่อมโยงที่มีต่อปีศาจทั้งเจ็ด เช่นนั้นข้าก็แสร้งทำได้น่ะสิ ข้าจะต้องออกแบบปราสาทพิเศษและพิธีกรรม…’

‘…นี่มันอะไรกัน’

‘…ข้าคิดผิดแต่แรก…’

‘…ข้านึกว่าข้าได้ค้นพบความลับของปีศาจทั้งเจ็ดแล้ว ข้านึกว่าข้าได้เห็นสัจธรรมของโลกแล้ว…’

มีหลายส่วนที่หายไปจากสมุด เหลือเพียงแต่ส่วนที่ไม่ค่อยสำคัญนัก ดูเหมือนว่าเศษเนื้อหาพวกนี้จะไม่ได้ถูกใครบางคนจงใจวางทิ้งไว้ แต่มันถูกมองข้ามในขณะที่คนอื่นๆ ต่อสู้แย่งชิงส่วนอื่นๆ ผู้ชนะรู้ว่าพวกมันหาได้เป็นส่วนสำคัญและคงจะรีบจากไป

จากนั้นเนื้อหาเหล่านี้ก็ถูกนำมาเรียงกันใหม่โดยบรรพบุรุษต้นตระกูลกอร์ส และรวมไว้ด้วยกัน

ข้อความเหล่านี้ถูกบันทึกลงในห้องสมุดห้วงจิตของลูเซียนโดยอัตโนมัติ ลูเซียนนึกสงสัยว่าความลับคืออะไรและทำไมมันจึงเกี่ยวกับสัจธรรมของโลก แต่เนื้อหาที่ไม่สมบูรณ์นี้ไม่อาจตอบคำถามทั้งหลายในหัวเขาได้ ความสงสัยใคร่รู้ของเขาจึงยังคงแผดเผาอยู่ในอก

ลูเซียนสงบจิตใจลง ก่อนจะค่อยๆ ตรวจตราห้องลับอีกครั้ง แต่ก็ไม่พบอะไรอื่น จากนั้นเขาจึงใช้พลังจากห้องสมุดห้วงจิตเพื่อพันทึกการออกแบบของแท่นบูชาและวงแหวนเวททั้งหลาย

ตัวสถานที่ก็นับเป็นขุมทรัพย์ล้ำค่าอย่างหนึ่ง หากว่าตามธานอสแล้ว แท่นบูชาและวงแหวนเวทเหล่านี้สามารถแยกภาพจำลองของปีศาจทั้งหลายออกมา กัดขังเหนี่ยวรั้งพวกมัน และยังกระทั่งดูดซับพวกมันได้

สำหรับลูเซียน ปีศาจทั้งเจ็ดนั้นทรงพลังเกินกว่าจะควบคุมได้ เขาไม่คิดจะดูดซับภาพจำลองของปีศาจเพื่อให้ได้รับพลัง เพราะว่ามันเสี่ยงเกินไป แต่ถึงกระนั้น การรู้วิธีแยกและกักขังพวกมันก็ยังเป็นข้อได้เปรียบใหญ่หลวง อีกอย่าง การศึกษาสัตว์ลึกลับยังเป็นความหลงใหลในตัวจอมเวททุกคน ยิ่งไม่ต้องพูดถึงความจริงที่ว่าพวกมันมีความเกี่ยวข้องกับสัจธรรมของโลก

เมื่อคัดลอกรูปแบบไว้เสร็จ ลูเซียนก็ทำให้เรล์ฟกับแคลร์กลับไปหลับใหลแล้วร่ายเวทเตือนภัยบนตัวทั้งสอง จากนั้นเขาก็ปลุกโซเฟีย

“ข้ายังต้องการให้เจ้าทำบางอย่างให้ข้า ตามข้ามา จงเป็นผู้ช่วยของข้า”

“เจ้าค่ะ” โซเฟียตอบด้วยความสุภาพ แต่ในใจนั้นนางกำลังโกรธแค้นอย่างยิ่ง แน่นอนว่านางหาใช่ผู้ช่วยของเขา แต่เป็นเครื่องมือในการสำนวจพื้นที่ที่ไม่รู้จักต่างหาก

แต่นางไม่อาจทำอะไรได้ ชีวิตนางอยู่ในกำมือของนักเวทผู้นี้ นางทำได้เพียงเดินตามนักเวทไปอย่างว่าง่าย ทั้งสองออกมาจากห้องลับและเข้าไปภายในรูปวาดของดยุกแห่งกอร์สคนแรก

โซเฟียตะลึงงันเมื่อเห็นว่าลูเซียนเปิดเผยทางเข้าที่นำไปสู่ห้องลับอีกห้อง จากนั้นความหวาดกลัวก็แล่นเข้ามาในใจ นางไม่รู้ว่านักเวทจะสังหารนางหรือไม่ ในเมื่อนางได้ล่วงรู้ความลับนี้เข้าแล้ว

“หากเจ้าอยากจะยืนอยู่ตรงนั้นต่อ เจ้าก็ไม่ต้องขยับอีกต่อไป” ลูเซียนแย้มยิ้ม

ในสายตาโซเฟีย ใบหน้ายิ้มแย้มนั้นดูราวกับปีศาจตนหนึ่ง ซึ่งชั่วร้ายยิ่งกว่าปีศาจที่แท้จริง นางรู้สึกอยากจะตะบันหน้าเขาสักหมัด

ทว่า นั่นเป็นเพียงความหวังของนาง ในความเป็นจริง นางยังคงต้องตอบว่า “ข้าจะไปเจ้าค่ะ”

นางมิมีทางเลือก

ขณะเดินเข้าไปในเส้นทางลับ โซเฟียตื่นตัวระแวดระวังในทุกๆ ย่างก้าว ในที่สุด ที่สุดปลายทางลับนั้น นางก็ได้เห็นปราสาทชั้นในที่หน้าตาเหมือนกับภายนอกเป๊ะ และรูปปั้นของธานอส

โซเฟียมองไปรอบๆ ก่อนจะถอนหายใจออกมา เข่าของนางแทบจะหมดเรี่ยวแรงพยุงตัว

ลูเซียนเดินนำโซเฟียไปยังรูปปั้นแล้วชี้ไปที่มือขวาของรูปปั้น

“เจ้าแตะตรงนั้น” ลูเซียนสั่ง

“ตรงนั้นไม่มีอะไรนี่…” โซเฟียมึนงงอย่างยิ่ง แต่ในยามที่นางยื่นมือออกไป นางกลับชะงักและมองไปยังจุดที่ลูเซียนยืนอยู่

แต่กลับไม่มีผู้ใดยืนอยู่!

“ทำต่อสิ” เสียงแผ่วเบาของนักเวทดังมาจากที่ไกลๆ โซเฟียหันหลังกลับไปก็เห็นว่านักเวทปริศนาถอยหนีกลับไปอยู่ในเส้นทางลับแล้ว

โซเฟียเอ่ยเสียงตะกุกตะกัก “เหตุใด… เหตุใดท่านจึงไปยืนอยู่ตรงนั้นเล่า”

“มันอาจอันตรายมาก” ลูเซียนตอบตามตรง

ฉับพลันนั้น เหงื่อกาฬก็พลันไหลซึมเต็มหน้าผากนาง

“เร็วเข้า ข้ายังต้องใช้เวลาลงนามในสัญญาเวทมนตร์นะ” ลูเซียนเตือนโซเฟียเสียงนุ่ม ใบหน้ายังคงประดับด้วยรอยยิ้ม

โซเฟียรู้ว่านี่คือการข่มขู่ นางรู้สึกว่ามือขวาช่างหนักเหลือเกิน นางยกมันขึ้นมาอย่างเชื่องช้า

“ขยับสิ” ลูเซียนสั่ง ด้วยเครื่องรางมงกุฎสุริยันที่สวมอยู่ เขาจึงมองเห็นว่ามือของโซเฟียกำลังแตะไปที่ขอบของบอลแสงสีขาว

มือเล็กๆ งดงามของโซเฟียสั่นเทา นางไม่อาจรู้ได้เลยว่าเกิดอะไรขึ้นในตอนนี้

“พอแล้ว” เมื่อเห็นว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น ลูเซียนก็ให้รู้สึกมึนงง

โซเฟียร่วงลงไปกองกับพื้นทันทีที่ได้ยินคำสั่งของลูเซียน

หลังจากตรวจสอบโซเฟียด้วยเวททดสอบ ลูเซียนก็มั่นใจว่านางไม่ได้โกหก โซเฟียไม่รู้สึกถึงบอลแสงเลยสักนิดและมิมีอะไรเกิดขึ้นกับนาง เพื่อให้ได้ข้อมูลจากประสบการณ์ตรง ลูเซียนจึงไม่ได้ใช้เวทมนตร์ควบคุมโซเฟีย ลูเซียนรออยู่ครู่หนึ่งเพื่อให้แน่ใจว่ามันปลอดภัยจริงๆ จากนั้นเขาจึงเดินไปหาโซเฟีย

เขาให้โซเฟียประทับพลังของนางไว้ในมงกุฎสุริยัน เพื่อที่นางจะใช้พลังของเครื่องรางได้ส่วนหนึ่งเหมือนกับที่ลูเซียนใช้เหรียญตรานักบุญแห่งความจริงเป็นครั้งแรก

ในที่สุดโซเฟียก็มองเห็นบอลแสงสีขาวที่ดูน่าขนลุกลอยอยู่เหนือมือขวาของรูปปั้น

“ลองอีกครั้ง” ลูเซียนเอ่ยเสียงเย็นเยียบ

โซเฟียสบถในใจ แต่นางไม่รู้เลยสักนิดว่านักเวทหนุ่มผู้นี้คือผู้ใด

ขณะสูดหายใจเข้าลึก โซเฟียก็คอยบอกตัวเองว่านี่คือครั้งสุดท้ายที่นางจำต้องแบกรับความเสี่ยงถึงเพียงนี้ นางตัวสั่นเทาขณะยื่นมือออกไปทางบอลแสง และเป็นดังที่นางคาดไว้ เจ้านักเวทชั่วนั่นถอยห่างออกไปอีกครั้ง

ปลายนิ้วของโซเฟียสัมผัสกับบอลแสง มันให้ความรู้สึกเย็นๆ

มือของนางผ่านเข้าไปได้โดยไร้ปัญหา เมื่อโซเฟียแตะโดนช่องว่างเล็ก นางก็สัมผัสได้ถึงบางอย่างที่เหมือนกับม่านหนาหนัก

เมื่อดึงมือกลับ โซเฟียก็หอบหายใจหนัก

“ท่าน… ไม่มีอะไรเกิดขึ้นเจ้าค่ะ”

ลูเซียนลบตราประทับที่โซเฟียทิ้งไว้ออกจากมงกุฎสุริยัน ในตอนที่เขาจะออกคำสั่งกับโซเฟียอีก บางอย่างกลับไปกระตุ้นวงแหวนเวทเตือนภัยที่เขาวางทิ้งไว้!

ความคิดแรกที่แล่นเข้ามาในหัวลูเซียนคือ หนึ่งในปีศาจได้กลับมาแล้ว

ลูเซียนซุกมือกลับลงไปในกระเป๋ามิติและถอยกลับไปยืนอยู่กลางห้องโถง

“ยังมีห้องลับอยู่อีกห้องอยู่ที่นี่ น่าสนใจจริงๆ” ที่อีกฝั่งเส้นทางลับ ชายผมสีบลอนด์ ดวงตาสีน้ำเงินกำลังเดินเข้ามาช้าๆ

เป็นเจ้าชายเบเยอร์

ทว่า ดวงตาของเบเยอร์กลับเฉียบคมและสุกใส ท่าทางของเขาก็ดูสง่างาม เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ได้ถูกครอบงำ

เบเยอร์ไขว้มือไปทางด้านหลัง เดินผ่านลูเซียนไปมองที่มือขวาของรูปปั้น

“มันอยู่ที่นี่ ตอนนั้นข้าคิดถูก”

ในน้ำเสียงเขาปรากฎความปีติยินดี

สีหน้าของลูเซียนพลันเปลี่ยนไป เขาเพิ่งตระหนักได้ว่าเกิดอะไรขึ้น

ในขณะเดียวกัน ทั้งร่างโซเฟียก็เริ่มสั่นสะท้าน เสียงของนางเต็มไปด้วยความประหลาดใจ

“สะ… เสด็จพ่อ?”

……………………………………..