แดนนิรมิตเทพ บทที่ 661
พานเยว่ซานรู้แจ้งแล้วจริง ๆ แต่มันแตกต่างจากการรู้แจ้งของพระเกจิที่เป็นการรู้แจ้งในสัจธรรม และการรู้แจ้งของพานเยว่ซานคือวิธีการฝึกเคล็ดวิชาที่เขาสร้างขึ้นมาเอง

พานเยว่ซานเป็นอัจฉริยะอย่างแท้จริง เป็นอัจฉริยะที่แม้แต่เฉินโม่ก็เกิดรู้สึกความเห็นอกเห็นใจ

ด้วยความเป็นมนุษย์ธรรมดาของเขา และเขาได้รวบรวมจุดแข็งแต่ละเคล็ดวิชาของร้อยตระกูลเข้าด้วยกัน ทำให้เขาค้นพบเส้นทางของผู้บำเพ็ญ และฝึกจนเกิดพลังทิพย์

สำหรับนักบู๊ธรรมดาแล้ว จำเป็นต้องมีพรสวรรค์และความอุตสาหะมากมายเพียงใด!

อย่างไรก็ตาม เขาเป็นเพียงนักบู๊ของโลกฝึกบู๊คนหนึ่งเท่านั้น และวิสัยทัศน์ของเขาถูกจำกัดด้วยระบบการฝึกของโลกฝึกบู๊

หลังจากคำชี้แนะจากเฉินโม่แล้ว พานเยว่ซานเข้าใจความผิดพลาดของตนเองทันที เขายิ่งมีความมั่นใจมากยิ่งขึ้น กระทั่งสามารถสร้างเคล็ดวิชาของตนเองได้อย่างอิสระ

สุดท้ายแล้วเขาจะสามารถสร้างเคล็ดวิชาแบบไหนออกมา แม้แต่เฉินโม่เองก็ไม่แน่ใจ บางทีเขาอาจจะอาศัยพรสวรรค์ของตนเอง ก้าวสู่เส้นทางการบำเพ็ญเซียนที่แตกต่าง

ไม่นานการฝึกของพานเยว่ซานก็สิ้นสุดลง จากสีหน้าที่ตื่นเต้นและสั่นอย่างต่อเนื่องของเขา สามารถมองออกว่าคราวนี้เขาเก็บเกี่ยวได้ไม่น้อยแน่นอน

“ขอบคุณเฉินซือสำหรับคำชี้แนะ!”

พานเยว่ซานโค้งคำนับให้เฉินโม่

ทุกคนที่อยู่รอบ ๆ ต่างรู้สึกตกตะลึง แล้วยังจะสามารถต่อสู้กันได้อีกไหม?

เดี๋ยวก่อน เขาเรียกเฉินไต้ซือว่าอะไร? เฉินซือ!

แม้ว่าคำว่าเฉินไต้ซือและเฉินซือจะแตกต่างเพียงแค่อักษรตัวเดียว แต่ความหมายที่แสดงออกมานั้นแตกต่างราวฟ้ากับดิน

เพราะเฉินไต้ซือชี้แนะเขา ดังนั้นผู้นำตระกูลพานจึงตัดสินใจปฏิบัติต่อเขาเหมือนเป็นอาจารย์เหรอ?

หากเป็นเช่นนั้น คราวนี้โลกฝึกบู๊แห่งเจียงหนานต้องอับอายขายหน้าไปทั่วประเทศอย่างแน่นอน

แต่สิ่งเหล่านี้ไม่เกี่ยวข้องกับพานเยว่ซานเลยสักนิด ถึงแม้ว่าโลกฝึกบู๊แห่งเจียงหนานจะถูกทำลาย มันก็ไม่เกี่ยวอะไรกับพานเยว่ซาน?

สิ่งที่พานเยว่ซานต้องการคือการทำลายพันธนาการและเข้าสู่แดนเทพ แม้กระทั่งสูงกว่าแดนเทพ

ก่อนที่เขาจะออกมาจากการปลีกวิเวก พานเยว่ซานมองเห็นแดนนั้นอย่างคลุมเครือ และเขาเชื่อมั่นอย่างแรงกล้าว่าจะต้องมีแดนที่สูงกว่าแดนเทพอีก

หลังจากได้รับคำชี้แนะจากเฉินโม่แล้ว เขายิ่งรู้สึกชัดเจนมากขึ้น และเป็นจริงมากยิ่งขึ้น แดนที่ทรงพลังและลึกลับดึงดูดเขาเป็นอย่างมาก ทำให้เขาแสวงหาโดยไม่คำนึงถึงอะไร

และเขาพานเยว่ซานก็เป็นคนแบบนี้ มิเช่นนั้นเขาคงจะไม่แย่งชิงเคล็ดวิชาของคนอื่นไปทั่วอย่างบ้าคลั่ง

เมื่อมองพานเยว่ซานที่โค้งคำนับขอบคุณ เฉินโม่สามารถสัมผัสได้ถึงความจริงใจของเขา และเฉินโม่ก็ยอมรับอย่างสงบ หากปราศจากการชี้แนะจากผู้บำเพ็ญอย่างเฉินโม่แล้ว ถึงแม้ว่าพานเยว่ซานจะมีพรสวรรค์มากแค่ไหน แต่มันเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะสามารถจะทำลายพันธนาการของระบบการฝึกของโลกฝึกบู๊

พานเยว่ซานเข้าใจสิ่งนี้ ดังนั้นเขาจึงปฏิบัติต่อเฉินโม่เหมือนเป็นอาจารย์

“ตามสบายเถอะ” เฉินโม่กล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

จากนั้นพานเยว่ซานถึงได้ยืนตรง และมองเฉินโม่ด้วยสีหน้าเคารพเลื่อมใส ท่าทางของเขาเหมือนนักเรียนที่ได้พบอาจารย์ที่มีชื่อเสียง และแทบอยากจะเดินไปกอดต้นขาของเฉินโม่ทันที เพราะกลัวว่าเฉินโม่จะหนีไป

เมื่อเห็นสถานการณ์เช่นนี้ ทำให้หัวใจของเจ้าสำนักที่มีความสัมพันธ์ที่ดีกับตระกูลเว่ยจมดิ่งลงสู่ก้นบึ้งทันที หากปล่อยให้พวกเขาสองคนเป็นเช่นนี้ต่อไป เกรงว่าผู้นำตระกูลพานคงจะฝากตัวเป็นลูกศิษย์ของเฉินโม่แล้ว

ถ้าเป็นเช่นนั้น แล้วใครจะล้างแค้นแทนพวกเขาล่ะ!

“ผู้นำพาน เฉินไต้ซือฆ่าคนของโลกฝึกบู๊แห่งเจียงหนานไปหลายคน แล้วยังทำให้โลกฝึกบู๊แห่งเจียงหนานอับอายขายหน้า ขอให้ผู้นำพานทวงความเป็นธรรมคืนกลับมาให้โลกฝึกบู๊แห่งเจียงหนานด้วยเถอะ!”

ชายชราคนนี้กล่าวแสดงความคิดเห็นด้วยสีหน้าเศร้า ราวกับว่าถ้าพานเยว่ซานไม่ลงมือเคลื่อนไหว ประเทศชาติก็จะถูกทำลายล้างทันที

ส่วนคนที่เหลือต่างมองพานเยว่ซานด้วยสีหน้าคาดหวัง และรอให้เขาลงมือปราบเฉินไต้ซือ