บทที่ 1572 – ความรู้สึกของเจี้ยนเก้อ

Ancient Strengthening Technique เทพอสูร บรรพกาล

บทที่ 1572 – ความรู้สึกของเจี้ยนเก้อ

 

คำพูดของจิน ลี่อวี้ทำให้ทุกๆคนมองมาทางชิงสุ่ยด้วยความตกตะลึงเพราะนั่นหมายความว่าพลังของชิงสุ่ยนั้นมากพอที่จะส่งผลต่อเรื่องนี้

 

“พลังของคนเรานั้นมีขีดจำกัด น้องชาย อย่าคาดหวังข้าสูงนัก พวกเรามาร่วมมือกันรับมือกับเรื่องนี้ดีกว่า เพื่อทุกๆคนในพระราชวังทะเลราชันย์” ชิงสุ่ยยกแก้วในมือขึ้น

 

“เหล่าผู้ที่นั่งอยู่ตรงนี้คือพี่น้องและมิตรสหายของข้า ชีวิตและความตายต่างก็อยู่ในมือของทุกๆท่าน” มู่หยุน ชิงเฉิงยกแก้วในมือขึ้น

 

“ดื่ม!”

 

……

 

มื้ออาหารค่ำเป็นไปอย่างรื่นเริง ทุกๆคนที่อยู่ที่นี่ต่างก็เป็นคนที่สำคัญของพระราชวังทะเลราชันย์และต่างก็เป็นผู้นำของชนเผ่าต่างๆ เหตุผลที่พวกเขาสามารถอยู่กันได้อย่างสงบสุขก็เพราะมู่หยุน ชิงเฉิง

 

เผ่านาคาเร้นลับนั้นเป็นเผ่าของเทพธิดามังกร พวกเขาต่างก็มีเคล็ดวิชาสวรรค์ที่ทรงพลัง หากพวกเขาสามารถปลุกสายเลือดที่หลับไหลอยู่ในร่างกายได้ก็จะเป็นเรื่องที่น่ากลัวอย่างยิ่ง

 

พวกเขาทั้งหมดต่างก็จงรักภักดีต่อมู่หยุน ชิงเฉิงเป็นอย่างยิ่ง ผู้มีอิทธิพลมากมายเพียงใดที่อยู่เบื้องหลังของนางนั้นไม่มีใครรู้ได้ แม้ว่าสายเลือดของนางจะยังไม่ได้ตื่นขึ้นมาแต่พลังของนางก็ไม่ใช่สิ่งที่จะมองข้ามได้เลย

 

แต่ละเผ่านั้นต่างก็มีประมุขและผุ้อาวุโสอีกสองสามคนที่คอยปกครองอยู่ พวกเขาต่างก็อาศัยอยู่ในอาณาเขตของตนเองภายใต้การปกครองของพระราชวังทะเลราชันย์ ความรุ่งโรจน์และชื่อเสียงของพวกเขานั้นเติบโตไปพร้อมกับพระราชวังทะเลราชันย์ดังนั้นพวกเขาจึงพร้อมที่จะสู้ไปด้วยกัน เพราะถ้าหากพระราชวังทะเลราชันย์ต้องล่มสลายนั่นก็หมายถึงชะตากรรมของพวกเขาด้วยเช่นกัน

 

โดยปกติแล้วมีเพียงคนทรยศเท่านั้นที่อยากจะเห็นศัตรูเจริญรุ่งเรืองมากกว่า

 

เมื่อคิดถึงเรื่องคนทรยศแล้วชิงสุ่ยก็นึกถึงคำพูดของอีเย่ เจี้ยนเก้อก่อนหน้านี้ ในตอนนั้นนากล่าวว่าพระราชวังมังกรสมุทรและพระราชวังฉลามอสูรมีความมั่นใจว่าจะสามารถโค่นล้มพระราชวังทะเลราชันย์ลงไปได้อย่างแน่นอนเขาสงสัยว่าทำไมคนพวกนั้นถึงมีความมั่นใจเพียงนี้?

 

……

 

หลังจากงานเลี้ยงชิงสุ่ยก็กลับไปพร้อมกับอีเย่ เจี้ยนเก้อ เพราะชิงสุ่ยนั้นเป็นสามีของนางและพวกเขาควรที่จะกลับไปพร้อมกัน ชิงสุ่ยก็ไม่ต้องหาที่อยู่อื่นเพราะมีวังของอีเย่ เจี้ยนเก้ออยู่แล้ว

 

มู่หยุน ชิงเฉิงไม่ได้รบกวนคู่สามีภรรยาคู่นี้เพราะพวกเขานั้นไม่ได้พบกันมาเป็นเวลานาน เพียงแค่นางไม่รู้ว่ายังไม่มีอะไรเกิดขึ้นชิงสุ่ยและอีเย่ เจี้ยนเก้อ

 

ที่แห่งนี้เหมือนกับพระราชวังทับทิมเพียงแต่มีขนาดที่ใหญ่กว่า มันดูสะอาดและเต็มไปด้วยจิตแห่งปราณที่มากมาย ชิงสุ่ยจูงมืออีเย่ เจี้ยนเก้อขณะที่พวกเขาเดินไปตามทางเดิน

 

พวกเขาทั้งสองคนคุยเรื่องราวต่างๆมากมายขณะที่เดินไป ทั้งหมดนั้นเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นภายใน 3 ปีที่ผ่านมานี้ ที่แห่งนี้สำคัญกับอีเย่ เจี้ยนเก้อมากยิ่งนักเพราะนางบอกว่ามันคือบ้านของนาง

 

เดิมทีนางก็คิดที่จะกลับไปหาชิงสุ่ยแต่นางก็ไม่อาจทิ้งที่แข่งนี้ไปได้ นางคือผู้สืบทอดแห่งเผ่านาคาเร้นลับและหากมีอะไรเกิดขึ้นกับพระราชวังทะเลราชันย์ นางก็คงต้องเป็นกังวลอย่างยิ่ง

 

เมื่อเวลาผ่านไปเนิ่นนานนางเองก็ไม่คิดว่าชิงสุ่ยจะมาหานางถึงที่นี่ ในช่วงเวลานี้แม้ว่านางจะไม่ได้เจอเขามาเป็นเวลานานแต่นางก็ยังเชื่อมั่นในตัวเขา เมื่อมีเขาอยู่ที่นี่สถานการณ์ในตอนนี้ย่อมถูกแก้ไขอย่างแน่นอน

 

นางเชื่อว่าชิงสุ่ยสามารถทำเช่นนั้นได้ สัญชาตญาณของนางบอกอย่างนั้น

 

วังของอีเย่ เจี้ยนเก้อไม่ได้มีขนาดใหญ่มากนักแต่มันก็เงียบสงบ ชิงสุ่ยและอีเย่ เจี้ยนเก้อเข้ามาที่นี่ อารมณ์ของเขาสงบยิ่งนักเมื่อได้จับมือกับอีเย่ เจี้ยนเก้อแต่ลึกๆในใจแล้วเขาก็รู้สึกตื่นเต้นจนอธิบายไม่ถูก

 

เขาแอบหันไปมองใบหน้าอันงดงามของนางอยู่หลายครั้งพร้อมกับมีความสุขยิ่งนัก “เจี้ยนเก้อ ข้าไม่เคยคิดเลยว่าวันหนึ่งถ้าจะมีความคิดที่ไม่ดีกับท่านได้”

 

“เหตุใดเจ้าจึงมีความคิดที่ไม่ดี? ข้าดูอัปลักษณ์งั้นหรือ?” อีเย่ เจี้ยนเก้อถามแม้ว่านางจะรู้คำตอบอยู่แล้วแต่พวกเขาทั้งสองคนก็ยังคุยกันอย่างมีความสุขเพราะว่านี่คือการได้แสดงความรู้สึกของพวกเขาออกมา

 

“ตั้งแต่แรกเริ่มนั้นข้ามองท่านเป็นอาจารย์ที่สูงศักดิ์มาโดยตลอดและข้าเพียงชื่นชมต่อท่านเท่านั้น ” ชิงสุ่ยระลึกถึงอดีต

 

ในตอนนั้นอีเย่ เจี้ยนเก้อยังอยู่เพียงขั้นที่ 4 ระดับพลังปราณเทวะเซียนเทียน แน่นอนว่ามันผ่านมากว่า 20 ปีแล้วและสิ่งต่างๆได้เปลี่ยนแปลงไปมากมายและการได้พบเจอกันของพวกเขาก็น้อยลงไป

 

ในตอนนี้พลังของพวกเขาได้เพิ่มขึ้นมากมายและสิ่งต่างๆก็ได้เปลี่ยนไปใน 20 ปีที่ผ่านมา

 

อีเย่ เจี้ยนเก้อนึกถึงสันเขาราชันย์ราชสีห์ ส่วนหนึ่งที่ชายผู้นี้ต้องแบกรับภาระเพิ่มมากขึ้นก็เป็นเพราะนาง เพื่อให้บรรลุเป้าหมายที่นางได้คาดหวังเอาไว้นั่นก็คือการทำลายสันเขาราชันย์ราชสีห์ภายในเวลา 20 ปีและเขาก็สามารถทำได้สำเร็จ

 

“ท่านกำลังคิดอะไรอยู่? ดูมีความสุขยิ่งนัก” ชิงสุ่ยเห็นมุมปากของนางที่ยกขึ้นทำให้นางดูเย้ายวนอย่างยิ่ง

 

“ข้ากำลังคิดถึงวันเวลาที่เราได้ผ่านมาร่วมกัน แม้ว่าจะผ่านมานานแล้วแต่ข้าก็ยังสามารถจำได้อย่างชัดเจน” อีเย่ เจี้ยนเก้อจับมือของชิงสุ่ยเอาไว้แน่นขณะที่นางกล่าวเช่นนี้

 

“ข้าก็ด้วยเช่นกัน”

 

พวกเขาเดินเข้ามาในวังขณะที่พูดคุยกัน แม้ว่ามันจะเรียกว่าวังแต่ก็ไม่ได้มีขนาดใหญ่นักและเหมือนอาคารธรรมดาหลังหนึ่งมากกว่า ภายในมีสิ่งอำนวยความสะดวกทุกอย่างและมีกลิ่นหอมอ่อนอ่อน ทั่วทุกห้องในที่แห่งนี้ดูสะอาดอย่างยิ่ง

 

“ชิงสุ่ย ยังมีคนที่ทรยศภายในพระราชวังทะเลราชันย์ พวกเขาไม่ได้ลงมือในการโจมตีก่อนหน้านี้แต่เมื่อศัตรูมั่นใจว่าพวกเขาจะต้องชนะ คนพวกนี้ย่อมเริ่มเคลื่อนไหวอย่างแน่นอน”

 

อีเย่ เจี้ยนเก้อกล่าวขึ้นช้าๆ ในตอนนี้มีเวลาอีกไม่มากนักดังนั้นพวกเขาต้องหาทางกำจัดเหล่าคนทรยศก่อนที่พระราชวังมังกรสมุทรและพระราชวังฉลามอสูรจะโจมตีครั้งต่อไป

 

“ท่านรู้หรือไม่ว่าเป็นใคร?” ชิงสุ่ยถามขึ้นด้วยความสงสัย

 

“จิน ลี่อวี้ !”

 

ชิงสุ่ยรู้สึกประหลาดใจกับคำพูดของอีเย่ เจี้ยนเก้อ เขาไม่เคยคิดว่าจิน ลี่อวี้จะเป็นผู้ทรยศ มนุษย์อสูรนั้นใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายและยกย่องพลังเป็นใหญ่ ยิ่งไปกว่านั้นจิน ลี่อวี้ยังเป็นถึงจ้าววังที่ 3  ไม่มีทางที่เขาจะร่วมมือกับศัตรูอย่างแน่นอน

 

“เป็นเขาได้ยังไงกัน?” ชิงสุ่ยสับสน

 

“ข้าได้เห็นด้วยตัวเอง น่าเสียดายที่แม้แต่เขาก็ไม่รู้ตัวว่าตนเองกำลังถูกหลอกใช้” อีเย่ เจี้ยนเก้อถอนหายใจ

 

“เพราะอะไรกัน?” ชิงสุ่ยรู้สึกสงสัยในเรื่องนี้

 

อีเย่ เจี้ยนเก้อเขินอายไปเล็กน้อยแต่ก็พูดออกมาเบาๆว่า “เขาต้องการครอบครองข้าและมู่หยุน ชิงเฉิงรวมถึงพระราชวังทะเลราชันย์ทั้งหมด”

 

“มารดามันเถอะ! มันกล้ายุ่งเกี่ยวกับหญิงสาวของข้า ไม่คิดเลยว่ามันจะหลอกข้าได้”

 

หากจิน ลี่อวี้ไม่ถูฏพบว่าเป็นคนทรยศของพระราชวังทะเลราชันย์ก็คงไม่มีผู้ใดทราบเรื่องนี้ แม้แต่ชิงสุ่ยก็ไม่เข้าใจว่าเหตุใดเขาถึงไม่ลงมือก่อนหน้านี้ เขาคงวางแผนที่จะจัดการชิงสุ่ย อีเย่ เจี้ยนเก้อและมู่หยุน ชิงเฉิงในครั้งเดียว ชิงสุ่ยรู้สึกว่าเหตุผลที่จิน ลี่อวี้ไม่ลงมือก่อนหน้านี้อาจเป็นเพราะเขาคิดว่ามันอาจจะไม่สำเร็จ เพราะมันคงไม่ง่ายที่จะรับมือกับมู่หยุน ชิงเฉิงและอีเย่ เจี้ยนเก้อพร้อมๆกัน

 

อีเย่ เจี้ยนเก้อมองไปยังสีหน้าที่เกรี้ยวกราดของชิงสุ่ยและส่ายศีรษะพร้อมกับยิ้มออกมา “ความจริงแล้วพระราชวังมังกรสมุทรและพระราชวังฉลามอสูรต้องการใช้ประโยชน์จากจิน ลี่อวี้เท่านั้น เหตุผลที่พวกเขาโจมตีพระราชวังทะเลราชันย์ ส่วนใหญ่ก็เพราะมู่หยุน ชิงเฉิง ดังนั้นพวกเขาจึงเห็นด้วยในเงื่อนไขนี้ หลังจากที่เรื่องทั้งหมดจบลง จิน ลี่อวี้ย่อมไม่อาจหลีกหนีชะตากรรมที่จะถูกสังหารได้”

 

“เผ่านาคาเร้นลับมีอะไรดีงั้นหรือ? เหตุใดทุกๆคนจึงหวังที่จะครอบครองมู่หยุน ชิงเฉิง?” ชิงสุ่ยถามขึ้น

 

สีหน้าของอีเย่ เจี้ยนเก้อเปลี่ยนไปในทันที “ร่างกายของเผ่านาคาเร้นลับนั้นถือว่าพิเศษยิ่งนัก ชายใดที่ได้รับความบริสุทธิ์ของเเผ่านาคาเร้นลับจะได้รับประโยชน์มากมายและยังสามารถตกทอดไปยังลูกหลานของพวกเขาได้ นี่ยังไม่น่าสนใจพองั้นหรือ?”

 

ชิงสุ่ยหัวเราะออกมาด้วยความอึดอัดใจ “มันออกจะ…”

 

ก่อนที่เขาจะกล่าวจบอีเย่ เจี้ยนเก้อก็หยิกหูของเขาแต่ชิงสุ่ยใช้โอกาสนี้ในการโอบกอดนาง พร้อมกับลงไปนั่งที่เก้าอี้นวมภายในห้องนี้

 

อีเย่ เจี้ยนเก้ออยากจะพูดอะไรออกมาแต่ชิงสุ่ยได้ปิดปากของนางเอาไว้ ลิ้นของเขาล่วงล้ำเข้าไปภายในปากของนาง

 

มือของเขาเคลื่อนไหวไปทั่วทรวงอกของนาง ด้วยเวลาที่ผ่านมาทำให้ความรู้สึกของเขาชัดเจนมากขึ้น ชิงสุ่ยจะไม่ยอมปล่อยนางไปอีกครั้ง เขาต้องการให้นางมาเป็นหญิงสาวของเขา เป็นหญิงสาวที่มีความสุขมากที่สุด

 

“เจี้ยนเก้อ ยังจำคำพูดของข้าก่อนหน้านี้ได้หรือไม่?” ชิงสุ่ยยิ้ม

 

ดวงตาของอีเย่ เจี้ยนเก้อหรี่ลงเล็กน้อยขณะที่ใบหน้าของนางนั้นแดงอย่างยิ่ง สิ่งที่เขาได้เห็นนี้ทำให้ชิงสุ่ยรู้สึกบ้าคลั่งจนยากที่จะควบคุมตัวเองได้

 

“อะไรกัน?” อีเย่ เจี้ยนเก้อถามเพื่อน

 

ชิงสุ่ยไม่รู้ว่านางลืมไปแล้วหรือแกล้งลืมเรื่องนี้ แต่เขารู้สึกได้ว่านางยังไม่ลืมอย่างแน่นอน

 

“จงมาเป็นผู้หญิงของข้า!” ชิงสุ่ยพลิกตัวขณะที่โอบกอดนางเอาไว้ ทำให้ในตอนนี้นางมานอนอยู่บนร่างกายของเขา

 

อีเย่ เจี้ยนเก้อพยักหน้าเบาๆซึ่งทำให้ชิงสุ่ยรู้สึกประหลาดใจอย่างยิ่งแต่หัวใจของนางนั้นกำลังเต้นระรัว

 

“ข้าจำได้ว่าข้าได้ร้องขอให้เจ้าถอดเสื้อผ้าของข้าออก และยังได้ขอให้เจ้านั่งบนตัวข้า…”

 

“เจ้าบ้า อย่าพูดออกมานะ” อีเย่ เจี้ยนเก้อปิดปากของเขา

 

นางจำมันได้ดี ไม่มีผู้ใดกล้าพูดเรื่องหยาบคายเช่นนี้ต่อหน้านาง มีแต่ชิงสุ่ยเพียงผู้เดียวเท่านั้น ดังนั้นจึงไม่มีทางที่นางจะลืมเรื่องนี้ได้อย่างแน่นอน

 

อีเย่ เจี้ยนเก้อค่อยๆโน้มตัวลงมาข้างหูคอร์ดชิงสุ่ย “เจ้าอย่าหวังมากเกินไปหน่อยเลย!”

 

ชิงสุ่ยไม่รู้ว่านางหมายถึงอะไรแต่เขาก็พยักหน้า

 

อีเย่ เจี้ยนเก้อกระซิบที่ข้างหูของเขาเบาๆ “ถอดเสื้อผ้าของข้าออก!”

 

ชิงสุ่ยเอามือของนางก็กำลังปิดปากเขาออกไป เขารู้ว่าการที่อีเย่ เจี้ยนเก้อทำเช่นนี้มันก็เหมือนกับดวงอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันตก เขาโอบกอดนางขณะที่มองไปยังใบหน้าที่เย้ายวนของเรา

 

ความตื่นเต้นที่ชิงสุ่ยรู้สึกในตอนนี้นั้นแตกต่างจากตอนที่เขากำลังต่อสู้ อีเย่ เจี้ยนเก้อกัดฟันและพูดออกมาว่า “ข้าอยากจะเป็นหญิงสาวของเจ้า…”

 

อีเย่ เจี้ยนเก้อกล่าวเช่นนี้และจากนั้นนางก็ซุกไปที่ซอกคอของเขา

 

ชิงสุ่ยเคยกล่าวว่าต้องการให้นางถอดเสื้อผ้าของเขาออกและนั่งบนตัวเขา เขารู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้ที่นางจะทำเช่นนั้นตั้งแต่แรก

 

เขามองไปยังร่างที่เย้ายวนของนางและดวงตาที่ปิดสนิท ชิงสุ่ยเปลือยกายออกจนหมดในตอนนี้ขณะที่เขาค่อยๆโน้มตัวลงไปหานาง จูบริมฝีปาก จมูก แก้ม หู คอ ของนาง…

 

ร่างกายของชิงสุ่ยได้แนบเข้ากับร่างการของนาง ความสุขเข้ามาถาโถมในจิตใจของเขาราวกับคลื่นสึนามิแต่ร่างที่สั่นเล็กน้อยของอีเย่ เจี้ยนเก้อทำให้เขาตระหนักได้ว่านี่เป็นครั้งแรกของนางดังนั้นเขาจึงหยุดมือและจูบนางอีกครั้ง