บทที่ 1573 – ชำระล้างเส้นลมปราณสวรรค์เส้นที่ 10 ติดตาม

Ancient Strengthening Technique เทพอสูร บรรพกาล

บทที่ 1573 – ชำระล้างเส้นลมปราณสวรรค์เส้นที่ 10  ติดตาม

 

เมื่อชิงสุ่ยกำลังยินดีกับการได้จูบอีเย่ เจี้ยนเก้ออย่างหอมหวาย ความรู้สึกที่แปลกประหลาดและลึกลับก็เกิดขึ้นภายในร่างกายของอีเย่ เจี้ยนเก้อและเข้ามายังร่างกายของชิงสุ่ย

 

เมื่อมันเข้าในร่างกายของชิงสุ่ย ชิงสุ่ยพบว่ากลิ่นอายที่เข้ามาภายในร่างกายของเขานี้ได้กระจายไปตามเส้นลมปราณของเขาอย่างรวดเร็ว

 

เมื่อโคจรครบ 1 รอบมันก็กลับไปยังร่างกายของอีเย่ เจี้ยนเก้อก่อนที่จะกลับมาหาชิงสุ่ยอีกครั้ง

 

หว่อง!

 

จากนั้นเส้นลมปราณสวรรค์ก็ได้รับการชำระล้างแต่นี่ก็อยู่ในการคาดการณ์ของชิงสุ่ย เส้นลมปราณสวรรค์เส้นที่ 10 !

 

ชิงสุ่ยยังไม่ทันได้เชยชมความงามที่อยู่ตรงหน้าเส้นลมปราณของเขาก็ได้รับการชำระล้างแล้ว เส้นลมปราณแห่งโลกทั้ง 12 เส้นมีอีกเส้นหนึ่งได้รับการชำระล้าง

 

เขาเพิ่งจะชำระล้างเส้นลมปราณแห่งโลกทั้ง 12 เส้นไปเส้นหนึ่งก่อนหน้านี้ การที่ได้รับการชำระล้างอีกครั้งนี้เป็นสิ่งที่เขาไม่คาดคิดมาก่อน พลังของเหล่าผู้ฝึกยุทธทั้งหลายนั้นเกี่ยวของกับเส้นลมปราณของพวกเขา ยิ่งเส้นลมปราณถูกเปิดมากเพียงใดก็จะสามารถระเบิดพลังของตนเองได้ดีขึ้นเท่านั้น…

 

อีเย่ เจี้ยนเก้อก็มองมาที่ชิงสุ่ยด้วยความตกตะลึง นางก็ได้รับประโยชน์ในครั้งนี้เช่นเดียวกันแต่เทียบกับที่ชิงสุ่ยได้รับไม่ได้เลย ใบหน้าของนางแดงฉานด้วยความเขินอายขณะที่มองมายังชิงสุ่ย

 

“ข้าอาจไม่ใช่คนของเผ่านาคาเร้นลับ แต่ข้าคือผู้สืบทอดแห่งเผ่านาคาเร้นลับ อาจจะเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้” อีเย่ เจี้ยนเก้อพูดออกมา

 

ชิงสุ่ยตกตะลึงไป เขาเคยได้ยินถึงความมหัศจรรย์ของเผ่านาคาเร้นลับ ความบริสุทธิ์ของพวกนางนั้นจะมอบพลังอันยิ่งใหญ่ให้แก่ผู้ที่ได้รับมันไป แต่เขาคิดว่าอีเย่ เจี้ยนเก้อนั้นมหัศจรรย์ยิ่งกว่าเผ่านาคาเร้นลับเสียอีก

 

“เลือดลมข้าสูบฉีดยิ่งนัก ข้าต้องการเจ้าไม่ว่าเจ้าจะเป็นใคร ข้าต้องการให้เจ้ามาเป็นผู้หญิงของข้า” ชิงสุ่ยจุมพิตที่จมูกของนางเบาๆ

 

เมื่อทั้ง 2 คนได้แนบชิดกันในตอนนี้กลิ่นอายที่โคจรระหว่างทั้งคู่ก็เริ่มเปลี่ยนไปเมื่อชิงสุ่ยใช้เคล็ดวิชาไร้นามของเขาและยังใช้โอกาสนี้สอนเคล็ดวิชานี้ให้แก่อีเย่ เจี้ยนเก้อ

 

พลังของทั้งคู่จะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วแม้ว่าไม่มีผลของเผ่านาคาเร้นลับ ร่างกายของอีเย่ เจี้ยนเก้อนั้นก็ยอดเยี่ยมอยู่แล้วไม่ต้องพูดถึงการเป็นผู้สืบทอดแห่งเผ่านาคาเร้นลับเลย

 

เมื่อกลิ่นอายที่โคจรเริ่มเบาบางลงไปพลังก็เพิ่มขึ้นมาเรื่อยๆแต่ชิงสุ่ยไม่สนใจที่จะตรวจสอบพลังที่เพิ่มขึ้นเพราะสิ่งที่อยู่ตรงหน้าเขานั้นน่าสนใจยิ่งกว่า หญิงสาวที่อยู่ตรงหน้าเขานั้นสเหมือนดังเทพธิดาที่ลงมาจากสวรรค์ในตอนนี้

 

ขาทั้ง 2 ขางของอีเย่ เจี้ยนเก้อราวกับเถาวัลย์ที่พัวพันชิงสุ่ยเอาไว้ ปากสีแดงสวยของนางส่งเสียงครางออกมาเบาๆ ทำให้ชิงสุ่ยรู้สึกราวกับว่าอยู่บนสวรรค์ในตอนนี้

 

ความวุ่นวายในห้องนี้ดำเนินไปกว่าครึ่งคืน ร่างกายของทั้งสองคนนั้นถือว่าพิเศษยิ่งนักแต่อีเย่ เจี้ยนเก้อไม่อาจทนรับการจู่โจมของชิงสุ่ยได้และจบลงด้วยการนอนหลับไปในอ้อมกอดของชิงสุ่ย

 

เมื่อเห็นรอยยิ้มที่พึงพอใจบนใบหน้าของนางชิงสุ่ยก็รู้สึกมีความสุขยิ่งนัก ในที่สุดนางก็ได้เป็นผู้หญิงของเขาแล้ว นี่เป็นความภาคภูมิใจจนไม่อาจอธิบายได้ ทั้ง 2 คนกอดกันและหลับไปอย่างมีความสุข

 

ท้องฟ้าเริ่มสว่างขึ้นมาและขนตาของอีเย่ เจี้ยนเก้อก็เริ่มขยับ ชิงสุ่ยตื่นขึ้นมาแล้วในตอนนี้และกำลังเฝ้ามอง อีเย่ เจี้ยนเก้อที่กำลันอนหลับ เขารู้ว่านางตื่นแล้วแต่ไม่กล้าลืมตาขึ้นเพราะความอาย

 

เขาเริ่มขยับตัวทำให้ส่วนที่กำลังขนาดตัวของเขาซุกไปในพื้นที่ที่เปียกและอุ่นของนาง ชิงสุ่ยไม่อาจหยุดตัวเองจากความรู้สึกที่เกิดขึ้นได้

 

อีเย่ เจี้ยนเก้อเริ่มสั่นและเข้าสวนกอดชิงสุ่ยขณะที่นางกล่าวออกมาเบาๆว่า “ตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว เจ้ายังไม่พออีกหรอ?”

 

“ข้าไม่เคยพอหรอก ข้าอยากจะทำเช่นนี้ไปจนพวกเราแก่เฒ่า” ชิงสุ่ยพลิกตัวและขึ้นไปอยู่บนร่างของนาง

 

……

 

“ลูกของเราจะต้องพิเศษเป็นอย่างยิ่ง”

 

ชิงสุ่ยโอบกอดอีเย่ เจี้ยนเก้อขณะที่เขายิ้ม

 

อีเย่ เจี้ยนเก้อยังคงซุกอยู่ในอ้อมอกของชิงสุ่ยและเริ่มหันมองเขา “ข้าอยากจะมีลูกจริงๆ” นางกล่าวเบาๆ

 

เห็นความคาดหมายที่แท้จริงในสายตาของอีเย่ เจี้ยนเก้อ เขาก็นึกถึงตอนที่นางดูแลหลวนหลวนในอดีต

 

“เช่นนั้นข้าจะทำให้ดียิ่งขึ้น” ชิงสุ่ยยิ้ม เพื่อให้หญิงสาวตั้งครรภ์เขาคงต้องใช้เวลาให้มากขึ้นแต่ก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่

 

……

 

พลังที่เพิ่มขึ้นของชิงสุ่ยนั้นถือว่าเห็นได้ชัด กำลังกายของเขาเพิ่มขึ้นถึง 1 ใน 4 เพียงแค่นี้ก็ถือว่าน่ากลัวอย่างยิ่ง

 

อีเย่ เจี้ยนเก้อก็ได้รับการชำระล้างเส้นลมปราณสวรรค์และเส้นลมปราณโลก ชิงสุ่ยและหญิงสาวของเขานั้นก็ต่างก็คล้ายคลึงกัน

 

ในตอนนี้อีเย่ เจี้ยนเก้อก็ได้รับการเปิดเส้นลมปราณแห่งโลกทั้ง 12 เส้นและได้รับการชำระล้าง 1 เส้น นางจะสามารถชำระล้างทั้ง 12 เส้นได้หรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับโชคชะตาเท่านั้น

 

ชิงสุ่ยเริ่มนึกถึงถานท่าย หลิงเยียนและฉินชิง ถานท่าย หลิงเยียนนั้นเป็นผู้สืบทอดแห่งจอมอสูร ฉินชิงนั้นเป็นผู้สืบทอดแห่งเทพสงคราม อีเย่ เจี้ยนเก้อและมู่หยุน ชิงเฉิงนั้นเป็นผู้สืบทอดแห่งเผ่านาคาเร้นลับ

 

โลกใบนี้ช่างมหัศจรรย์ยิ่งนัก หากเขาเป็นจอมอสูรในโลกก่อนหน้านี้ของเขา ในโลกใบนี้เขาคงเป็นได้เพียงพวกอสูรชั้นต่ำเท่านั้น

 

เขายกเลิกการเข้าไปในดินแดนหยกยุพราชอมตะในตอนนี้ จนถึงในยามสายชิงสุ่ยก็ออกไปพร้อมกับนางในขณะที่เขาสามารถรับรู้ได้ถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในเวลาเพียง 1 คืน

 

ในตอนนี้ทั้งสองคนรู้สึกผูกพันกันอย่างยิ่ง รอยยิ้มและเสียงหัวเราะของอีเย่ เจี้ยนเก้อแสดงออกมาทันทีเมื่อนางได้อยู่ใกล้กับชิงสุ่ยเพราะตอนนี้นางได้เป็นผู้หญิงของเขาแล้ว

 

พวกเขามาพบมู่หยุน ชิงเฉิงอีกครั้ง นางมองตรงมาที่อีเย่ เจี้ยนเก้อแล้วบางทีอาจจะรู้สึกได้ถึงความผิดปกติของอีเย่ เจี้ยนเก้อที่เปลี่ยนไปในตอนนี้

 

“เจี้ยนเก้อ เวลาเพียง 1 คืนเจ้ากลับดูงดงามขึ้นมาก” มู่หยุน ชิงเฉิงจ้องมองไปที่อีเย่ เจี้ยนเก้อก่อนที่จะหันไปมองชิงสุ่ยและเข้าใจสถานการณ์ในตอนนี้ทันที

 

“ข้าไม่สงสัยอะไรอีกแล้ว” มู่หยุน ชิงเฉิงกล่าวด้วยความตกตะลึง จากนั้นนางก็หน้าแดงขึ้นเมื่อหันไปมองชิงสุ่ยด้วยสายตาที่แปลกประหลาด

 

ชิงสุ่ยเริ่มรู้สึกอึดอัดใจกับการจ้องมองของน้ำในตอนนี้

 

“เข้ามาในห้องของข้าก่อน ข้ากำลังจะไปหาพวกเจ้าเพื่อพูดคุยกันถึงปัญหาที่กำลังจะเกิดขึ้น” มู่หยุน ชิงเฉิงยิ้มให้กับทั้งคู่

 

“ข้าเพิ่งจะได้รับข่าวมาใหม่ พระราชวังมังกรสมุทรและพระราชวังฉลามอสูรจะเริ่มโจมตีในวันพรุ่งนี้” มู่หยุน ชิงเฉิงไม่ได้ดูกังวลเมื่อนางกล่าวออกมา กลับกันนางกลับดูตื่นเต้นมากกว่า

 

“แล้วพวกเราจะไปกำจัดเผ่ามัจฉาเมื่อใดกัน?” อีเย่ เจี้ยนเก้อคิดครู่หนึ่งก่อนที่นางจะกล่าวขึ้น

 

“ถ้าหากพวกเราลงมือในตอนนี้คงจะมีผลกระทบที่เกิดขึ้นมากเกินไปเพราะเผ่ามัจฉานั้นก็ยังคงสำคัญต่อพระราชวังทะเลราชันย์.” มู่หยุน ชิงเฉิงขยิบตาเล็กน้อย

 

“แต่ถ้าหากพวกเราไม่ทำอะไรเลย เราก็จะต้องสูญเสียมากยิ่งขึ้น” อีเย่ เจี้ยนเก้อกล่าวขึ้นช้าๆ

 

“แล้วเราควรทำเช่นไรดี?”

 

“สิ่งที่ดีที่สุดในตอนนี้คือการทำให้จิน ลี่อวี้กลับมายืนฝั่งพวกเราอีกครั้งหนึ่ง” ชิงสุ่ยยิ้ม

 

“แม้ว่าพวกเขาจะไม่ใช่เผ่าที่แข็งแกร่งมากที่สุด แต่พวกเขาก็ถือเป็นหนึ่งในกำลังหลักของพวกเรา ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในตอนนี้” มู่หยุน ชิงเฉิงถอนหายใจออกมาเบาๆ

 

“จิน ลี่อวี้สำคัญกับเผ่ามัจฉางั้นหรือ? การทรยศครั้งนี้เป็นความคิดของเขาหรือผู้ที่อยู่เบื้องหลังของเขากันแน่?” ชิงสุ่ยถามขึ้น เขามีพลังมากพอที่จะลงมือช่วยเหลือเรื่องนี้ได้

 

“จิน ลี่อวี้นั้นถือว่าสูงส่งอย่างยิ่งในเผ่าของเขาและยังมีตำแหน่งที่สำคัญแต่เรื่องการทรยศนี้คงไม่ใช่การตัดสินใจของเขาเพียงคนเดียวอย่างแน่นอน มันน่าจะเป็นการตัดสินใจของหลายๆคน แม้เราจะพยายามเปลี่ยนแปลงเรื่องนี้ก็คงจะยาก” มู่หยุน ชิงเฉิงเข้าใจสิ่งที่ชิงสุ่ยต้องการถาม

 

หากเป็นเช่นนั้นจริงๆเรื่องนี้ก็ซับซ้อนมากยิ่งขึ้น ในตอนนี้ไม่มีเวลาแล้วพวกเขาเหมือนกับต้องคอยระวังอสรพิษที่ซ่อนเร้นอยู่ในทุ่งหญ้า ทำให้ทุกๆคนรู้สึกว่ายากยิ่งนักที่จะรับมือได้ แม้แต่การทำลายล้างเผ่ามัจฉาก็คงไม่มีประโยชน์อะไร และศัตรูคงไม่ให้พวกเขาเคลื่อนไหวอย่างง่ายดายแน่นอน

 

“ยังพอมีทางออกอยู่ เผ่ามัจฉานั้นมีทั้งสิ้น 13 สาขา แต่ละสาขานั้นมีคนที่เหมือนกับจิน ลี่อวี้อยู่ ถ้าหากพวกเราสามารถควบคุมทั้ง 13 สาขาได้พวกเขาคงไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่ามในตอนนี้อย่างแน่นอน” เมื่อนางกล่าวจบมู่หยุน ชิงเฉิงก็นำกระดาษที่มีชื่อของคนทั้ง 13 คนออกมา

 

13 คนนี้ต่างก็เป็นรุ่นเยาว์ที่อยู่ในเผ่าของเขาแต่ทุกๆคนต่างก็ทรงพลังอย่างไม่น่าเชื่อ

 

“ตามตำนานกล่าวเอาไว้ว่าราชันแห่งเผ่ามัจฉานั้นมีลูกทั้งหมด 13 คนและพวกเขาก็แยกตัวออกไปตั้งเผ่ามัจฉาสาขาต่างๆ พวกเขาสืบทอดสายเลือดอันบริสุทธิ์ต่อเนื่องกันมาจากรุ่นสู่รุ่น ความอยู่รอดของตระกูลนั้นขึ้นอยู่กับพวกเขาทั้งสิ้น”

 

“สำหรับจิน ลี่อวี้ เขาเป็นเหมือนผู้นำของคนกลุ่มนี้ และยังสามารถขึ้นเป็นผู้นำของเผ่านี้ได้ในอนาคต” มู่หยุน ชิงเฉิงกล่าวขึ้น

 

“เรายังมีเวลาพอที่จะควบคุมพวกเขาทั้ง 13 คนหรือไม่?” ชิงสุ่ยทางขึ้นแต่เขาก็รู้ดีว่าโอกาสที่จะสำเร็จนั้นน้อยยิ่งนัก

 

“หากเป็นปกติพวกเราคงไม่มีโอกาสจะทำเช่นนั้นแต่ถ้ามีสิ่งที่สามารถหาได้ว่าพวกเขานั้นอยู่ที่ใด ถ้าหากพวกเราลงมือในตอนนี้บางทีอาจจะยังมีโอกาสอยู่” มู่หยุน ชิงเฉิงยิ้มขณะที่นางนำของสิ่งหนึ่งของมา

 

เครื่องสะกดรอย!

 

ชิงสุ่ยมองไปยังสิ่งที่มู่หยุน ชิงเฉิงกำลังถืออยู่ด้วยความตกตะลึง มันเหมือนกับลูกแก้วคริสตัลที่กำลังส่องแสงประกายแต่ชิงสุ่ยไม่รู้ว่ามันใช้ยังไง

 

“นี่คือผลึกแก้วที่ถูกพัฒนาขึ้นให้สามารถระบุตำแหน่งของคนที่ต้องการได้” มู่หยุน ชิงเฉิงเริ่มอธิบาย

 

“ท่านสามารถค้นหาตำแหน่งของทุกๆคนได้?” ชิงสุ่ยถามขึ้นด้วยความสงสัย

 

มู่หยุน ชิงเฉิงส่ายศีรษะของนาง “ผลึกแก้วนี้จำเป็นต้องจดจำเป้าหมายของมันก่อนจึงจะสามารถระบุตำแหน่งได้”

 

“แล้วมันจะจดจำเป้าหมายอย่างไร?” ชิงสุ่ยรู้สึกทึ่งมากยิ่งขึ้น

 

“ผู้ใดก็ตามที่อยู่ใกล้ผลิตแก้วนี้ในระยะรัศมี 3 เมตรจะถูกจดจำในทันทีแต่มันยังมีข้อจำกัดทางด้านจำนวนคนและระยะทางอยู่”

 

เมื่อมู่หยุน ชิงเฉิงอธิบายคร่าวๆ ชิงสุ่ยก็เริ่มเข้าใจการทำงานของมัน นี่คืออุปกรณ์ตามรอยที่เรียบง่ายและทรงพลังเป็นอย่างยิ่ง ไม่ว่าจะเปลี่ยนแปลงใบหน้าหรือเปลี่ยนแปลงกลิ่นอายก็ยังสามารถถูกตรวจจับได้

 

“ข้าจะเริ่มค้นหา เมื่อเราได้ตำแหน่งที่แน่ชัดแล้ว เราจะแยกกันออกไปบอกพวกเขาแต่ละคนว่าเรารู้เรื่องการทรยศของพวกเขาแล้ว”

 

“ถ้าหากพวกเขาไม่ยอมรับเรื่องนี้ล่ะ?” ชิงสุ่ยกล่าวขึ้น

 

“เมื่อถึงตอนนั้นทุกๆคนก็ย่อมรู้ดีอยู่แล้ว ใครก็ตามที่ปฏิเสธก็จะต้องถูกกำจัด”