กระต่ายมองตาขวางใส่หลิงฮันและพูดว่า “เจ้าคิดว่ากระต่ายอย่างข้าเป็นพระเจ้าที่จะรอบรู้ไปทุกอย่าง และข้าไม่เคยไปที่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์แล้วข้าจะรู้ได้อย่างไร?” “แล้วเจ้ารู้ได้ยังไงว่าบรรพบุรุษของฮูหนิวจะต้องเป็นตัวตนอันยิ่งใหญ่ของดินแดนศักดิ์สิทธิ์?” หลิงฮันถาม “ฮึ่ม ถ้านางไม่ได้มีบรรพบุรุษที่เป็นตัวตนอันยิ่งใหญ่ แล้วนางจะมีพรสวรรค์ที่น่าสะพรึงกลัวขนาดนี้ได้ยังไง!” กระต่ายตะโกน หลิงฮันส่ายหัวและรู้สึกว่ามันไม่ใช่เพราะบรรพบุรุษของฮูหนิว แต่เป็นความสามารถของนางเอง รากฐานวิญญาณในตันเถียนของนางนั้นน่าสะพรึงกลัวมาก อย่างน้อยที่สุดจนกระทั่งตอนนี้ หลิงฮันไม่เคยรู้สึกกดดันเท่านั้นมาก่อน ไม่ว่าจะเป็นชีวิตที่แล้วหรือในชีวิตนี้ก็ตาม! เฟิงโป๋วหยุน แมงมุมยักษ์สีเงินที่เป็นตัวตนระดับทลายมิติก็ไม่อาจสร้างแรงกดดันให้เขาเท่ากับนาง ยิ่งเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ ระดับพลังก็จะยิ่งสูงขึ้น ซึ่งทำให้หลิงฮันรู้สึกหวาดกลัวหญิงสาวที่อยู่ในตันเถียนของฮูหนิวมากยิ่งขึ้น หลิงฮันหันไปมองฮูหนิวด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม และมีเพียงแค่ความปรารถนาเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้นในใจของเขา ฮูหนิวจะต้องเป็นอิสระ ขณะที่พวกเขาเดินขึ้นภูเขาได้ครึ่งทาง พลังของสายฟ้าเริ่มแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ เจ้ากระต่ายถึงขั้นต้องโคจรพลังปราณออกมาเพื่อต่อต้าน แม้ว่ามันจะเป็นสัตว์อสูร แต่ก็ไม่อาจต้านทานพลังของสายฟ้าได้ ถ้ามันไม่โคจรพลังปราณออกมา ขนสีขาวของมันจะถูกเผาไหม้จนกลายเป็นจุล ส่วนหลิงฮันและฮูหนิวนั้นเดินอย่างสบายเหมือนกับปลาในน้ำ แม้ว่าพลังสายฟ้าของที่นี่จะทรงพลัง แต่ก็ไม่ได้ทรงพลังถึงขั้นที่พวกเขาไม่สามารถต้านทานได้ ยิ่งไปกว่านั้นพวกเขายังดูดซับพลังสายฟ้าได้อย่างง่ายดาย แน่นอนว่าพวกเขาไม่ได้เป็นคนกลุ่มแรกที่มาที่นี่ หลายคนกำลังโคจรพลังปราณเป็นเกราะกำบังขณะก้าวเดินขึ้นเขาทีละก้าว ไม่มีใครกล้าบินบนอากาศ เพราะพลังสายฟ้าบนท้องฟ้านั้นรุนแรงเกินไป แม้แต่จอมยุทธระดับก้าวสู่เทวายังเป็นไม่กล้า ดังนั้นจึงมีเพียงแค่วิธีเดียวเท่านั้นคือเดินบนพื้น ผู้คนที่อยู่ด้านหน้าเริ่มเดินช้าลงเรื่อยๆ นั่นเป็นเพราะไม่มีใครมีรากฐานวิญญาณสายฟ้า พวกเขาต้องต่อต้านพลังสายฟ้าด้วยพลังปราณของตัวเองเท่านั้น นี่ไม่เพียงแค่จะกินพลังปราณเพียงอย่างเดียว แต่กินแรงด้วยเช่นกัน หลิงฮันหยุดเดินกะทันหัน เพราะเส้นทางเบื้องหน้าเป็นทางเดินเล็กๆและมีคนอยู่ข้างหน้า แต่ทว่าคนผู้นั้นกำลังนั่งพักอยู่บนทางเดินซึ่งขวางทางเขา ถ้าเขาต้องการที่จะกระโดดข้ามหัวไปคนผู้นั้นไป เขาจะถูกฟ้าผ่า ซึ่งเป็นเรื่องที่อันตรายอย่างยิ่ง “เจ้ากำลังขวางทางข้าอยู่ เจ้าจะเดินหน้าต่อหรือถอยหลังมันก็เรื่องของพวกเจ้า แต่อย่ามาขวางทางข้า” หลิงฮันกล่าว คนผู้นั้นเป็นชายอายุสามสิบปีที่เป็นจอมยุทธระดับตัวอ่อนวิญญาณขั้นสูง และอาจอยู่บนจุดสูงสุดแล้ว เขาไม่ได้ดูเยาว์วัยมากนัก นั่นเป็นเพราะหลังจากที่จอมยุทธทะลวงผ่านระดับบุปผาผลิบาน ความก้าวหน้าจะเชื่องช้าลง จอมยุทธระดับตัวอ่อนวิญญาณจะมีอายุขัยห้าร้อยปี แม้ว่าอายุที่แท้จริงของพวกเขาจะอยู่ในระหว่างสองร้อยปี แต่ก็ไม่ได้แตกต่างจากคนอายุสามสิบปี ชายคนนั้นหันหน้าไปมองหลิงฮันและฮูหนิวทันที และช่วยไม่ได้ที่จะเผยสีหน้าไม่พอใจแล้วพูดออกมาอย่างดูถูกว่า “เป็นแค่เด็กน้อยระดับบุปผาผลิบาน แต่กล้าปริปากพูดบอกข้าอย่าขวางทางงั้นรึ?” “ฮ่าฮ่าฮ่า เจ้าเจอปัญหาแล้วที่เจอกระต่ายอย่างข้า!” เจ้ากระต่ายรู้สึกดีใจในความโชคร้ายของเขา “กระต่ายพูดได้!” ชายคนนั้นอุทานออกมา “ไปให้พ้นทางข้า!” หลิงฮันแสดงออกอย่างเย็นชา ชายคนนั้นไม่สนใจที่กระต่ายพูดได้อีกต่อไป แต่ยังคงจ้องมองไปที่หลิงฮันขณะแสยะยิ้ม “เจ้ากล้ามากที่พูดกับข้าเป็นนี้ นี่เจ้ามีชีวิตอยู่มานานพอแล้วใช่หรือไม่?” หลิงฮันพูดออกมาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “สุนัขที่ดีนั้นจะไม่ขวางทาง เช่นนั้นข้าจะเตะเจ้าสุนัขตัวนี้กระเด็นลอยออกไป!” “สามห้าว!” ชายคนนั้นรู้สึกโกรธ เขานำแส้ดำออกมาและเหวี่ยงแส้ไปที่คอของหลิงฮัน เขาแสดงสีหน้าโหดร้ายออกมา ตราบใดที่แส้พันคอของอีกฝ่ายได้ หัวของหัวฝ่ายจะต้องหลุดออกจากบ่าอย่างแน่นอน หลิงฮันจ้องมองอีกฝ่ายด้วยสายตาเย็นชา อีกฝ่ายขวางทางเขายังมองข้ามได้ แต่อีกฝ่ายกลับกล้าที่จะหมายเอาชีวิตของเขา แน่นอนว่าคนแบบนั้นไม่จำเป็นต้องแสดงความเมตตา หลิงฮันเริ่มเคลื่อนไหวและโคจรพลังสายฟ้าบนมือและคว้าแส้นั้นไว้ เปรี๊ยง เปรี๊ยง เปรี๊ยง พลังของสายฟ้าส่งผ่านแส้และไปถึงตัวอีกฝ่าย “อะไรกัน!” ชายคนนั้นอุทานออกมา เมื่อพลังของสายฟ้าส่งผ่านมาถึง แขนขวาของเขาทั้งแขนกลายเป็นด้านชา และนิ้วมือทั้งห้ากลายเป็นไร้ความรู้สึก แส้ที่อยู่ในมือจึงหลุดออกจากมือ เขาจึงยื่นมือซ้ายออกไปอย่างรวดเร็วเพื่อคว้าแส้นั้นเอาไว้ แต่ว่ามันกลับถูกหลิงฮันดึงกลับไปอย่างรวดเร็ว และตกอยู่ในมือของเขา “คืนมาหาข้า!” ชายคนนั้นตะโกน หลิงฮันกลอกตาและพูดว่า “สมองของเจ้ามีปัญหางั้นรึ?” “เจ้าหนู นี่เจ้ากำลังแสวงหาที่ตายของตัวเองงั้นรึ?” ชายคนนั้นกล่าว “ดูเหมือนที่เจ้าพูดเมื่อครู่ เจ้าไม่ได้ต้องการที่จะฆ่าข้า แต่แค่หยอกล้อข้าเท่านั้น” หลิงฮันส่ายหัวและเหวี่ยงแส้กลับไปหาชายคนนั้น เพราะแส้ถูกพันด้วยเหล็ก มันจึงกลายเป็นตัวนำไฟฟ้าที่ยอดเยี่ยม ทำให้แส้เปลี่ยนเป็นสีขาวและห่อหุ้มด้วยพลังสายฟ้า “เจ้า!” ชายคนนั้นเค้นเสียงออกมา สถานที่แห่งนี้มันเต็มไปด้วยพลังของสายฟ้า ซึ่งมันสามารถเพิ่มพลังต่อสู้ให้กับจอมยุทธที่บ่มเพาะพลังสายฟ้าได้เป็นสองเท่าและสามารถดึงพลังจากสายฟ้าที่อยู่รอบข้างได้ จอมยุทธระดับบุปผาผลิบานสามารถดึงพลังจากพลังปราณของสวรรค์และปฐพีได้ แต่ที่นี่เป็นมหาสมุทรสายฟ้า จอมยุทธที่ใช้พลังของธาตุทั้งห้านั้นจะไม่สามารถหยิบยืมพลังของสวรรค์และปฐพีได้ พวกเขาสามารถต่อสู้ได้ด้วยพลังของตัวเองเท่านั้น ซึ่งส่งผลต่อพลังต่อสู้อย่างมาก สำหรับจอมยุทธที่บ่มเพาะพลังสายฟ้าที่แห่งนี้เปรียบได้เหมือนกับสรวงสวรรค์ ชายคนนั้นต้องวิ่งถอยหลังเพื่อหลีกเลี่ยงการโจมตีครั้งนี้ หลิงฮันเดินตามไปและคว้าแส้อีกครั้ง พลังต่อสู้ของเขาในตอนนี้ได้มาถึงจุดสูงสุดของระดับตัวอ่อนวิญญาณแล้ว บวกกับพลังสายฟ้าที่อยู่ที่นี่ แน่นอนว่าเขาสามารถสังหารจอมยุทธระดับตัวอ่อนวิญญาณได้ทุกคน ตราบใดที่อีกฝ่ายไม่ได้มีรากฐานวิญญาณสายฟ้า แล้วชายคนนั้นจะสู้กับเขาได้อย่างไร? หลิงฮันก้าวไปข้างหน้าทีละก้าว ขณะที่อีกฝ่ายก้าวถอยหลังทีละก้าว แส้ที่เหวี่ยงไปมาได้ดึงดูดสายฟ้ามาหาทำให้เกิดเสียงแหลมไม่หยุด ชายคนนั้นเหงื่อแตกไหลพราก พลังของสายฟ้าที่อยู่ที่นี่น่ากลัวมากเหมือนการเดินบนพื้นโคลน ทุกก้าวเต็มไปด้วยความยากลำบาก และยังต้องต่อต้านพลังสายฟ้าที่เป็นเหมือนกับมหาสมุทรสายฟ้าอีก มันเป็นการบริโภคพลังปราณและพลังกายอย่างมหาศาล ดังนั้นเขาจึงหยุดเดินเพื่อพักสักครู่ แต่ว่าในขณะนั้น แส้กำลังพุ่งเข้ามาหาหัวของเขา และไม่ปล่อยให้เขาได้มีเวลาได้พัก ดังนั้นเขาจึงทำได้แค่วิ่งไปข้างหน้าเหมือนกับหมาบ้า “น่าชิงชัง! น่าชิงชัง!” ชายคนนั้นรู้สึกโกรธมาก “เจ้าเด็กเหลือขอ เจ้าชักจะมากเกินไปแล้ว! ข้าเป็นหนึ่งในคนของตระกูลหลี่ และบรรพบุรุษของข้าเป็นถึงจอมยุทธระดับสวรรค์ และโลกทั้งใบจะต้องสยบต่อข้า!” “โอ้ว ข้ารู้สึกกลัวจังเลย ถ้างั้นข้าคงมีแค่ทางเดียวเท่านั้นคือต้องฆ่าเจ้าเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาในอนาคต” หลิงฮันหัวเราะและเหวี่ยงแส้เร็วยิ่งขึ้น ชายคนนั้นกรีดร้องออกมาด้วยความอับอาย ในขณะที่เขาเดินไปข้างหน้า เขาเห็นผู้คนมากมายกำลังจ้องมองเขาอยู่ ทำให้แววตาของเขาเต็มไปด้วยความอับอาย