ชายผู้น่าสงสาร ตอนนี้แม้แต่เวลาพักเพื่อหายใจยังไม่มี ถ้าเขาไม่วิ่ง เขาจะถูกแส้ฟาด ไม่เพียงแค่จะทำมันรู้สึกเจ็บปวดเท่านั้น แต่ยังทำให้ร่างกายของเขาด้านชาและหายใจไม่ออก ดังนั้นเขาจึงทำได้แค่วิ่งหนี พลังของสายฟ้าที่นี่น่าสะพรึงกลัวมาก ทำให้เขาเหมือนหมเปียกน้ำที่สามารถตายได้ทุกเมื่อ ในแง่ของพลังกาย เขาแข็งแกร่งกว่าคนทั่วไปเท่านั้น “การบ่มเพาะร่างกายยังคงเป็นเหมือนสำคัญมาก” หลิงฮันพยักหน้าอยู่ในใจ ถ้าเขาอยากเป็นจอมยุมธที่แข็งแกร่งอย่างแท้จริง เขาจะต้องฝึกฝนให้สมบูรณ์แบบในทุกด้าน “ได้โปรดอย่าทุบตีข้าอีกเลย!” ชายคนนั้นร้องขอความเมตตา ตอนนี้เขาเป็นเหมือนสุนัขที่ตายแล้ว เหงื่อของเขาไหลโชกไม่หยุด ทำให้เสื้อผ้าเปียกไปด้วยน้ำ แต่เขาไม่มีเวลาที่เช็ดมัน เขาทำได้แค่วิ่งและวิ่งเท่านั้น “ถ้าเจ้าบอกให้ข้าหยุด ข้าต้องหยุดด้วยหรือ นี่เจ้าอายุเท่าไหร่กัน?” หลิงฮันพูดเสียงแผ่วเบา เปรี๊ยง เปรี๊ยง แส้ที่พันไปด้วยสายฟ้ากำลังเข้ามาใกล้ ชายคนนั้นเริ่มอาเจียนเป็นเลือด เขาต้องการที่จะวิ่งหนี แต่พลังกายนั้นเริ่มหมดลง “หืม นั่นมันหลี่หยวนหมิงมิใช่หรือ?” มีคนสามคนกำลังอยู่เบื้องหน้า พวกเขากำลังนั่งพักอยู่ เมื่อพวกเขาเห็นชายคนนั้นในตอนแรกพวกเขาต่างตกใจว่าเจ้าขอทานนี่มาจากไหน แต่เมื่อมองดูให้ดีพวกเขาก็พบว่าชายคนนั้นเป็นคนรู้จักของพวกเขา “พี่เชาเหิง! พี่เชาเหิง!” เมื่อชายคนนั้นเห็น สีหน้าของเขาดูมีความสุขขึ้นมาทันทีและรีบก้าวเดินไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว เขาตื่นเต้นจนร้องไห้ออกมาว่า “พี่ชายเชาเหิงช่วยข้าด้วย!” ในหมู่พวกเขาทั้งสามคนนั้น ชายร่างใหญ่เป็นคนลุกขึ้นยืนและปล่อยให้หลี่หยวนหมิงมายืนแอบอยู่ด้านหลัง เขายกมือขวาและคว้าไปที่แส้ แล้วพูดว่า “เจ้าหนู แม้เจ้าอยากจะร้องขอความเมตตาหรือพูดขอโทษ จงลืมเรื่องพวกนั้นไปซะ!” มือของเขาพันไปด้วยสายฟ้า ทว่ามันไม่ใช่สายฟ้าสีขาว แต่เป็นสายฟ้าสีน้ำเงิน เปรี๊ยง เปรี๊ยง เปรี๊ยง ทันใดนั้นสายฟ้าสีน้ำเงินไหลไปตามแส้และพุ่งเข้าหาหลิงฮัน หลิงฮันปล่อยแส้ออกจากมือทันทีและยืนกอดอก เพียงแค่เหลือบมองก็สามารถรับรู้ได้แล้วว่าชายร่างใหญ่นั้นแข็งแกร่งกว่าและบังคับให้หลิงฮันปล่อยมือออกจากแส้ นี่ถือเป็นเรื่องปกติ เพราะอีกฝ่ายเป็นจอมยุทธระดับตัวอ่อนวิญญาณขั้นสูง ถ้าพลังปราณของอีกฝ่ายทรงพลังกว่า มันก็สามารถเห็นได้ชัดแล้วว่าอีกฝ่ายได้เปรียบ
ก่อนที่หลี่หยวนหมิงจะมาถึงที่นี่ ชายร่างใหญ่ก็อยู่ที่นี่แล้ว นั่นหมายความว่าที่เขาพักไม่ได้เป็นเพราะได้รับผลกระทบจากสายฟ้า แต่ดูดซับพลังเพื่อยกระดับความแข็งแกร่งของตัวเอง “คุกเข่าของเจ้าเพื่อชดใช้บาปที่เจ้ากระทำต่อน้องหลี่หยวนหมิง แล้วข้าจะไว้ชีวิตเจ้า” ชายร่างใหญ่เปิดปากพูดเสียงดังและเกิดเสียงฟ้าร้อง แม้ว่าหลี่หยวนหมิงจะไม่พอใจและต้องการฆ่าหลิงฮัน แต่มันก็ไม่ได้เลวร้ายเท่าไหร่นักถูกคนอื่นช่วยชีวิตไว้ นั่นเป็นเพราะอีกฝ่ายเป็นผู้นำรุ่นเยาว์ของตระกูลจ้าว ไม่ว่าจะเป็นชื่อเสียงหรือสถานะจ้าวเชาล้วนแต่เหนือกว่าเขา หลิงฮันยิ้มเล็กน้อยและพูดว่า “เจ้าไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเรื่องราวมันเป็นมายังไง แต่ต้องการให้ข้าคุกเข่าลงและขอโทษ!” “แล้วมันจะทำไม?” จ้าวเชาพูดอย่างเย็นชา เขาไม่ได้มีมิตรภาพที่ลึกซึ้งกับหลี่หยวนหมิง แต่พวกเขาทั้งสองคนมาจากขุมพลังที่มีจอมยุทธระดับสวรรค์เหมือนกัน และเมื่อเห็นหลี่หยวนหมิงถูกไล่ทุบตีอย่างกับสุนัข จึงเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ที่เขาจะยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ “ถ้างั้นมาสู้กัน!” หลิงฮันยกหมัดขึ้นมาอย่างไม่เกรงกลัว ก่อนหน้านี้ที่เขาปล่อยแส้ออกไปนั้นเพื่อทำตัวว่าอ่อนแอกว่า เขาจะแสดงพลังต่อสู้ที่จริงให้อีกฝ่ายได้เห็นก่อนได้อย่างไร? จ้าวเชาเหิงหัวเราะลั่นและพูดว่า “ที่เจ้าสามารถต่อกรกับน้องหยวนหมิงได้นั่นเป็นเพราะที่นี่เต็มไปด้วยพลังสายฟ้าเลยทำให้เจ้าเป็นฝ่ายได้เปรียบ แต่ข้าเองก็ได้รับประโยชน์จากพลังสายฟ้าเช่นกัน ยิ่งไปกว่านั้นข้าเป็นถึงจอมยุทธระดับตัวอ่อนวิญญาณขั้นเก้า แล้วเจ้าจะต่อสู้กันข้าได้ยังไง?” “….ข้าคิดอยู่แล้วว่าเจ้าต้องเป็นจอมยุทธระดับตัวอ่อนวิญญาณขั้นเก้า!” หลิงฮันพูดเหน็บ “เพียงแค่สู้ก็จบเรื่อง เจ้าจะเปิดปากพูดให้มากความทำเพื่ออะไร?” ใบหน้าของจ้าวเชาเหิงกลายเป็นมืดมน เขาดึงแส้กลับมาและคืนให้กับหลี่หยวนหมิง แล้วกำปั้นหักนิ้วข้อมือ และกล้ามเนื้อบนร่างกายของเขากำลังเคลื่อนไหวด้วยเช่นกันแสดงให้เห็นถึงพลังกายภาพที่น่าอัศจรรย์ หลิงฮันพยักหน้าอยู่ในใจ อีกฝ่ายเป็นคนที่แข็งแกร่งอย่างที่คิดทั้งยังเป็นจอมยุทธระดับตัวอ่อนวิญญาณขั้นเก้า ยิ่งไปกว่านั้นจ้าวเชาเหิงนั้นยังแข็งแกร่งกว่าหลี่หยวนหมิงหลายสิบเท่า!
หลิงฮันเริ่มหักข้อนิ้วบ้าง เสียงกระดูกของเขาส่งเสียงออกมาราวกับฟ้าร้อง ซึ่งน่าทึ่งกว่าจ้าวเชาเหิงอีก และมันทำให้หัวใจของผู้คนแตกตื่น สีหน้าของจ้าวเชาเหิงเปลี่ยนไปเล็กน้อย เขาฝึกฝนบ่มเพาะกายาเหมือนกันแต่ไม่แข็งแกร่งเท่าอีกฝ่าย ทั้งที่อีกฝ่ายอายุน้อยกว่าเขาอย่างเห็นได้ชัดและมีระดับพลังต่ำกว่า แต่อีกฝ่ายกลับมีทักษะกายาที่เหนือกว่าซึ่งทำให้เขาไม่สามารถยอมรับได้
หรือว่าอีกฝ่ายจะมาจากขุมพลังที่แข็งแกร่งกว่าเขา? จ้าวเชาเหิงรู้สึกทุกข์ร้อนเป็นครั้งแรก บางทีการแทรกแซงในครั้งนี้อาจเป็นการหาเรื่องเข้าหาตัว แต่เมื่อเขายื่นมือเข้ามาแล้ว เขาก็ไม่สามารถถอยหนีได้ ดังนั้นเขาจึงทำได้แค่กัดฟันเดินหน้าต่อเท่านั้น “เข้ามา!” เขากล่าว “เจ้ามันก็แค่จอมยุทธระดับบุปผาผลิบาน พวกเราจะต่อสู้กันสามกระบวนท่าถ้าเจ้าต้านทานได้ข้าจะปล่อยเจ้าไป และตราบใดที่เจ้าขอโทษน้องหยวนหมิง เรื่องนี้จะถือว่าไม่เคยเกิดขึ้น” โดยไม่รู้ตัว เขายอมอ่อนข้อและไม่ขอให้หลิงฮันคุกเข่าเพื่อขอโทษอีกต่อไป ตราบใดที่เขาขอโทษเพื่อไว้หน้าเขา หลิงฮันแสยะยิ้ม ทำไมเขาจะต้องไว้หน้าอีกฝ่ายด้วย? ใบหน้าไม่ใช่สิ่งที่จะได้รับจากคนอื่น แต่ด้วยความแข็งแกร่งของตัวเอง! หลิงฮันตะโกนและปล่อยการโจมตีใส่อีกฝ่ายขณะหัวเราะ “เจ้าจะต่อสู้กับข้าสามกระบวนท่า แต่ข้าเกรงว่าเจ้าจะไม่มีโอกาสได้โต้กลับ!” “ฮึ่ม สามกระบวนท่าของข้าจ้าว– บัดซบ!” สีหน้าของจ้าวเชาเปลี่ยนไปอย่างมาก และอีกฝ่ายได้ปล่อยการโจมตีที่มีมังกรคชสารสีทองที่สูงสิบฟุตออกมา และมีสายฟ้าล้อมรอบอยู่ใส่เขา เขารีบล่าถอยอย่างรวดเร็ว นี่มันจะแข็งแกร่งเกินไปแล้ว ถ้าต่อให้อีกฝ่ายก่อนสามกระบวนท่า แต่ดูเหมือนว่าเขาจะไม่มีโอกาสได้ตอบโต้