หลินจือพูดจบเดินออกจากห้อง เธอรู้ว่าห้องนอนของเทาเท่อยู่ไหน

ก่อนหน้านี้โซเมนมาเชิญพวกเธอไปร่วมอาหารค่ำด้วยกัน เขาบอกว่าถ้ารู้สึกน่าเบื่อสามารถไปเล่นไพ่หรือพูดคุยกับพวกเขา ดังนั้นจึงบอกหมายเลขห้องของพวกเขาเอาไว้

เพียงแต่ หลินจือมาถึงหน้าห้องของเทาเท่ด้วยอารมณ์ที่แปรปรวน เคาะประตูอยู่ครึ่งวันกลับไม่มีคนตอบรับ

หลังจากนั้นเธอหยิบโทรศัพท์ออกมาโทรหาเทาเท่ พบว่าเขาปิดเครื่อง

หลินจือยืนถือโทรศัพท์อยู่หน้าห้องเทาเท่ ชั่วขณะรู้สึกมึนงงเล็กน้อย

เทาเท่ทำแบบนี้หมายความว่ายังไง?

ไม่เปิดประตูไม่รับสาย ทำไมถึงรู้สึกเหมือนพยายามหลบหน้า?

แต่หลังจากที่ได้เดินออกมาแบบนี้ อารมณ์ของเธอถือว่าสงบลงมาก

ครุ่นคิดสักพัก เธอตัดสินใจเดินไปที่แผนกต้อนรับ

“ประธานเทาเท่และประธานโซเมนเพิ่งคืนห้อง” พนักงานต้อนรับยิ้มอย่างมีมารยาทแล้วตอบคำถาม หลังจากนั้นยกมือขึ้นชี้ไปทางด้านนอก “รถที่ส่งพวกเขาไปสนามบินเพิ่งออกไป”

หลินจือมองไปตามทิศทางของนิ้วมือ เห็นเพียงไฟท้ายของรถยนต์คันหนึ่ง ดูอ้างว้างอย่างบอกไม่ถูกในความมืดมิดที่ไม่มีวันสิ้นสุด

ชั่วขณะหลินจือไม่รู้ว่าตนเองกำลังคิดแบบไหน มันเหมือนกับใช้กำปั้นไปชกสำลี เทาเท่หลบหน้าไม่ยอมพบ เธอไม่มีที่ให้ปลดปล่อยอารมณ์ของตนเอง คำพูดที่อัดอั้นอยู่ในใจก็ไม่มีที่ระบาย

สุดท้ายเธอจึงทำได้แต่หันหลังแล้วเตรียมตัวเดินจากไป ใครจะไปรู้ว่าผู้หญิงที่อยู่ตรงแผนกต้อนรับเดินตามมาถามด้วยความกระตือรือร้น “คุณหลิน คุณเทาเท่เป็นคนเตรียมโดรนของคืนนี้ไว้ให้คุณโดยเฉพาะใช่หรือเปล่า?”

ต้องขอบคุณชาร์ลี ซูซี และพวกเทาเท่ ทำให้หลินจือกลายเป็นประเด็นร้อนอยู่หลายครั้ง ส่งผลให้เธอถือว่าเป็นบุคคลสาธารณะครึ่งหนึ่งแล้ว

แต่ว่าหลินจือที่ถูกพนักงานต้อนรับทำแบบนี้รู้สึกอึ้ง เธอไม่รู้ว่าควรจะตอบอย่างไรดี

พนักงานต้อนรับพูดอย่างจุ้นจ้าน “ก่อนหน้านี้ฟอเรนากรุ๊ปยกเลิกสัญญาณละครใหม่กับอาจารย์จอร์แดน ทุกคนต่างก็บอกว่าคุณเลิกกับประธานเทาเท่แล้ว แต่ตอนนี้ดูเหมือนมันไม่ได้เป็นแบบนั้น”

เห็นพนักงานต้อนรับเริ่มพูดจุ้นจ้านอย่างเร่าร้อน หลินจือทำได้แต่รีบพูด “เรื่องในวันนี้หวังว่าพวกคุณจะช่วยเก็บเป็นความลับ”

พูดจบเธอรีบเดินจากไปทันที

ในขณะเดียวกัน ในรถยนต์ที่กำลังเเล่นออกจากวิลล่าออนเซ็นอย่างเชื่องช้า โซเมนที่ถูกลากตัวไปอย่างกะทันหันพูดบ่นอย่างไม่พอใจ “คุณอุตส่าห์ดั้นด้นมาถึงเมืองเจสเวิร์ด และยังอุตส่าห์เตรียมการสารภาพรักแบบโรแมนติก ไม่คิดจะรอเธอมาหาคุณด้วยความซาบซึ้งบ้างเลย? ผมอุตส่าห์ตั้งใจบอกหมายเลขห้องของพวกคุณให้เธอรู้ ทั้งหมดก็เพื่อหวังว่าตอนที่เธอรู้สึกซาบซึ้งจนถึงขีดสุดจะมาหาคุณได้ง่ายขึ้น”

เมื่อกี้โซเมนมองดูการสารภาพรักผ่านโดรนสำเร็จอย่างราบรื่น เขาตั้งใจเตรียมตัวไปอาบน้ำแล้วพักผ่อน พรุ่งนี้ต้องไปเล่นสกีอีก

ใครจะไปรู้ก่อนที่เขาจะทันเข้าห้องอาบน้ำ กลับถูกเทาเท่เรียกให้รีบเก็บข้าวของไปจากที่นี่

คำอธิบายที่ได้รับจากเทาเท่คือเขาไม่มีความกล้าพอที่จะเผชิญหน้ากับหลินจือ โซเมนรู้สึกโมโหจนแทบจะเป็นลม

ยังมีอะไรไม่สามารถเผชิญหน้าได้อีก?

โซเมนคิดว่าตนเองเข้าใจจิตใจผู้หญิงอย่างดี เทาเท่จัดเตรียมการสารภาพรักที่โรแมนติกแบบนี้ หลินจือต้องรู้สึกซาบซึ้งมาก จนต้องมาพูดอะไรกับเทาเท่แน่นอน

หญิงหม้ายชายโสดอยู่ด้วยกันสองต่อสองในยามค่ำคืน บรรยากาศแห่งความโรแมนติกก็ถูกปูทางไว้เรียบร้อยแล้ว โซเมนรู้สึกว่าถึงก่อนหน้านี้หลินจือจะยืนการเลิกกับเทาเท่ให้ได้ยังไง ครั้งนี้เธอก็ควรจะเปลี่ยนใจแน่นอน

ใครจะไปรู้เทาเท่กลับเป็นคนถอยเสียเอง จะให้โซเมนไม่โมโหได้อย่างไร

เทาเท่มองความมืดนอกหน้าต่างที่ไร้จุดสิ้นสุด พูดกับโซเมนด้วยเสียงที่แผ่วเบา “คุณไม่เข้าใจเธอเลยสักนิด”

“เธอดูแล้วเหมือนผู้หญิงที่อ่อนแอ อันที่จริงเป็นคนหัวแข็งมาก เมื่อไหร่ที่เธอตัดสินใจ คนทั่วไปยากที่จะเปลี่ยนความคิดของเธอ”

อย่างเช่นตอนที่เธอหย่ากับเขา ความแน่วแน่ของเธอทำให้เขาคิดว่ามันเป็นความฝัน ตอนแรกเขายังรอให้เธอเสียใจทีหลัง รอเธอร้องไห้ฟูมฟายมาขอคืนดีกับเขา ใครจะไปคิดหลังจากหย่ากันวันที่สองเธอเดินทางไปต่างประเทศทันที

ไม่มีการลังเลแม้แต่นิดเดียว

ตอนนี้เธอตัดสินใจเลิกกับเขา ยังคงแน่วแน่เหมือนเดิม ไม่อย่างนั้นก็คงไม่ออกจากเมืองเจสเวิร์ดทันที

เทาเท่ดึงสายตาของตนเองกลับจากนอกหน้าต่าง มองไปทางโซเมน พูดเยาะเย้ยตัวเอง “เกรงว่าตอนนี้เธอไปหาผมถึงห้องพร้อมกับคำด่าชุดใหญ่ และพูดยืนยันสถานะระหว่างผมกับเธอ สั่งให้ผมต่อไปอยู่ห่างเธอเอาไว้”

เทาเท่เดาความคิดของหลินจือถูก โซเมนกลับงงเป็นไก่ตาแตก

“ผู้หญิงก็ง้อง่ายทั้งนั้นไม่ใช่เหรอ?” ในฐานะที่เป็นเจ้าพ่อคาสโนว่าอย่างเขา อดไม่ได้ที่จะตั้งคำถามแบบนี้

เทาเท่พูดด้วยน้ำเสียงที่เรียบเฉย “ผมคงพูดได้แต่ นั่นเป็นเพราะคุณยังไม่เจอกับผู้หญิงที่มีจิตใจแน่วแน่ต้องการแบ่งสถานะให้ชัดเจน เวลาที่ผู้หญิงโหดขึ้นมา มันไม่ได้ง้อง่ายขนาดนั้น”

เทาเท่มองโซเมนอย่างลึกซึ้งแล้วพูด “บางทีอาจจะสามารถพูดว่าคุณยังไม่เจอผู้หญิงที่รักคุณจริง”

ถ้าหากรักเขาจริง เมื่อไหร่ที่เขาทำร้ายเธอ มันไม่ใช่เรื่องที่สามารถง้อด้วยคำพูดโรแมนติกสองสามประโยคแน่บนอน

ผู้หญิงที่อยู่ข้างกายของโซเมน ส่วนมากล้วนแต่เห็นแก่ผลประโยชน์และเงินทองของเขา ถึงอาจจะมีการทะเลาะกันเล็กน้อย แต่ก็ไม่มีทางเลิกกับเขาแน่นอน แน่นอนว่าจะใช้วิธีการที่เขาส่งของขวัญก็จะยอมใจอ่อน

โซเมนโบกมือบ่งบอกว่าไม่เข้าใจ ไม่เข้าใจทั้งที่เทาเท่ยังรักหลินจือ กลับแอบทำอะไรบางอย่างโดยไม่เผชิญหน้า ไม่เข้าใจทำไมทั้งที่หลินจือยังรักเทาเท่ กลับต้องการเลิกกับเขา

ชอบดอกไม้ก็เด็ดมันลงมา รักดอกไม้ก็รดน้ำให้มัน

โซเมนเป็นคนประเภทแรก ความสัมพันธ์ที่มีต่อผู้หญิงหยุดอยู่แค่ตรงที่ชอบ

ส่วนเทาเท่เป็นคนประเภทหลัง เนื่องจากรักมาก เพราะแบบนี้จึงรู้สึกกังวลไปหมด พยายามอ้อมไปอ้อมมาไม่กล้าเผชิญหน้า

หลินจือกลับถึงห้องนอน นานิถามด้วยความประหลาดใจ “ทำไมถึงกลับมาเร็วแบบนี้?”

คืนนี้นานิก็ถูกการกระทำของเทาเท่ทำให้หวั่นไหวเช่นกัน คิดว่าหลินจือจะเปิดอกพูดคุยกับเทาเท่

หลินจือจ้องเธอยังไม่สบอารมณ์ หรือจะให้เธอไปอยู่กับเทาเท่ทั้งคืนเลยหรือยังไง?

“เขาและโซเมนไปแล้ว แผนกต้อนรับบอกว่าพวกเขาเพิ่งคืนห้อง” หลินจือเดินไปนั่งที่เตียงแล้วพูดด้วยสีหน้าที่บูดบึ้ง

“อะไรนะ?” นานิตกใจจนคางแทบหลุด “ไปแล้ว?”

“เทาเท่ไม่มีสมองเหรอ?”

เทาเท่อุตส่าห์เตรียมแผนที่โรแมนติกแบบนี้ ยังไงก็ต้องรอหลินจือพูดอะไรกับเขาบ้างมั้ง? อาศัยโอกาสนี้ทำให้เธอเปลี่ยนใจก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้

“เขาต้องกำลังตั้งใจหลบหน้าฉันแน่นอน” หลินจือรู้จักเทาเท่ “เขาไม่อยากฟังคำพูดเรื่องแบ่งสถานะที่ชัดเจนของฉัน”

“อ่อนแอ” หลินจือพูดถึงตรงนี้อดไม่ได้ที่จะด่าเทาเท่ด้วยความโมโห

“ทำให้เขาลำบากใจแล้ว” นานิแสดงความเห็นใจต่อเทาเท่ ก็พอเข้าใจความรู้สึกของเทาเท่ที่หลอกตัวเองพยายามหลีกเลี่ยงความรู้สึกในใจ

บางครั้งเธอก็เป็นแบบนี้ เธอมักจะคิด อันที่จริงนัตสึอยู่ต่างประเทศแบบนี้ตลอดก็ดีเหมือนกัน เขาไม่กลับมา เธอก็ไม่ต้องเผชิญหน้ากับเขา ก็ไม่ต้องเอ่ยถึงเรื่องไม่สบายใจในอดีต และไม่ต้องคาดหวังอนาคตของพวกเขา

อันที่จริงต้องมีวันหนึ่งที่นัตสึกลับประเทศ และต้องมีวันหนึ่งที่พวกเขาจะพบกันในสถานที่ใดที่หนึ่ง เกี่ยวกับอนาคตของพวกเขา ยังไงมันก็ต้องมีบทสรุป

จะยังคงเป็นคนแปลกหน้าหรือเริ่มต้นคืนดีกันใหม่ ยังไงมันก็ต้องมีคำตอบ