เนื่องจากการสารภาพรักผ่านโดรนของเทาเท่ ทำให้หลินจือไม่สามารถนอนหลับทั้งคืน
ทันทีที่หลับตาก็คือภาพโรแมนติกที่เป็นประกายบนท้องฟ้า เดี๋ยวก็เป็นเค้กวันเกิด เดี๋ยวก็เป็นภาพเงาของเธอ ถึงเธอจะไม่ได้พูดอะไรเลยก็ตาม แต่อันที่จริงภาพทั้งหมดมันตราตรึงอยู่ในใจของเธอ
มันเป็นความโรแมนติกที่ผู้ชายคนที่เธอรักมอบให้เธอ มันจะไม่ตราตรึงอยู่ในใจของเธอได้อย่างไร
แต่ภาพนี้ยิ่งเข้าไปในใจของเธอลึกมากเท่าไหร่ หัวใจของเธอก็ยิ่งรู้สึกเจ็บปวดมากเท่านั้น
ความรู้สึกที่รักกันแต่กลับไม่สามารถอยู่ด้วยกัน จะมีสักกี่คนที่สามารถเข้าใจ?
ขณะกำลังพลิกตัว นานิที่กำลังท่องโลกอินเตอร์เน็ตพูดพึมพำกับเธอ “การสารภาพรักผ่านโดรมติดคำค้นหายอดนิยมแล้ว”
นานิส่งโทรศัพท์ไปตรงหน้าของเธอ ในขณะที่หลินจือกำลังก้มหน้าอ่านข่าว “โชคดีที่พนักงานของวิลล่ารู้จักกาลเทศะ โพสต์แค่คลิปวิดีโอ ไม่ได้พูดถึงเนื้อหาที่เทาเท่เตรียมเพื่อคุณ บอกแค่มีเจ้าพ่อใช้โดรนสารภาพรักในวิลล่าของพวกเขา ทั้งโรแมนติกและสวยงาม”
“พูดถึงเมื่อกี้พวกเราสองคนเอาแต่รู้สึกอึ้งจนลืมเอาโทรศัพท์ออกมาถ่าย โชคดีที่พนักงานพวกนี้ช่วยคุณถ่ายเอาไว้แล้ว อย่าว่าอย่างนู้นอย่างนี้นะ คลิปวิดีโอที่พวกเขาถ่ายค่อนข้างชัดเจนและได้มุมที่สมบูรณ์แบบ สามารถบันทึกเก็บไว้เป็นที่ระลึก”
หลินจือไม่ได้ปฏิเสธความคิดเห็นของนานิ ไม่ว่าความสัมพันธ์ของเธอและเทาเท่จะเป็นอย่างไร มันล้วนแต่เป็นความโรแมนติกที่เขามอบให้เธอ เธอจำเป็นต้องบันทึกเอาไว้ เก็บมันเอาไว้ให้ดี
แต่ว่าหลินจือรู้สึกกลัวเรื่องที่ติดคำค้นหายอดนิยม ผู้คนกำลังถกเถียงประเด็นที่ว่าเจ้าของเรื่องคือใคร เลยคำพูดอิจฉาริษยามากมาย
โชคดีที่ผู้คนส่วนใหญ่กำลังเอาแต่คาดเดาดาราผู้หญิงหรือบุคคลทมีชื่อเสียงที่วันเกิดตรงกับช่วงนี้ ยังไม่ได้คาดเดามาถึงตัวเธอชั่วคราว
หลินจือถอนหายใจอย่างโล่งอก ส่งโทรศัพท์คืนให้นานิ “ฉันรู้สึกชื่นชมคุณสมบัติทางจิตวิทยาของดาราอย่างพวกคุณจริงๆ ไม่น่าแปลกใจเลยที่มีคนเป็นโรคซึมเศร้าตั้งมากมาย”
นานิหัวเราะ ใช้โอกาสนี้ล้างสมองของเธอ “อันที่จริง บางครั้งใช้ชีวิตแบบไร้หัวใจก็ดีเหมือนกัน”
หลินจือมองนานิแวบหนึ่ง เธอรู้ความหมายของนานิ นอกเสียจากพยายามเกลี้ยกล่อมให้เธออย่าใส่ใจมากเกินไป อย่าไปคิดเรื่องที่มันไม่มีอยู่จริง คบกับเทาเท่อย่างมีความสุข
แต่ว่า เธอสามารถไร้หัวใจต่อคนอื่น แต่ไม่สามารถไร้หัวใจต่อเทาเท่
เขาสมควรได้รับสิ่งที่ดีมากกว่านี้
ดังนั้น ท้ายที่สุดเธอดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมตนเองแล้วพูดกับนานิ “นอนเถอะ พรุ่งนี้จะไปเล่นสกีอีกไม่ใช่เหรอ?”
วิลล่าออนเซ็นแห่งนี้มีลานสกีด้วย พวกเธอวางแผนจะเล่นสกีในวันที่สองแต่แรก เล่นให้มันสนุกสุดเหวี่ยงสักครั้ง
ค่ำของอีกวันหลินจือตามนานินั่งเครื่องบินกลับเมืองเจสเวิร์ด จอร์แดนและลูน่าก็เห็นด้วยที่หลินจือไปเยี่ยมคุณท่าน หลายปีที่ผ่านมา โชคดีที่คุณท่านเมตตาหลินจือ หลินจือจึงสามารถรักษาหน้าของตนเองเอาไว้ได้ในช่วงที่แต่งงาน
รุ่งเช้า โรงพยาบาลเมืองเจสเวิร์ด
ห้องผู้ป่วยของคุณท่าน
คุณท่านกำลังดื่มโจ๊กที่เทาเท่นำมา เหลือบมองเทาเท่ที่อยู่ด้านข้างด้วยสายตาที่เย็นชา “แกไม่ย้ายไปอยู่เปกก้าแล้วเหรอ? ทำไมถึงกลับมาที่นี่?”
เทาเท่เคยคุยเรื่องที่ย้ายไปอยู่เปกก้ากับคุณท่านแล้ว คุณท่านย่อมรู้อยู่แล้วว่าเพราะอะไร นอกจากถอนหายใจแล้วก็คือถอนหายใจ แต่ไม่ได้แสดงความไม่พอใจหรือห้ามปรามแต่อย่างใด
เทาเท่พูดอย่างไม่ใส่ใจ “ถึงย้ายไปอยู่เปกก้าก็ต้องแสดงความกตัญญูต่อคุณ”
คุณท่านพ่นลมออกจากจมูกดังฮึ่ม “อย่าคิดว่าฉันไม่รู้แกกำลังคิดอะไรอยู่ แกไปบอกหลินจือว่าฉันป่วยอีกแล้วใช่หรือเปล่า? ที่แกมาหมกตัวอยู่ที่นี่ เพราะกำลังรอเธอมาเยี่ยมฉันใช่หรือเปล่า?”
“คนโบราณมองออกแต่ไม่พูด ดูเหมือนคุณยังไม่บรรลุถึงระดับนี้” เทาเท่พูดเหน็บคุณท่าน
คุณท่านพูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่สบอารมณ์ “ไสหัวไปเลย”
แน่นอน ด่าก็คือส่วนด่า เทาเท่ยังคงนั่งอยู่บนเก้าอี้ตรงท้ายเตียงหนัก แน่นดุจดั่งเขาไท่ซาน
ไม่ว่าวันนี้คุณท่านพูดอะไร เขาก็จะอยู่ที่นี่
เขาได้รับข้อความที่นานิส่งมาหาเขาแล้ว หลินจือตามนานินั่งเครื่องบินมาเมืองเจสเวิร์ดตั้งแต่เมื่อคืน เมื่อคืนพักผ่อน วันนี้เช้าเธอต้องมาเยี่ยมคุณท่านแน่นอน
ไม่เพียงแค่มาเยี่ยมคุณท่าน ต้องทำอาหารเช้าด้วยตัวเองมาให้คุณท่านด้วยแน่นอน
ตอนนี้คุณท่านกินอาหารเช้าที่เขานำมาไปแล้ว อีกเดี๋ยวเขาต้องกินไม่ลงแน่นอน ถึงเวลาเขาก็จะกินอาหารเช้าที่หลินจือนำมาจนหมดเกลี้ยง
คุณท่านดื่มโจ๊กไปอีกหลายคำ อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจแล้วพูด “พูดไปพูดมา เป็นเพราะฉันที่ทำผิดต่อพวกแก่”
“ถ้าหากไม่ได้เป็นเพราะฉันยืนกรานจับคู่ให้พวกแกอยู่ด้วยกัน ก็คงไม่มีเรื่องวุ่นวายใจพวกนี้ในวันนี้”
ก่อนหน้านี้เขาบังคับให้เทาเท่แต่งงานกับหลินจือ คุณท่านตั้งหน้าตั้งตารอ ในที่สุดก็รอจนถึงวันที่หลานชายของตนเองเบิกตากว้างมองเห็นความดีของหลินจือ ในขณะที่กำลังรู้สึกโล่งใจ ทั้งชีวิตของหลานชายถือว่ามีครอบครัวที่อบอุ่นใน ใครจะไปดูว่ามันจะเกิดการเปลี่ยนแปลง
หากไม่ได้เป็นเพราะหัวใจของเขาเข้มแข็งพอ แค่ปัญหามากมายในช่วงนี้ของตระกูลฟอเรนาก็ทำให้เขาล้มได้แล้ว
เทาเท่จ้องสีหน้าที่หวั่นไหวของคุณท่านแล้วพูด “ไม่ว่าวันนี้ผมและหลินจือเป็นยังไง ผมรู้ว่าที่คุณทำแบบนั้นเพราะหวังดีต่อผม”
ในครอบครัวนี้ มีเพียงคุณท่านเท่านั้นที่หวังดีต่อเขาอย่างจริงใจ
ยากที่จะได้เห็นเทาเท่เปิดอกคุยกับคุณท่าน คุณท่านอดไม่ได้ที่จะรู้สึกอึ้ง
หลังจากนั้นคุณท่านถอนหายใจแล้วพูด “เหลือเชื่อที่แกเข้าใจความตั้งใจของฉัน ดูเหมือนความรักสามารถทำให้คนเติบโตขึ้นได้จริง”
ต้องบอกก่อน ไอ้เด็กเมื่อวานซืนคนนี้เคยเกลียดมากแค่ไหนที่บังคับให้เขาแต่งงานกับหลินจือ
เทาเท่ไม่ได้พูดอะไรต่อ ส่วนคุณท่านก็เริ่มกินอาหารเช้าต่อ
คุณท่านกลืนอาหารเช้าอย่างเชื่องช้า สังเกตเห็นเทาเท่ก้มหน้าอ่านข้อความที่เพิ่งได้รับ หลังจากอ่านจนจบ เขารีบนั่งตัวตรงจัดแจงเสื้อผ้าของตนเองทันที
คุณท่านเข้าใจได้ในทันที ดูเหมือนหลินจือกำลังมาแล้ว
คุณท่านทั้งรู้สึกโมโหและขำพฤติกรรมของเทาเท่ อดไม่ได้ที่จะพูดแซะ “แกคิดว่าที่เธอไม่อยู่กับแกเป็นเพราะรูปลักษณ์ของแกเหรอ?”
“ถึงแกจะแต่งตัวดูดียังไง เธอก็ไม่มีทางเหลือบมองแกด้วยซ้ำ”
คุณท่านไม่พูดแบบนี้ยังดี พอพูดแบบนี้เทาเท่กลับลุกขึ้นยืน เดินเข้าไปในห้องน้ำด้วยความกระตือรือร้น เริ่มจัดแจงเสื้อผ้าและทรงผมของตนเองหน้ากระจกทันที
คุณท่าน “……”
เขาตั้งใจใช่หรือเปล่า?
ตอนที่เทาเท่เพิ่งเดินออกจากห้องน้ำ มีคนเคาะประตูห้องผู้ป่วยทันที
เขาสูดลมหายใจเข้า เดินไปเปิดประตู
ไม่รู้ว่าเพราะอะไร แค่นึกถึงกำลังจะได้เจอหลินจือ หัวใจของเขาเต้นแรงอย่างน่าประหลาด
ทั้งที่เป็นสามีภรรยาที่อยู่กินมานานหลายปี ทำไมถึงรู้สึกประหม่าแบบนี้
ประตูห้องถูกเปิด หลินจือที่ถือกล่องเก็บความร้อนในมือเงยหน้าขึ้นสังเกตเห็นผู้ชายใบหน้าหล่อเหลาตัวสูงตรงหน้าทันที เธอถามเสียงแข็ง “ทำไมคุณถึงอยู่ที่นี่?”
หลังจากที่หลินจือถามรู้สึกเสียใจเล็กน้อย คุณท่านเป็นปู่ของเขา เขาอยู่ที่นี่ก็เป็นเรื่องปกติไม่ใช่เหรอ
“ผมมาเยี่ยมคุณปู่” เทาเท่ไว้หน้าเธอ ตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง หลังจากนั้นหลบให้เธอเดินเข้ามา
เห็นคุณท่านที่อยู่บนเตียงผู้ป่วย หลินจือก็ไม่สนใจเทาเท่อะไรทั้งนั้นแล้ว รีบเดินตรงเข้าไปทันที